นอกเหนือจาก Samsung Galaxy A71 ที่ทีมงาน techmoblog.com รีวิวให้ชมกันไปเมื่อไม่นานมานี้ ยังมีสมาร์ทโฟนอีกรุ่นที่เปิดตัวพร้อมกัน นั่นก็คือ Samsung Galaxy A51 ที่มาพร้อมกับกล้องหลัง 4 ตัว เลนส์ครบทุกระยะเช่นกัน ซึ่งรุ่นนี้จะมีราคาที่ย่อมเยากว่าในงบหมื่นต้น ๆ แต่สเปกก็จะเป็นรองกว่า Samsung Galaxy A71 เล็กน้อย
ถ้าหากเปรียบเทียบกับ Samsung Galaxy A50 รุ่นปีที่แล้ว จะเห็นว่า Samsung Galaxy A51 นั้น ได้รับการอัปเกรดดีไซน์ภายนอกใหม่ทั้งหมด โดยมาพร้อมกับหน้าจอแบบ Infinity-O Display เจาะรูตรงกลางสำหรับกล้องด้านหน้า สไตล์เดียวกับ Galaxy Note 10 ขนาดอยู่ที่ 6.5 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล บนอัตราส่วน 20:9 และติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (On-Screen Fingerprint) เช่นเดียวกับรุ่น Samsung Galaxy A71 เรียกได้ว่า สเปกและฟีเจอร์การใช้งานโดยรวม แทบไม่ต่างจาก Samsung Galaxy A71 มากนัก
ด้านการประมวลผล มาพร้อมกับชิปเซ็ต Exynos 9611 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.3 GHz, หน่วยประมวลผลภาพกราฟิก Mali-G72 MP3 GPU, หน่วยความจำ RAM ขนาด 6 GB, หน่วยความจำ ROM ขนาด 128 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 512 GB และแบตเตอรี่ขนาดความจุ 4,000 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง 15W อีกทั้งยังรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด ที่สามารถใช้งานเครือข่าย 4G LTE ได้ทั้ง 2 ซิม พร้อมถาดใส่ซิมแบบ Triple-Slot ที่สามารถใส่ทั้งซิมการ์ดที่ 1, ซิมการ์ดที่ 2 และ microSD Card ได้พร้อมกัน
มาดูกันที่กล้องถ่ายรูปกันบ้าง ซึ่งกล้องด้านหลังมาพร้อมกับดีไซน์ใหม่แบบ L-Shaped ที่ถือว่า เป็นดีไซน์กล้องมือถือ Samsung ในปีนี้ไปแล้ว รวมถึง Samsung Galaxy S20 Series ที่เปิดตัวไปเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ก็มาพร้อมกับดีไซน์นี้เช่นกัน โดยกล้องด้านหลังของ Samsung Galaxy A51 มีทั้งหมด 4 ตัวเหมือนกับ Samsung Galaxy A71 ประกอบด้วย เลนส์หลัก ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล (F/2.0), เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (F/2.2) มุมมองกว้าง 123 องศา, เลนส์ Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล (F/2.4) และเลนส์ Depth ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล (F/2.2) นอกจากนี้ ยังรองรับฟีเจอร์ถ่ายภาพที่ผู้ใช้ Samsung คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น Live Focus สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ, โหมด Scene Optimizer กับการใช้เทคโนโลยี AI ในการช่วยประมวลผล และปรับแสงสีของภาพให้เหมาะสมกับวัตถุนั้น ๆ รวมถึง Super Steady ลดการสั่นไหวในขณะถ่ายวิดีโอ ส่วนกล้องด้านหน้า ความละเอียดอยู่ที่ 32 ล้านพิกเซล พร้อมโหมด Live Focus สำหรับการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ และโหมด Beauty ที่สามารถปรับแต่งใบหน้าได้ตามความต้องการ
สำหรับราคาของ Samsung Galaxy A51 อยู่ที่ 10,490 บาทเท่านั้น เรียกได้ว่า อยู่ในระดับราคาที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว โดยในวันนี้ ทีมงาน techmoblog.com จะมารีวิวการใช้งาน Samsung Galaxy A51 ให้ชมกันว่า คุ้มค่าสมราคาแค่ไหน
>> สเปก Samsung Galaxy A51 อย่างละเอียด คลิกที่นี่
สำหรับดีไซน์ของ Samsung Galaxy A51 นั้น เรียกได้ว่า ถอดแบบมาจาก Samsung Galaxy A71 เลยก็ว่าได้ เพียงแต่มีขนาดตัวเครื่องและขนาดหน้าจอเล็กกว่าเล็กน้อย ซึ่ง Samsung Galaxy A51 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล Infinity-O Display ขนาด 6.5 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล (FHD+) บนอัตราส่วนขนาด 20:9 ครอบทับด้วยกระจกขอบโค้งแบบ 2.5D โดยมีขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 158.5 x 73.6 x 7.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 172 กรัม
ด้านบนของหน้าจอแสดงผล เป็นกล้องด้านหน้า ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล (F/2.2) (สเปกเดียวกับ Samsung Galaxy A71) ซึ่งเหนือบริเวณกล้องด้านหน้า จะเป็นลำโพงเสียงสำหรับสนทนา, Proximity Sensor สำหรับปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน และ Light Sensor สำหรับปรับความสว่างของหน้าจอให้เหมาะสมกับสภาพแสงในขณะที่กำลังใช้งาน
ด้านล่างของหน้าจอแสดงผล เป็นปุ่มควบคุมการทำงานแบบสัมผัส ประกอบด้วย ปุ่ม Recent Apps, ปุ่ม Home และปุ่มย้อนกลับ นอกจากนี้ รองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (On-Screen Fingerprint) อีกด้วย
ด้านขวาของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดตัวเครื่อง และปุ่มปรับระดับเสียง ส่วนด้านซ้ายของตัวเครื่อง เป็นถาดใส่ซิมการ์ดแบบ nanoSIM ซึ่งถาดใส่ซิมการ์ดเป็นแบบ Triple-Slot ที่สามารถใส่ซิมการ์ดที่ 1, ซิมการ์ดที่ 2 และ microSD Card ได้พร้อมกัน
ด้านบนของตัวเครื่อง เป็นไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน ส่วนด้านล่างตัวเครื่อง ประกอบด้วย ช่องหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB-C, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา และลำโพงเสียง
สำหรับกล้องด้านหลังบน Samsung Galaxy A51 มีทั้งหมด 4 ตัวด้วยกัน (Quad Camera) ซึ่งประกอบด้วย
ส่วนอุปกรณ์ที่ให้มาในชุดจำหน่ายมาตรฐาน ประกอบด้วย สาย USB-C to USB-C, อะแดปเตอร์ขนาด 15W, เข็มสำหรับจิ้มถาดซิมการ์ด, ใบรับประกัน, คู่มือการใช้งาน, หูฟัง และเคสซิลิโคนใส
สำหรับอินเทอร์เฟสของ Samsung Galaxy A51 ถือว่า ไม่แตกต่างจาก Samsung Galaxy A71 เท่าใดนัก ซึ่งรุ่นนี้ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 10 และอินเทอร์เฟส One UI เวอร์ชัน 2.0, รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดแบบ nanoSIM และรองรับเครือข่าย 4G LTE ทั้ง 2 ซิมการ์ดอีกด้วย
สำหรับฟังก์ชันการแจ้งเตือน สามารถเข้าสู่เมนูลัดสำหรับตั้งค่าการใช้งานในเบื้องต้นได้ ทั้ง Wi-Fi, Bluetooth, Airplane Mode, ล็อกการหมุนของหน้าจอ, ปรับความสว่างของหน้าจอ, ไฟฉาย, เปิด-ปิด NFC และการตั้งค่าอื่น ๆ รวมถึงปิดเครื่อง หรือรีสตาร์ทเครื่องจากส่วนนี้ก็ได้เช่นกัน
สามารถเลือกเปลี่ยนวอลเปเปอร์, ธีมส่วนตัว, ไอคอนส่วนตัว รวมถึง Widget ต่าง ๆ ได้ตามสไตล์การใช้งาน ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบดาวน์โหลดฟรี และแบบเสียเงิน
การปัดจากซ้ายไปขวา จะเป็นการเปิดใช้งานฟีเจอร์ Bixby Home เวอร์ชัน 3.0 ด้านในจะประกอบด้วยคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่ผู้ใช้ให้ความสนใจ รวมถึงข้อมูลและกิจกรรมต่าง ๆ ของผู้ใช้จะถูกรวมมาไว้ในหน้าเดียว
การปัดขึ้นจากหน้า Home จะเข้าสู่ App Drawer รวมแอปพลิเคชันที่มีทั้งหมดในตัวเครื่อง เบื้องต้นนั้นมีแอปพลิเคชันพื้นฐานของทาง Samsung, Google และ Microsoft ติดตั้งมาให้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการกดค้างที่ไอคอนแอปฯ จะพบกับเมนูลัดต่าง ๆ ทำให้เข้าถึงแอปฯ นั้น ๆ ได้รวดเร็วขึ้น
สามารถตั้งค่าการแสดงผลของไอคอนแอปฯ ได้ 4 รูปแบบ ซึ่งได้แก่ 4x5, 4x6, 5x5 และ 5x6
รองรับฟีเจอร์ฟิลเตอร์แสงสีฟ้า กับการจำกัดปริมาณแสงสีฟ้าบนหน้าจอด้วยการเปลี่ยนสีบนหน้าจอให้เป็นสีเหลืองนวล เพื่อลดอาการล้าที่ดวงตาเมื่อใช้เป็นเวลานาน ๆ หรือใช้ในที่แสงน้อย นอกจากนี้ยังมีโหมดแสงทึบ กับการเปลี่ยนธีมให้เป็นสีทึบ สำหรับการใช้งานในที่แสงน้อยให้สบายตามากขึ้น
สามารถตั้งค่าเพื่อเปิด-ปิดการใช้งานหน้าจอขอบ (Edge Screen) ด้วยการปัดที่ขอบด้านขวา เพื่อเปิดเมนูลัดเข้าสู่แอปพลิเคชันที่เลือกไว้ได้อย่างรวดเร็วขึ้น หรือผู้ใช้สามารถเลือกแผง Edge ในรูปแบบอื่น ๆ ได้ตามการใช้งาน
Edge Lighting แสดงการแจ้งเตือนในรูปแบบ Pop Up ขนาดเล็กพร้อมเอฟเฟกต์แสง ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกรูปแบบ, สีสัน, ความโปร่งใส และช่วงเวลาในการแสดงเอฟเฟกต์ได้
ในด้านความปลอดภัยและการปลดล็อกตัวเครื่องนั้น รองรับทั้งการสแกนใบหน้า (Face Recognition) และการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (On-Screen Fingerprint)
รองรับฟีเจอร์ Always On Display กับการแสดงวันที่, เวลา รวมถึงข้อความแจ้งเตือนต่าง ๆ บนหน้า Lock Screen ในขณะที่หน้าจอยังดับอยู่
ปุ่มด้านข้างตัวเครื่อง สามารถเลือกเพื่อตั้งค่าการใช้งานได้ เช่น กด 2 ครั้งเพื่อเปิดกล้อง - เปิด Bixby - เปิดแอปฯ หรือกดค้างไว้เพื่อปลุก Bixby - ปิดเครื่อง เป็นต้น
รองรับฟีเจอร์ มุมมองป๊อปอัพอัจฉริยะ (Smart Pop-up View) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่มีไว้เพื่อย่อแอปพลิเคชันให้มีขนาดที่เล็กลง และสามารถย้ายตำแหน่งได้อย่างอิสระ เพื่อให้สามารถใช้งานแอปฯ อื่นได้พร้อมกัน
สามารถควบคุมการใช้งานด้วยการเคลื่อนไหวและท่าทาง เช่น หน้าจอติดเมื่อหยิบโทรศัพท์, แตะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อปลุก, ใช้ฝ่ามือปัดเพื่อจับภาพ, ปัดเพื่อโทรหรือส่งข้อความ และโหมดมือเดียว กับการปรับขนาดของการแสดงผลลงชั่วคราวเพื่อให้สามารถควบคุมการใช้งานด้วยมือเดียวได้ง่ายขึ้น
รองรับฟีเจอร์ Dual Messenger สามารถเชื่อมต่อ 2 บัญชีในแอปฯ เดียวกันได้พร้อมกัน เช่น Facebook, LINE เป็นต้น ซึ่งสามารถใช้รายชื่อผู้ติดต่อแยกกันได้อีกด้วย
Digital Wellbeing เป็นโหมดสำหรับติดตามเวลาในการใช้งานแต่ละแอปพลิเคชัน ที่ผู้ใช้สามารถตั้งค่าขีดจำกัดรายวันในการใช้งานแอปฯ แต่ละแอปฯ ได้ นอกจากนี้ ผู้ปกครองยังสามารถเพิ่มการจำกัดคอนเทนต์และตั้งค่าการจำกัดการใช้งานของบุตรหลานให้ใช้งานในแต่ละวันได้ด้วยเช่นกัน
Device Care แอปพลิเคชันสำหรับดูแลและบำรุงรักษาอุปกรณ์ ซึ่งสามารถปรับการตั้งค่าได้หลายส่วนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น แบตเตอรี่, พื้นที่จัดเก็บในภายตัวเครื่อง, เคลียร์ RAM, สถานะความปลอดภัย และควบคุมปริมาณการรับส่งข้อมูลผ่านเครือข่าย
ในกรณีที่คลิปวิดีโอไม่ได้อยู่ในอัตราส่วนที่ 20:9 การแสดงผลจะเป็นแบบไม่เต็มจอ ซึ่งจะเหลือขอบด้านข้างซ้ายและขวาเอาไว้ แต่ผู้ใช้สามารถขยายให้เต็มจอได้ แต่ภาพจะตัดขอบด้านบนและด้านล่างออกไปเล็กน้อย
รองรับฟีเจอร์ Game Booster สำหรับเกมเมอร์ ซึ่งระบบจะทำการเรียนรู้รูปแบบการใช้งานของผู้ใช้เพื่อปรับการใช้งานให้เหมาะสม นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถบล็อกการแจ้งเตือนต่าง ๆ รวมถึงสายเรียกเข้าไม่ให้รบกวนในระหว่างเล่นเกมได้ อีกทั้งยังมีโหมดล็อกหน้าจอและสามารถกลับเข้ามาเล่นเกมเดิมได้ทันที โดยที่ไม่ต้องเข้าแอปฯ เกมนั้นใหม่
Samsung Galaxy A51 รุ่นที่นำมาทดสอบนี้ มาพร้อมกับชิปเซ็ต Exynos 9611 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.3 GHz และหน่วยความจำ RAM ขนาด 6 GB ซึ่งจากการทดสอบเล่นเกมทั้ง PUBG Mobile และ ROV พบว่า ตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างลื่นไหล แทบไม่มีอาการหน่วงให้เห็น ตัวเครื่องมีความร้อนสะสมบ้างเมื่อใช้งานไปนาน ๆ แต่ไม่มีผลต่อการใช้งานแต่อย่างใด
ทดสอบ Benchmark ด้วยโปรแกรม Geekbench 5 ทำได้ 260 คะแนน (Single-Core) และ 1,195 คะแนน (Multi-Core) ส่วนการทดสอบด้วยโปรแกรม AnTuTu ทำได้ 187,895 คะแนน
ทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน 3D Mark แบบ Sling Shot Extreme - OpenGL ES 3.1 ได้คะแนนการทดสอบที่ 1,578 คะแนน ส่วนการทดสอบแบบ Sling Shot Extreme - Vulkan ได้คะแนนการทดสอบที่ 1,548 คะแนน
สำหรับอินเทอร์เฟสกล้องถ่ายรูปของ Samsung Galaxy A51 ไม่แตกต่างจาก Samsung Galaxy A71 โดยกล้องด้านหน้า ความละเอียด 32 ล้านพิกเซลนั้น มีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้หลากหลาย เช่น Live Focus, รูปถ่าย, วิดีโอ, โปร, พาโนรามา, มาโคร, อาหาร, กลางคืน, Super Slow-Mo, Slow Motion และ Hyperlapse
นอกจากนี้ ยังรองรับโหมด Beauty หรือโหมดหน้าสวย ที่ผู้ใช้สามารถเลือกปรับแต่งใบหน้าแบบอัตโนมัติสูงสุด 3 ระดับ หรือจะเลือกปรับเองได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็น ความเรียบเนียน, สีผิว, แนวกราม และดวงตา สูงสุดที่ 8 ระดับ
โหมด Live Focus หรือโหมดถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ สามารถปรับความเบลอของฉากหลังได้สูงสุด 7 ระดับ และผิวเรียบเนียนได้สูงสุด 8 ระดับ ซึ่งยังสามารถปรับระดับความเบลอ รวมถึงรูปแบบของ Bokeh ได้ภายหลังอีกด้วย
รองรับฟีเจอร์ AR Emoji กับการสร้างภาพ Emoji ของตัวเอง ซึ่งเป็นฟีเจอร์เดียวกับที่อยู่ในรุ่นเรือธง โดยผู้ใช้สามารถเลือกปรับแต่งใบหน้า และเครื่องแต่งกายได้ตามใจชอบ
นอกจากนี้ ยังรองรับฟีเจอร์ AR Emoji และ AR Sticker ที่ช่วยเพิ่มลูกเล่นให้ภาพถ่ายน่าสนใจมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
สำหรับกล้องด้านหลังของ Samsung Galaxy A51 ประกอบด้วยกล้องทั้งหมด 4 ตัว (Quad Camera) เช่นเดียวกับ Samsung Galaxy A71 แตกต่างกันที่ความละเอียดของกล้องหลักเท่านั้น สรุปได้ดังนี้
โดยมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกมากมายเช่นเดียวกับกล้องด้านหน้า ซึ่งได้แก่ Live Focus, รูปถ่าย, วิดีโอ, โปร, พาโนรามา, มาโคร, อาหาร, กลางคืน, Super Slow-Mo, Slow Motion และ Hyperlapse โดยสามารถสลับเลนส์ได้ตรงไอคอนรูปต้นไม้ ซึ่งรูปต้นไม้ 3 ต้น หมายถึง เลนส์ Ultra Wide ส่วนรูปต้นไม้ 2 ต้น หมายถึง เลนส์ Wide (เลนส์หลัก)
นอกจากนี้ ยังมีโหมด Scene Optimizer กับการใช้เทคโนโลยี AI ในการช่วยประมวลผล และปรับแสงสีของภาพให้เหมาะสมกับวัตถุนั้น ซึ่งความแม่นยำของโหมด Scene Optimizer อาจแตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมหรือวัตถุด้วยเช่นกัน
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า โหมด Beauty ปรับความเนียนของผิวระดับ 4
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า โหมด Beauty ปรับความเนียนของผิวระดับ 4
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า โหมด Beauty ปรับความเนียนของผิวระดับ 8
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า โหมด Beauty ปรับความเนียนของผิวระดับ 8
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า โหมด Live Focus ปรับความเบลอของฉากหลังระดับ 7
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง มุมมองปกติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง มุมมองปกติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง มุมมองปกติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง มุมมองกว้าง (Ultra Wide)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง มุมมองกว้าง (Ultra Wide)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง มุมมองกว้าง (Ultra Wide)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง มุมมองกว้าง (Ultra Wide)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง โหมดอาหาร
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง โหมดอาหาร
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง โหมด Macro
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง โหมด Macro
จากการทดสอบใช้งาน Samsung Galaxy A51 ในเบื้องต้น ก็คงพอจะสรุปได้ว่า เป็นสมาร์ทโฟนในระดับราคาหมื่น ๆ ต้นที่คุ้มค่าคุ้มราคาไม่น้อย ซึ่งรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอแบบ Infinity-O Display ขนาดกว้าง 6.5 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล ในอัตราส่วน 20:9 และตัวเครื่องบางจับได้ถนัดมือ พร้อมเฉดสีสไตล์พาสเทลที่มีให้เลือกถึง 3 สีสัน อีกทั้งยังติดตั้งระบบการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (On-Screen Fingerprint) และระบบการสแกนใบหน้า (Face Recognition) เพิ่มความปลอดภัยในการปลดล็อกตัวเครื่อง
ด้านกล้องถ่ายรูปด้านหลัง มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่แบบ L-shaped ติดตั้งกล้องมากถึง 4 ตัว (Quad Camera) ที่ให้มุมมองการถ่ายภาพที่แตกต่างกันถึง 4 รูปแบบ ซึ่งประกอบด้วย เลนส์หลัก ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล (F/2.0), เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (F/2.2), เลนส์ Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล (F/2.4) และเลนส์ Depth ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล (F/2.2) อีกทั้งยังรองรับฟังก์ชันการถ่ายภาพที่เทียบเท่ากับรุ่นเรือธง ไม่ว่าจะเป็น Live Focus, Scene Optimizer, AR Emoji, AR Sticker และฟีเจอร์ Super Steady สำหรับถ่ายภาพวิดีโออีกด้วย ส่วนกล้องด้านหน้า เป็นกล้องตัวเดียว ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล พร้อมโหมด Beauty ปรับใบหน้าเนียนได้สูงสุดที่ 8 ระดับ
สำหรับการประมวลผลนั้น มาพร้อมกับชิปเซ็ต Exynos 9611 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.3 GHz, หน่วยประมวลผลภาพกราฟิก Mali-G72 MP3 GPU, หน่วยความจำ RAM ขนาด 6 GB และหน่วยความจำ ROM ขนาด 128 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 512 GB อีกทั้งยังรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดที่สามารถใช้เครือข่าย 4G LTE ได้ทั้ง 2 ซิม พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4,000 mAh รองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงขนาด 15W และฟีเจอร์ Game Booster สำหรับเกมเมอร์ ที่ช่วยทำให้การเล่นเกมลื่นไหลไม่สะดุด ด้วยการปิดฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็น พร้อมปรับแต่งการใช้พลังงานแบตเตอรี่, อุณหภูมิ และ RAM ให้เหมาะสมที่สุด
นอกจากนี้ Samsung Galaxy A51 ยังรองรับฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น ฟีเจอร์ Always On Display, โหมดแสงทึบ กับการเปลี่ยนธีมให้เป็นสีทึบ สำหรับการใช้งานในที่แสงน้อยให้สบายตามากขึ้น, ฟีเจอร์ Dual Messenger สามารถเชื่อมต่อ 2 บัญชีในแอปฯ เดียวกันได้พร้อมกัน, และฟีเจอร์ Smart Pop-Up View กับการย่อแอปพลิเคชันให้มีขนาดที่เล็กลง สามารถเคลื่อนย้ายตำแหน่งได้อย่างอิสระ, ปรับขนาดได้ หรือทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันอื่นไปพร้อม ๆ กันได้
สำหรับผู้ที่สนใจ Samsung Galaxy A51 สมาร์ทโฟนราคาสุดคุ้มรุ่นนี้ ทาง Samsung ก็มีโปรโมชั่นเมื่อซื้อ Samsung Galaxy A51 รับฟรีส่วนลด 500 บาท สำหรับอุปกรณ์สวมใส่และอุปกรณ์เสริม ซึ่งโปรโมชั่นนี้ มีถึงวันที่ 8 มีนาคมนี้เท่านั้น สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกันได้ที่ร้านค้าที่ร่วมรายการ
ส่วนราคาของ Samsung Galaxy A51 อยู่ที่ 10,490 บาท มีให้เลือกทั้งหมด 3 สีด้วยกัน ได้แก่ สีดำ, สีชมพู และสีฟ้า สามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ Samsung Experience Shop และร้านค้าที่ร่วมรายการเท่านั้น
จุดเด่นของ Samsung Galaxy A51
จุดที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม
ข้อควรทราบ : เครื่อง Samsung Galaxy A51 ในบทความรีวิวนี้ เป็นเพียงเครื่องทดสอบเท่านั้น คุณสมบัติบางอย่างอาจยังไม่สมบูรณ์ 100% และอาจไม่ตรงกับตัวเครื่องที่วางจำหน่ายจริง
------------------------------------
บทความรีวิวโดย : techmoblog.com
Update : 02/04/2020
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |