หลังจากที่ทีมงาน techmoblog.com ได้ทำการรีวิว Samsung Galaxy A30 มือถือกล้องคู่รุ่นสุดคุ้มกันไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้ วันนี้มาดูอีกรุ่นในซีรี่ส์เดียวกัน ที่มาพร้อมกับสเปกที่ครบเครื่องกว่า ในราคาแค่หมื่นต้น ๆ ซึ่งรุ่นที่จะมารีวิวกันในวันนี้ ก็คือ Samsung Galaxy A50 นั่นเอง
เมื่อเปรียบเทียบดีไซน์ด้านหน้าระหว่าง Samsung Galaxy A50 กับ Samsung Galaxy A30 แล้ว จะถือว่าเหมือนกันมากจนแทบแยกไม่ออก เพราะทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับดีไซน์แบบ Infinity-U Display หรือจอบากรูปทรงหยดน้ำ และหน้าจอแสดงผลขนาด 6.4 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล (FHD+) ส่วนบอดี้ด้านหลังเป็นพลาสติกที่เรียกว่า 3D Glasstic ที่มีการเคลือบผิวสัมผัสให้มีความแวววาวคล้ายกระจก ซึ่งตัวเครื่องแต่ละสี จะมีลูกเล่นการสะท้อนแสงของฝาหลังที่แตกต่างกันออกไป ทำให้เหมือนกับเป็นตัวเครื่องแบบไล่เฉดสี ดูสวยงามน่าใช้ไปอีกแบบ
สำหรับความแตกต่างระหว่าง Samsung Galaxy A50 กับ Samsung Galaxy A30 อยู่ที่กล้องด้านหลัง ซึ่ง Samsung Galaxy A50 มาพร้อมกับกล้องด้านหลัง 3 ตัว (Triple-Camera) ประกอบด้วย เลนส์หลัก ความละเอียด 25 ล้านพิกเซล, เลนส์ Ultra Wide มุมมองกว้าง 123 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และเลนส์ Depth สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอในโหมด Live Focus ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ส่วนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบน Samsung Galaxy A50 เป็นแบบ Optical หรือการสแกนนิ้วบนหน้าจอ (On-Screen Fingerprint) แบบเดียวกับรุ่นเรือธงอย่าง Samsung Galaxy S10
ด้านการประมวลผล มาพร้อมกับชิปเซ็ต Exynos 9610 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.3 GHz, หน่วยประมวลผลภาพกราฟิก Mali-G72 MP3 GPU, หน่วยความจำ RAM ขนาด 6 GB และหน่วยความจำ ROM ขนาด 128 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 512 GB ส่วนแบตเตอรี่มีขนาดความจุอยู่ที่ 4,000 mAh พร้อมรองรับระบบชาร์จเร็ว และทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 (Pie) พร้อมอินเทอร์เฟส One UI
เรียกได้ว่า แค่สเปกเบื้องต้น ก็ทำให้ Samsung Galaxy A50 รุ่นนี้ มีความน่าสนใจไม่น้อย มาพิสูจน์ไปพร้อม ๆ กันดีกว่าว่า สมาร์ทโฟนรุ่นนี้จะตอบโจทย์กับการใช้งานทั่วไปมากน้อยแค่ไหน กับรีวิว Samsung Galaxy A50 โดยทีมงาน techmoblog.com
>> สเปก Samsung Galaxy A50 อย่างละเอียด คลิกที่นี่
Samsung Galaxy A50 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาด 6.4 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล (FHD+) ในอัตราส่วน 19:5:9 ส่วนขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 158.5 x 74.7 x 7.7 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 166 กรัม
ด้านบนของหน้าจอแสดงผล เป็นกล้องด้านหน้า ความละเอียด 25 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้าง F/2.0 และเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ส่วนตำแหน่งเหนือกล้องนั้น เป็นลำโพงสำหรับสนทนา โดยรุ่นนี้มาพร้อมกับดีไซน์ที่เรียกว่า Infinity-U Display หรือจอบากรูปทรงหยดน้ำ
ด้านล่างของหน้าจอแสดงผล เป็นปุ่มควบคุมการทำงานแบบสัมผัส ประกอบด้วย ปุ่ม Recent Apps, ปุ่ม Home และปุ่มย้อนกลับ ซึ่ง Samsung Galaxy A50 รุ่นนี้ รองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (On-Screen Fingerprint) แบบเดียวกับ Samsung Galaxy S10 รุ่นเรือธง
ด้านขวาของตัวเครื่อง เป็นปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดตัวเครื่อง หรือล็อกหน้าจอแสดงผล และปุ่มปรับระดับเสียง ส่วนด้านซ้ายของตัวเครื่อง เป็นถาดใส่ซิมการ์ด ซึ่ง Samsung Galaxy A30 รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดแบบ Triple Slot สามารถใส่ซิมการ์ดที่ 1, ซิมการ์ดที่ 2 และ microSD Card ได้พร้อมกัน
ด้านบนของตัวเครื่อง เป็นไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน ส่วนด้านล่างตัวเครื่อง เป็นช่องหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, พอร์ต USB-C, ไมโครโฟนตัวหลักสำหรับสนทนา และลำโพงเสียง
กล้องด้านหลัง เป็นกล้อง 3 ตัว (Triple-Camera) ประกอบด้วย เลนส์หลัก ความละเอียด 25 ล้านพิกเซล, เลนส์ Ultra Wide มุมมองกว้าง 123 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และเลนส์ Depth สำหรับวัดระยะชัดตื้น ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
สำหรับฝาหลังเป็นพลาสติกแบบใหม่ที่เรียกว่า 3D Glasstic ที่มีการเคลือบผิวสัมผัสให้มีความแวววาวคล้ายกระจก โดยรุ่นที่นำมารีวิวนั้น เป็นตัวเครื่องสีขาว ซึ่งจะเห็นว่า ไม่ได้เป็นสีขาวแบบด้าน แต่จะมีลูกเล่นการสะท้อนของฝาหลังเป็นสีรุ้งตามมุมมองต่าง ๆ โดยตัวเครื่องแต่ละสีก็ให้สีสันที่แตกต่างกันไปทำให้เหมือนกับเป็นตัวเครื่องแบบไล่เฉดสี
Samsung Galaxy A50 ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 (Pie) และอินเทอร์เฟส One UI เวอร์ชัน 1.1
สำหรับฟังก์ชันการแจ้งเตือน สามารถเข้าสู่เมนูลัดสำหรับตั้งค่าการใช้งานในเบื้องต้นได้ ทั้ง Wi-Fi, Bluetooth, ล็อกการหมุนของหน้าจอ, ปรับความสว่างของหน้าจอ, ไฟฉาย, Airplane Mode และอื่น ๆ
การปัดจากซ้ายไปขวา จะเป็นการเปิดใช้งานฟีเจอร์ Bixby Home เวอร์ชัน 3.0 ด้านในจะประกอบด้วยคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่ผู้ใช้ให้ความสนใจ รวมถึงข้อมูลและกิจกรรมต่าง ๆ ของผู้ใช้จะถูกรวมมาไว้ในหน้าเดียว
สามารถเลือกเปลี่ยนวอลเปเปอร์, ธีมส่วนตัว, ไอคอนส่วนตัว รวมถึง Widget ต่าง ๆ ได้ตามสไตล์การใช้งาน
ด้านปุ่มควบคุมการทำงานแบบสัมผัส สามารถเลือกสลับตำแหน่งของปุ่ม Recent Apps กับปุ่ม Back ได้ หรือจะเปลี่ยนเป็นการควบคุมการทำงานแบบใช้ท่าทางก็ได้เช่นกัน
สามารถเลือกแอปพลิเคชันที่ต้องการให้แสดงผลแบบเต็มหน้าจอได้ หรือจะเปิดฟังก์ชัน ซ่อนกล้องหน้า ซึ่งจะเป็นการเพิ่มแถบสีดำที่ด้านบนของหน้าจอเพื่อไม่ให้มองเห็นกล้องด้านหน้า
รองรับฟีเจอร์ Always On Display กับการแสดงวันที่, เวลา รวมถึงข้อความแจ้งเตือนต่าง ๆ บนหน้า Lock Screen ในขณะที่หน้าจอยังดับอยู่
รองรับฟีเจอร์ตัวกรองแสงสีฟ้า กับการจำกัดปริมาณแสงสีฟ้าบนหน้าจอด้วยการเปลี่ยนสีบนหน้าจอให้เป็นสีเหลืองนวล เพื่อลดอาการล้าที่ดวงตาเมื่อใช้เป็นเวลานาน ๆ หรือใช้ในที่แสงน้อย นอกจากนี้ยังมีโหมดกลางคืน กับการเปลี่ยนธีมให้เป็นสีทึบ สำหรับการใช้งานในที่แสงน้อยให้สบายตามากขึ้น
ในด้านความปลอดภัยและการปลดล็อกตัวเครื่องนั้น รองรับทั้งการสแกนใบหน้า (Face Recognition) และการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (On-Screen Fingerprint)
รองรับ Secure Folder (โฟลเดอร์ที่ปลอดภัย) ปกป้องข้อมูลสำคัญของผู้ใช้ด้วยการเข้ารหัส
ฟีเจอร์ Dual Messenger สามารถเชื่อมต่อ 2 บัญชีในแอปฯ เดียวกันได้พร้อมกัน เช่น Facebook, LINE เป็นต้น
การกดค้างที่ไอคอนแอปฯ จะพบกับเมนูลัดต่าง ๆ ทำให้เข้าถึงแอปฯ นั้น ๆ ได้รวดเร็วขึ้น
การปัดขึ้นจากหน้า Home จะเข้าสู่ App Drawer รวมแอปพลิเคชันที่มีทั้งหมดในตัวเครื่อง เบื้องต้นนั้นมีแอปพลิเคชันพื้นฐานของทาง Samsung, Google และ Microsoft ติดตั้งมาให้เรียบร้อยแล้ว
Samsung Member เป็นแอปพลิเคชันที่ผู้ใช้สามารถรับบริการต่าง ๆ เช่น ข่าวสารล่าสุด, บริการความช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง, ทิป-เทคนิคการใช้งาน พร้อมตรวจสอบหาปัญหาและให้คำปรึกษาต่าง ๆ เพื่อให้มือถือ Samsung รุ่นที่ใช้อยู่นั้นอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด
Samsung Max เป็นแอปพลิเคชันที่มาพร้อมกับคุณสมบัติในการบีบอัดข้อมูลในการใช้งานอินเทอร์เน็ตให้มีขนาดที่เล็กลง รวมถึงจัดการแอปพลิเคชันที่มีการทำงานแบบเบื้องหลัง เพื่อทำให้ตัวเครื่องประมวลผลได้ไวขึ้น และเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย อีกทั้งจะส่งการแจ้งเตือนเมื่อพบเจอแอปฯ ที่ใช้งานข้อมูลแบบเบื้องหลังมากจนเกินไป นอกจากนี้ ยังมีความปลอดภัยสูงด้วยฟังก์ชันปกป้องความเป็นส่วนตัว ด้วยการเชื่อมต่อแบบเข้ารหัสเมื่อพบว่า ตัวเครื่องได้ถูกเชื่อมต่อกับ Wi-Fi สาธารณะ รวมถึงปิดกั้นการติดตามจากเว็บไซต์ต่าง ๆ
SmartThings คือแอปพลิเคชันจัดการอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ภายในบ้านแบบอัจฉริยะ และควบคุมการใช้งานผ่านทางสมาร์ทโฟน ซึ่งนอกจากจะรองรับเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ Samsung แล้ว ยังรองรับแบรนด์อื่น ๆ ด้วยเช่นกัน
รองรับฟีเจอร์ มุมมองป๊อบอัพอัจฉริยะ (Smart Pop-Up View) ด้วยการย่อแอปพลิเคชันให้มีขนาดที่เล็กลง สามารถเคลื่อนย้ายตำแหน่งได้อย่างอิสระ, ปรับขนาดได้ หรือทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันอื่นไปพร้อม ๆ กันได้
ในกรณีที่คลิปวิดีโอไม่ได้อยู่ในอัตราส่วนที่ 19:5:9 การแสดงผลจะเป็นแบบไม่เต็มจอ ซึ่งจะเหลือขอบด้านข้างซ้ายและขวาเอาไว้ แต่ผู้ใช้สามารถขยายให้เต็มจอได้ แต่ภาพจะตัดขอบด้านบนและด้านล่างออกไปเล็กน้อย
มาทดสอบด้านการเล่นเกมยอดนิยมอย่าง PUBG Mobile กับ ROV กันบ้าง โดย Samsung Galaxy A50 มาพร้อมกับชิปเซ็ต Exynos 9610 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.3 GHz และหน่วยความจำ RAM ขนาด 6 GB ซึ่งจากการทดสอบเล่นเกมทั้ง 2 เกมข้างต้นด้วยการเปิดกราฟิกในระดับ HD พบว่า ตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างลื่นไหล แทบไม่มีอาการหน่วง แต่ตัวเครื่องจะมีความร้อนสะสมบ้างขณะใช้งาน
ปิดท้ายด้วยการทดสอบ Benchmark กันบ้าง โดยผลการทดสอบด้วยโปรแกรม Geekbench 4 ทำได้ 1,710 คะแนน (Single-Core) และ 5,357 คะแนน (Multi-Core) ส่วนการทดสอบด้วยโปรแกรม AnTuTu ทำได้ 140,124 คะแนน ซึ่งเป็นคะแนนทดสอบในระดับกลาง ๆ
สำหรับกล้องด้านหน้าบน Samsung Galaxy A50 มีความละเอียดอยู่ที่ 25 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง F/2.0 รองรับโหมด Beauty หรือโหมดหน้าสวย ที่ผู้ใช้สามารถเลือกปรับแต่งใบหน้าแบบอัตโนมัติ หรือจะเลือกปรับเองได้ตามใจชอบ สูงสุดที่ 8 ระดับ
รองรับฟีเจอร์ Live Focus ถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ ที่สามารถปรับความเบลอของฉากหลังได้สูงสุด 7 ระดับ และสามารถปรับความเนียนของผิวได้สูงสุด 8 ระดับ
รองรับฟีเจอร์ AR Emoji กับการสร้างภาพ Emoji ของตัวเอง ซึ่งเป็นฟีเจอร์เดียวกับที่อยู่ในรุ่นเรือธง นอกจากนี้ ยังรองรับฟีเจอร์ AR Sticker อีกด้วย
สำหรับกล้องด้านหลังบน Samsung Galaxy A30 เป็นกล้อง 3 ตัว (Triple-Camera) ซึ่งประกอบด้วย เลนส์หลัก ความละเอียด 25 ล้านพิกเซล, เลนส์ Ultra Wide มุมมองกว้าง 123 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และเลนส์ Depth ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล สำหรับถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอในโหมด Live Focus โดยสามารถสลับเลนส์ได้ตรงไอคอนรูปต้นไม้ ซึ่งรูปต้นไม้ 3 ต้น หมายถึง เลนส์ Ultra Wide ส่วนรูปต้นไม้ 2 ต้น หมายถึง เลนส์ Wide (เลนส์หลัก)
โหมด Scene Optimizer กับการใช้เทคโนโลยี AI ในการช่วยประมวลผล และปรับแสงสีของภาพให้เหมาะสมกับวัตถุนั้น ๆ ซึ่งสามารถแยกความแตกต่างได้สูงสุดถึง 19 โหมดด้วยกัน ได้แก่ อาหาร, บุคคล, ดอกไม้, ฉากในร่ม, สุนัข, ทิวทัศน์, ฉากสีเขียว, ต้นไม้, ท้องฟ้า, ภูเขา, ชายหาด, พระอาทิตย์ตก, ริมน้ำ, ท้องถนนในเมือง, ทิวทัศน์ยามค่ำคืน, น้ำตก, หิมะ, นก และข้อความ ซึ่งความแม่นยำของโหมด Scene Optimizer อาจแตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมหรือวัตถุด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ Samsung Galaxy A50 ยังรองรับโหมด Live Focus หรือการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ ที่สามารถปรับความเบลอของฉากหลังได้สูงสุด 7 ระดับ และโหมด Flaw Detection ตรวจจับข้อผิดพลาดในกรณีที่บุคคลในภาพอาจหลับตา, ภาพย้อนแสง หรือภาพเบลอ ก็จะมีการแจ้งเตือนให้ผู้ใช้ถ่ายใหม่ เพื่อให้ได้ภาพถ่ายที่ดีที่สุด
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า โหมด Beauty อัตโนมัติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า โหมด Beauty ปรับความเนียนของผิวที่ระดับ 4
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า โหมด Beauty ปรับความเนียนของผิวที่ระดับ 8
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า Selfie Focus
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง เลนส์ปกติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง เลนส์ปกติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง เลนส์ปกติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง เลนส์ปกติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง เลนส์ Ultra Wide
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง เลนส์ Ultra Wide
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง เลนส์ Ultra Wide
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง เลนส์ Ultra Wide
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง โหมด Live Focus
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง โหมด Live Focus
จากการทดสอบใช้งาน Samsung Galaxy A50 ในเบื้องต้น คงจะพอพิสูจน์กันได้ว่า เป็นสมาร์ทโฟนในระดับราคาหมื่นต้น ๆ ที่น่าสนใจไม่น้อยเลยก็ว่าได้ เริ่มกันตั้งแต่ดีไซน์แบบ Infinity-U Display หรือดีไซน์จอบากรูปทรงหยดน้ำตามสมัยนิยม พร้อมหน้าจอแสดงผลขนาด 6.4 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล ในอัตราส่วน 19:5:9 ส่วนด้านหลังตัวเครื่องมาพร้อมกับดีไซน์ที่เรียกว่า 3D Glasstic ที่มีการเคลือบผิวสัมผัสให้มีความแวววาวคล้ายกระจก และลูกเล่นการสะท้อนกับแสงในมุมมองต่าง ๆ อีกทั้งยังมีการติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (On-Screen Fingerprint) แบบเดียวกับ Samsung Galaxy S10 รุ่นเรือธง และรองรับการปลดล็อกตัวเครื่องด้วยการสแกนใบหน้า (Face Recognition)
สำหรับจุดขายหลักของ Samsung Galaxy A50 รุ่นนี้ อยู่ที่กล้องหลักด้านหลังที่มีมากถึง 3 ตัว (Triple-Camera) ที่มาพร้อมกับความละเอียด 25+8+5 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์ Ultra Wide มุมกว้างถึง 123 องศา สำหรับเก็บภาพแบบมุมกว้าง และเลนส์ Depth สำหรับถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอในโหมด Live Focus นอกจากนี้ ยังมีโหมด Scene Optimizer ด้วยการใช้เทคโนโลยี AI ในการช่วยประมวลผล และปรับแสงสีของภาพให้เหมาะสมกับวัตถุนั้น ๆ ซึ่งสามารถแยกความแตกต่างได้สูงสุดถึง 19 โหมด รวมถึงโหมด Flaw Detection ตรวจจับข้อผิดพลาดในกรณีที่บุคคลในภาพอาจหลับตา, ภาพย้อนแสง หรือภาพเบลอ ก็จะมีการแจ้งเตือนให้ผู้ใช้ถ่ายใหม่ เพื่อให้ได้ภาพถ่ายที่ดีที่สุด ส่วนกล้องด้านหน้า เป็นกล้องตัวเดียว ความละเอียด 25 ล้านพิกเซล พร้อมโหมด Beauty สามารถปรับความเนียนของใบหน้าได้สูงสุด 8 ระดับ, รองรับโหมด Selfie Focus ถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ รวมถึงฟีเจอร์ AR Emoji สร้างภาพอีโมจิของตนเองในรูปแบบ 3 มิติ
ด้านการประมวลผล มาพร้อมกับชิปเซ็ต Exynos 9610 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.3 GHz, หน่วยประมวลผลภาพกราฟิก Mali-G72 MP3 GPU, หน่วยความจำ RAM ขนาด 6 GB, หน่วยความจำ ROM ขนาด 128 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 512 GB, รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด ซึ่งเป็นถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Triple Slot ที่สามารถใส่ซิมการ์ดที่ 1, ซิมการ์ดที่ 2 และ microSD Card ได้พร้อมกัน, แบตเตอรี่ขนาดความจุ 4,000 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว และทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 (Pie) พร้อมอินเทอร์เฟส One UI เวอร์ชัน 1.1
นอกจากนี้ Samsung Galaxy A50 ยังรองรับฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ฟีเจอร์ Always On Display, โหมดกลางคืน กับการเปลี่ยนธีมให้เป็นสีทึบ สำหรับการใช้งานในที่แสงน้อยให้สบายตามากขึ้น, ฟีเจอร์ Dual Messenger สามารถเชื่อมต่อ 2 บัญชีในแอปฯ เดียวกันได้พร้อมกัน, แอปพลิเคชัน SmartThings จัดการอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ภายในบ้านแบบอัจฉริยะ และควบคุมการใช้งานผ่านทางสมาร์ทโฟน และฟีเจอร์ Smart Pop-Up View กับการย่อแอปพลิเคชันให้มีขนาดที่เล็กลง สามารถเคลื่อนย้ายตำแหน่งได้อย่างอิสระ, ปรับขนาดได้ หรือทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันอื่นไปพร้อม ๆ กันได้
สำหรับราคาของ Samsung Galaxy A50 อยู่ที่ 11,490 บาท มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ Blue, Black และ White โดยทาง Samsung ประเทศไทย มีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับ Samsung Galaxy A50 ซึ่งได้แก่
นอกจากนี้ สมาร์ทโฟนเครื่องเก่า สามารถนำมาเป็นส่วนลดเพื่อแลกซื้อ Samsung Galaxy A50 ได้ เฉพาะที่ Samsung Brand Shop และร้านค้าที่ร่วมรายการ
จุดเด่นของ Samsung Galaxy A50
จุดที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม
ข้อควรทราบ : เครื่อง Samsung Galaxy A50 ในบทความรีวิวนี้ เป็นเพียงเครื่องทดสอบเท่านั้น คุณสมบัติบางอย่างอาจยังไม่สมบูรณ์ 100% และอาจไม่ตรงกับตัวเครื่องที่วางจำหน่ายจริง
------------------------------------
บทความรีวิวโดย : techmoblog.com
Update : 30/05/2019
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |