เปิดตัวและวางจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ Samsung Galaxy A34 5G และ Galaxy A54 5G สมาร์ทโฟนระดับกลางในตระกูล Galaxy A ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ Awesome เน้นสเปกจัดเต็ม อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ที่เพิ่มความสะดวกในการใช้งานมากมาย แต่มีราคาค่าตัวที่จับต้องได้ง่าย เริ่มต้นที่ 11,999 บาทเท่านั้น มาดูกันดีกว่าว่า สมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่นนี้จะมีทีเด็ด รวมถึงมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอะไรบ้าง และคุ้มค่าคุ้มราคาแค่ไหน กับรีวิว Samsung Galaxy A34 5G | Galaxy A54 5G โดยทีมงาน techmoblog.com
สเปก Samsung Galaxy A34 5G | Galaxy A54 5G
ดีไซน์ตัวเครื่องระดับพรีเมียม กันน้ำ IP67
สำหรับดีไซน์ของทั้ง Samsung Galaxy A34 5G และ Galaxy A54 5G เรียกได้ว่า ถอดแบบมาจากสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงอย่าง Samsung Galaxy S23 series ที่เปิดตัวไปเมื่อตอนต้นปี โดยจะเห็นว่า ไม่มีโมดูลกล้องด้านหลังแล้ว ส่วนเลนส์กล้องนูนออกมาเล็กน้อย ซึ่งความแตกต่างระหว่าง 2 รุ่นนี้ก็คือ Samsung Galaxy A34 5G วัสดุด้านหลังจะเป็น Glasstic ผิวเรียบด้าน ส่วน Samsung Galaxy A54 5G วัสดุด้านหลังจะเป็นกระจก โดยทั้ง 2 รุ่นใช้กระจกกันรอย Gorilla Glass 5 ป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี
Samsung Galaxy A34 5G มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ Awesome Silver, Awesome Violet (รุ่นที่รีวิว) และ Awesome Graphite ส่วน Samsung Galaxy A54 5G จะมีให้เลือกทั้งหมด 4 สีคือ Awesome Lime (รุ่นที่รีวิว), Awesome Violet, Awesome Graphite และสีพิเศษ Awesome White ที่มีจำหน่ายเฉพาะ www.samsung.com เท่านั้น
นอกจากนี้ ทั้ง 2 รุ่นยังรองรับคุณสมบัติด้านการป้องกันน้ำและกันฝุ่น ที่ระดับ IP67 สามารถทนน้ำลึก 1 เมตรได้นาน 30 นาที แต่ไม่แนะนำให้นำไปใช้งานถ่ายรูปใต้น้ำ
หน้าจอ Super AMOLED อัตรารีเฟรช 120Hz
แม้ว่าดีไซน์ของทั้ง 2 รุ่นจะคล้าย ๆ กัน แต่จริง ๆ แล้ว Samsung Galaxy A34 5G มีขนาดตัวเครื่องใหญ่กว่าเล็กน้อย และมีขนาดหน้าจอใหญ่กว่าอยู่ที่ 6.6 นิ้ว ส่วน Samsung Galaxy A54 5G มีขนาดหน้าจออยู่ที่ 6.4 นิ้ว ซึ่งทั้ง 2 รุ่นรองรับอัตรารีเฟรชที่ 120Hz ปรับอัตโนมัติตามคอนเทนต์บนหน้าจอ นอกจากนี้ ยังรองรับความสว่างหน้าจอสูงสุดถึง 1,000 nits สามารถใช้งานในที่กลางแจ้งได้สบาย มองเห็นได้อย่างชัดเจน
นอกเหนือจากวัสดุด้านหลังตัวเครื่องที่แตกต่างกันแล้ว ดีไซน์ของหน้าจอแสดงผลของทั้ง 2 รุ่นก็ต่างกัน ซึ่ง Samsung Galaxy A34 5G จะเป็นหน้าจอแบบ Infinity-U Display หรือจอหยดน้ำ ส่วน Samsung Galaxy A54 5G จะเป็นหน้าจอแบบ Infinity-O Display หรือหน้าจอแบบเจาะรู ในขณะที่ปุ่มกด และพอร์ตต่าง ๆ จะเหมือนกันทั้ง 2 รุ่น
สำหรับช่องใส่ซิมการ์ด จะเป็นแบบ Hybrid Slot ซึ่งจะต้องเลือกระหว่างซิมการ์ดที่ 2 หรือ microSD Card ที่รองรับสูงสุด 1TB
รองรับฟีเจอร์ Always-On Display
นอกเหนือจากหน้าจอแบบ Super AMOLED และอัตรารีเฟรชสูงสุดที่ 120Hz แล้ว Samsung Galaxy A34 5G และ Galaxy A54 5G ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Always-On Display สำหรับแสดงข้อมูลวันเวลา, การแจ้งเตือน รวมถึงความจุแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่
กล้องถ่ายรูป รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K
ไฮไลท์ที่น่าสนใจของสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่น นั่นก็คือ Awesome Camera กล้องถ่ายรูปที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ซึ่งทั้ง Samsung Galaxy A34 5G กับ Galaxy A54 5G มาพร้อมกับกล้องด้านหลัง 3 ตัวเหมือนกัน แต่รายละเอียดแตกต่างกันเล็กน้อย นั่นก็คือ Samsung Galaxy A34 5G จะมาพร้อมกับเลนส์หลัก ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล (F/1.8), เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (F/2.2) และเลนส์ Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล (F/2.4) ส่วนกล้องด้านหน้า ความละเอียดอยู่ที่ 13 ล้านพิกเซล (F/2.2)
ด้าน Samsung Galaxy A54 5G สเปกกล้องจะดีกว่าเล็กน้อย โดยมาพร้อมเลนส์หลัก ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล (F/1.8), เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (F/2.2) และเลนส์ Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล (F/2.4) ส่วนกล้องด้านหน้า ความละเอียดอยู่ที่ 32 ล้านพิกเซล ซึ่งทั้ง 2 รุ่นรองรับระบบกันสั่น OIS อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังตอบโจทย์สายคอนเทนต์ด้วยเช่นกัน เพราะรองรับการถ่ายวิดีโอ 4K UHD ที่ 30fps ความละเอียด 3840 x 2160 พิกเซล อีกทั้งยังรองรับการถ่ายวิดีโอ 4K ได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง รวมถึงเทคโนโลยีการบันทึกเสียงแบบ Dual Microphone เก็บเสียงได้ดีขึ้น เรียกได้ว่า จบและครบในรุ่นเดียว
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Samsung Galaxy A34 5G | Galaxy A45 5G
ทดสอบประสิทธิภาพ
สำหรับ Samsung Galaxy A54 5G รุ่นนี้มาพร้อมกับชิปเซ็ต Exynos 1380 ที่ทำงานร่วมกับหน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB ซึ่งชิปเซ็ต Exynos 1380 เมื่อเทียบกับชิปเซ็ต Exynos 1280 ที่ใช้กับ Galaxy A53 5G รุ่นที่แล้ว จะประมวลผลได้เร็วกว่าเดิมถึง 30% จึงรองรับการทำงาน Multitasking ได้อย่างไม่ติดขัด รวมถึงสามารถเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล และมีความเสถียรมากขึ้น
ส่วน Samsung Galaxy A34 5G จะใช้ชิปเซ็ตคนละรุ่นกับ Galaxy A54 5G ซึ่งรุ่นนี้มาพร้อมชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 1080 แรงกว่า Exynos 1280 อยู่ 30% เช่นกัน ส่วนหน่วยความจำ RAM มีขนาดอยู่ที่ 8GB เท่ากับรุ่น Galaxy A54 5G จึงตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างรวดเร็ว สลับใช้งานแอปได้อย่างลื่นไหล เล่นเกมได้ไม่ติดขัด
นอกจากนี้ ทั้ง 2 รุ่นยังรองรับฟีเจอร์ RAM Plus ซึ่งจะใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลเพื่อสร้างหน่วยความจำเสมือนได้สูงสุด 6GB รวมกับ RAM ที่มีติดเครื่องอยู่แล้ว 8GB รวมเป็น 14GB ทำให้เปิดการทำงานแอปแบบเบื้องหลังได้มากกว่าเดิม
มาดูกันที่คะแนนทดสอบ Benchmark ของทั้ง Samsung Galaxy A34 5G และ Galaxy A54 5G ด้วยโปรแกรม Geekbench 6 ได้คะแนนดังนี้
ฟีเจอร์ Voice Focus ระบบตัดเสียงรบกวนขณะใช้งานโทรศัพท์
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจบน Samsung Galaxy A34 5G และ Galaxy A54 5G ก็คือ Voice Focus ซึ่งเป็นฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนขณะใช้งานโทรศัพท์นั่นเอง ทำให้ปลายสายได้ยินเสียงสนทนาที่ชัดเจนขึ้น เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่มีเสียงรบกวนค่อนข้างดัง อย่างเช่น ไรเดอร์ที่ต้องเจอทั้งเสียงบนท้องถนน และเสียงลมขณะขับรถส่งอาหารตลอดทั้งวัน
รองรับทั้งการสแกนลายนิ้วมือ และสแกนใบหน้า
ด้านระบบความปลอดภัย ทั้ง Samsung Galaxy A34 5G และ Galaxy A54 5G รองรับทั้งฟีเจอร์การสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ รวมถึงระบบการสแกนใบหน้า ซึ่งสามารถสแกนเพื่อปลดล็อคตัวเครื่องได้อย่างรวดเร็ว
แบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh พร้อมชาร์จเร็ว 25W
ทั้ง Samsung Galaxy A34 5G และ Galaxy A54 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดความจุเท่ากันที่ 5,000 mAh และรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 25W ทำให้ใช้เวลาในการชาร์จจนเต็ม 100% ไม่นานนัก
สรุปการใช้งาน
ทั้ง Samsung Galaxy A34 5G และ Galaxy A54 5G ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางในตระกูล Galaxy A series ที่น่าจับตามองอีกรุ่นหนึ่ง สมชื่อสโลแกน Awesome ซึ่งทั้ง 2 รุ่นถือว่า มีความโดดเด่น และมีฟังก์ชันการใช้งานที่ครบและจบในเครื่องเดียว
สำหรับไฮไลท์เด่นของทั้ง Samsung Galaxy A34 5G และ Galaxy A54 5G มีหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ดีไซน์ตัวเครื่องใหม่ สวยหรู ให้รูปลักษณ์พรีเมียม เนื่องจากใช้ดีไซน์ที่ถอดแบบมาจากรุ่นเรือธงอย่าง Galaxy S23 นั่นเอง รวมถึงหน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED รองรับอัตรารีเฟรช 120Hz และฟีเจอร์ Always-On Display ซึ่งเป็นฟีเจอร์ของสมาร์ทโฟนระดับเรือธง แต่จ่ายในราคาสมาร์ทโฟนระดับกลาง
ด้านประสิทธิภาพ รองรับการใช้งานแบบ Multitasking เปิดพร้อมกันได้หลายแอป หรือสลับแอปก็ทำได้ลื่นไหล ไม่หน่วง ไม่กระตุก นอกจากนี้ ยังรองรับฟีเจอร์ RAM Plus ซึ่งจะเป็นการใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลเพื่อสร้างหน่วยความจำเสมือนได้สูงสุด 6GB รวมกับ RAM ที่มีติดเครื่องอยู่แล้ว 8GB รวมเป็น 14GB ทำให้เปิดการทำงานแอปแบบเบื้องหลังได้มากกว่าเดิม ส่วนแบตเตอรี่ของทั้ง 2 รุ่นมีขนาดความจุมากถึง 5,000 mA รองรับการใช้งานได้อย่างยาวนานตลอดทั้งวัน
สำหรับกล้องถ่ายรูป มาพร้อมกับเลนส์ที่ครอบคลุมทุกระยะการถ่ายภาพ และยังตอบโจทย์สายคอนเทนต์ กับรองรับการถ่ายวิดีโอ 4K UHD ที่ 30fps ความละเอียด 3840 x 2160 พิกเซล และยังรองรับการถ่ายวิดีโอ 4K ได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังอีกด้วย แต่เนื่องจากเลนส์กล้องด้านหลังนูนออกมา ฉะนั้นในการใช้งาน หรือการวางตัวเครื่องจะต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ ซึ่งการใส่เคสจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อเลนส์กล้องได้ในระดับหนึ่ง
ราคา Samsung Galaxy A34 5G | Galaxy A54 5G
Samsung Galaxy A34 5G มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ Awesome Silver, Awesome Violet และ Awesome Graphite ราคาอยู่ที่ 11,999 บาท ส่วน Samsung Galaxy A54 5G จะมีให้เลือกทั้งหมด 4 สีคือ Awesome Lime, Awesome Violet, Awesome Graphite และสีพิเศษ Awesome White ที่มีจำหน่ายเฉพาะ www.samsung.com เท่านั้น ราคาเริ่มต้นที่ 13,999 บาท สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้บนเว็บไซต์ samsung.com, Samsung Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วประเทศ
-------------------------------------
บทความรีวิวโดย : techmoblog.com
Update : 05/04/2024
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |