ได้ฤกษ์วางจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2018 ที่ผ่านมา สำหรับ Samsung Galaxy A7 รุ่นปี 2018 ซึ่งถือว่าเป็นมือถือ Samsung รุ่นแรกที่มาพร้อมกับกล้องด้านหลังถึง 3 ตัว อีกทั้งยังมีความพิเศษตรงที่มาพร้อมเลนส์มุมกว้างพิเศษถึง 120 องศา จับภาพมุมกว้าง ๆ ได้อย่างสบาย ๆ แถมเปิดตัวด้วยราคาที่หมื่นต้น ๆ เท่านั้น
สำหรับกล้องด้านหลัง 3 ตัว (Triple-Camera) ที่ถือว่าเป็นจุดขายของ Samsung Galaxy A7 นั้น ประกอบด้วย กล้องหลักซึ่งเป็นเลนส์ Wide ปกติ (กว้าง 77 องศา) ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล (F/1.7), กล้องตัวที่สอง เป็นเลนส์ Ultra Wide มุมกว้าง 120 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (F/2.4) และกล้องตัวที่สาม เป็นเลนส์ Depth สำหรับถ่ายภาพระยะชัดลึก ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล (F/2.2) พร้อมฟีเจอร์ถ่ายภาพ อย่างเช่น Live Focus สำหรับถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ ที่สามารถปรับความเบลอของฉากหลังได้ รวมถึงฟีเจอร์ Scene Optimizer วิเคราะห์ฉากหลังซึ่งจะช่วยปรับการตั้งค่ากล้องให้ถ่ายภาพได้สวยขึ้น และมีความเป็นธรรมชาติ สมจริงกับวัตถุที่กำลังถ่าย ซึ่งฟีเจอร์นี้ เป็นฟีเจอร์เดียวกับรุ่นเรือธงอย่าง Samsung Galaxy Note 9 นั่นเอง
ส่วนกล้องด้านหน้า ความละเอียดอยู่ที่ 24 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง F/1.7 และไฟแฟลช ซึ่งมาพร้อมกับฟีเจอร์ Pro Lightning (การจัดแสงแบบโปร) ช่วยในการจัดแสงให้กับภาพถ่ายแบบมืออาชีพ รวมถึงฟีเจอร์ Selfie Focus ถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ และรองรับ AR Emoji แบบเดียวกับที่มีบน Samsung Galaxy S9 และ Galaxy Note 9 เช่นกัน
ในด้านการประมวลผลนั้น มาพร้อมกับชิปเซ็ต Exynos 7885 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.2 GHz และหน่วยประมวลผลภาพกราฟิก Mali-G71 MP2 GPU ส่วนหน่วยความจำ RAM และ ROM แบ่งออกเป็น 2 รุ่น นั่นก็คือ RAM 4 GB + ROM 64 GB กับ RAM 6 GB + ROM 128 GB โดยทั้ง 2 รุ่นรองรับ microSD Card สูงสุด 512 GB บนหน้าจอแสดงผลขนาด 6 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 2220 x 1080 พิกเซล
เรียกได้ว่า แค่คุณสมบัติเบื้องต้น ก็ทำให้ Samsung Galaxy A7 รุ่นนี้น่าสนใจไม่น้อย ส่วนใครที่กำลังตัดสินใจว่า จะซื้อ Samsung Galaxy A7 ดีหรือไม่ ลองมาอ่าน รีวิว Samsung Galaxy A7 จากทีมงาน techmoblog กันก่อน เผื่อจะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ
>> สเปก Samsung Galaxy A7 อย่างละเอียด คลิกที่นี่
สำหรับ Samsung Galaxy A7 รุ่นที่ทีมงานนำมารีวิวกันในวันนี้ เป็นรุ่นที่มาพร้อมกับ RAM 6 GB + ROM 128 GB ซึ่งมาพร้อมกับหน้าแสดงผลขนาด 6 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 2220 x 1080 พิกเซล (FHD+) บนอัตราส่วน 18:5:9 โดยดีไซน์ตัวเครื่องเป็นแบบ Infinity Display ไร้ปุ่ม Home บอดี้เป็นโลหะครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 3 ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ส่วนขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 159.8 x 76.8 x 7.5 มิลลิเมตร และหนัก 168 กรัม
ด้านบนของหน้าจอแสดงผล ประกอบด้วย กล้องด้านหน้า ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล (F/2.0), เซ็นเซอร์ต่าง ๆ, ลำโพงสำหรับสนทนา และไฟแฟลชแบบ LED ที่สามารถปรับระดับความสว่างได้
ด้านล่างของหน้าจอแสดงผล ประกอบด้วย ปุ่มควบคุมการทำงานแบบสัมผัส (On-Screen) ได้แก่ ปุ่ม Recent Apps, ปุ่ม Home และปุ่มย้อนกลับ
ด้านขวาของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดตัวเครื่อง หรือล็อกหน้าจอแสดงผล และปุ่มปรับระดับเสียง โดยปุ่ม Power รองรับการสแกนลายนิ้วมือเหมือนกับ Samsung Galaxy J6+ ส่วนด้านซ้ายของตัวเครื่อง เป็นถาดใส่ซิมการ์ด
สำหรับถาดซิมการ์ดของ Samsung Galaxy A7 เป็นแบบ Triple Slot สามารถใส่ซิมการ์ดที่ 1, ซิมการ์ดที่ 2 และ microSD Card ได้พร้อมกัน
ด้านบนของตัวเครื่อง เป็นไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน ส่วนด้านล่างของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ช่องหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร, พอร์ต microUSB, ไมโครโฟนหลักสำหรับสนทนา และลำโพงเสียง
สำหรับด้านหลังตัวเครื่อง ประกอบด้วยกล้องด้านหลังทั้งหมด 3 ตัวด้วยกัน (Triple-Camera) ซึ่งถือว่า เป็นจุดขายของรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ โดยคุณสมบัติของกล้องแต่ละตัว มีรายละเอียดดังนี้
สำหรับ Samsung Galaxy A7 รุ่นที่ทีมงานนำมาทดสอบในครั้งนี้ ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 8.0.0 (Oreo) และอินเทอร์เฟส Samsung Experience เวอร์ชัน 9.0 แต่เชื่อว่า รุ่นที่วางจำหน่ายจริงจะได้รับการอัปเดตเป็น Android 8.1 (Oreo) และอินเทอร์เฟส Samsung Experience เวอร์ชัน 9.5 เช่นเดียวกับ Samsung Galaxy J6+
ในส่วนของฟังก์ชันการแจ้งเตือนนั้น สามารถเข้าสู่เมนูลัดสำหรับตั้งค่าการใช้งานในเบื้องต้นได้หลากหลาย ทั้ง Wi-Fi, Bluetooth, ล็อกการหมุนของหน้าจอ, ปรับความสว่างของหน้าจอ, ไฟฉาย, Airplane Mode และอื่น ๆ
สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้ตามพฤติกรรมการใช้งาน ทั้ง Wallpaper, ธีม รวมถึง Widget ที่มีให้เลือกมากมายหลายรูปแบบ
รองรับฟีเจอร์ Bixby Home เวอร์ชัน 2.2 ซึ่งผู้ใช้สามารถเข้าสู่หน้า Bixby Home ได้ด้วยการปัดจอจากซ้ายไปขวา ด้านในจะประกอบด้วยคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่ผู้ใช้ให้ความสนใจ รวมถึงข้อมูลและกิจกรรมต่าง ๆ ของผู้ใช้จะถูกรวมมาไว้ในหน้าเดียว
การปัดนิ้วขึ้นจากหน้า Home จะเข้าสู่ App Drawer รวมแอปพลิเคชันที่มีทั้งหมดในตัวเครื่อง เบื้องต้นนั้น มีแอปพลิเคชันพื้นฐานของทาง Samsung, Google และ Microsoft ติดตั้งมาให้เรียบร้อยแล้ว
Samsung Galaxy A7 รองรับฟีเจอร์ Always On Display กับการแสดงวันที่, เวลา รวมถึงข้อความแจ้งเตือนต่าง ๆ บนหน้า Lock Screen ในขณะที่หน้าจอยังดับอยู่
ในด้านการปลดล็อกตัวเครื่องนั้น Samsung Galaxy A7 รองรับทั้งการสแกนใบหน้า และการสแกนลายนิ้วมือ ซึ่งปุ่มสำหรับสแกนลายนิ้วมืออยู่ตรงปุ่ม Power ที่ด้านขวาของตัวเครื่อง
Samsung Member เป็นแอปพลิเคชันที่ผู้ใช้สามารถรับบริการต่าง ๆ เช่น ข่าวสารล่าสุด, บริการความช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง, ทิป-เทคนิคการใช้งาน พร้อมตรวจสอบหาปัญหาและให้คำปรึกษาต่าง ๆ เพื่อให้มือถือ Samsung รุ่นที่ใช้อยู่นั้นอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด
Samsung Max เป็นแอปพลิเคชันที่มาพร้อมกับคุณสมบัติในการบีบอัดข้อมูลในการใช้งานอินเทอร์เน็ตให้มีขนาดที่เล็กลง รวมถึงจัดการแอปพลิเคชันที่มีการทำงานแบบเบื้องหลัง เพื่อทำให้ตัวเครื่องประมวลผลได้ไวขึ้น และเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย อีกทั้งจะส่งการแจ้งเตือนเมื่อพบเจอแอปฯ ที่ใช้งานข้อมูลแบบเบื้องหลังมากจนเกินไป นอกจากนี้ ยังมีความปลอดภัยสูงด้วยฟังก์ชันปกป้องความเป็นส่วนตัว ด้วยการเชื่อมต่อแบบเข้ารหัสเมื่อพบว่า ตัวเครื่องได้ถูกเชื่อมต่อกับ Wi-Fi สาธารณะ รวมถึงปิดกั้นการติดตามจากเว็บไซต์ต่าง ๆ
Smart Manager แอปพลิเคชันสำหรับดูแลและบำรุงรักษาอุปกรณ์ ซึ่งสามารถปรับการตั้งค่าได้หลายส่วนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น แบตเตอรี่, พื้นที่จัดเก็บในภายตัวเครื่อง, เคลียร์ RAM, สถานะความปลอดภัย และควบคุมปริมาณการรับส่งข้อมูลผ่านเครือข่าย
Samsung Galaxy Gift แอปพลิเคชันที่มาพร้อมกับส่วนลดและดีลพิเศษจากร้านค้าชั้นนำมากมาย ซึ่งเป็นสิทธิพิเศษสำหรับผู้ใช้ Samsung Galaxy เท่านั้น
ฟีเจอร์ Dual Messenger สามารถเชื่อมต่อ 2 บัญชีในแอปฯ เดียวกันได้พร้อมกัน เช่น Facebook, LINE เป็นต้น
รองรับฟีเจอร์ Multi-Window และ App Pair ด้วยการจับคู่แอปที่ใช้งานบ่อยให้แสดงผลพร้อมกันได้ 2 หน้าจอ เช่น เปิดวิดีโอ และแชทพร้อมกัน ซึ่งรองรับทั้งแนวตั้งและแนวนอน
Secure Folder ฟีเจอร์ระบบรักษาความปลอดภัยบนมือถือ Samsung ด้วยการเข้ารหัสข้อมูล และแยกพื้นที่จัดเก็บข้อมูล เพื่อปกป้องข้อมูลสำคัญ เช่น รูปภาพ, ไฟล์เอกสาร หรือคลิปเสียง ซึ่งมีเฉพาะเจ้าของเครื่องเท่านั้นที่จะสามารถเข้าใช้งานได้
มีเครื่องคิดเลข รวมถึงมีวิทยุ FM ในตัว ซึ่งได้รับการติดตั้งไว้เรียบร้อยแล้ว และพร้อมใช้งาน
สำหรับ Samsung Galaxy A7 รุ่นที่ทีมงานได้มาทดสอบในครั้งนี้ มาพร้อมกับชิปเซ็ต Exynos 7885 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.2 GHz, หน่วยประมวลผลภาพกราฟิก Mali-G71 MP2 GPU และหน่วยความจำ RAM ขนาด 6 GB (รุ่นที่เปิดพรีออเดอร์ มาพร้อมกับหน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB) ซึ่งจากการทดสอบเล่นเกมยอดนิยมอย่าง ROV และ PUBG Mobile พบว่า สามารถเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล ไม่สะดุด และการปรับเฟรมเรทให้อยู่ในระดับสูง ก็ยังสามารถเล่นได้ แต่จะส่งผลทำให้ตัวเครื่องร้อนและสิ้นเปลืองพลังงานแบตเตอรี่ ฉะนั้น ควรปรับเฟรมเรทให้อยู่ในระดับกลางจะดีกว่า
สำหรับการทดสอบ Benchmark ด้วยโปรแกรม AnTuTu ทำได้ 117,094 คะแนน ส่วนการทดสอบด้วยโปรแกรม Geekbench 4 ทำได้ 1,517 คะแนน และ 4,327 คะแนน สำหรับการทดสอบแบบ Single-Core และ Multi-Core ตามลำดับ
สำหรับกล้องถ่ายรูปด้านหลังตัวเครื่อง ที่มาพร้อมกับกล้อง 3 ตัว (Triple-Camera) รองรับโหมดการถ่ายภาพหลายโหมดด้วยกัน ได้แก่ โหมดความงาม, Live Focus (หน้าชัดหลังเบลอ), อัตโนมัติ, ตัวปรับสีภาพ (Scene Opimizer), โหมดถ่ายภาพเคลื่อนไหว และโหมดโปร ซึ่งฟีเจอร์เด่นของกล้องด้านหลัง นั่นก็คือ โหมดถ่ายภาพอัตโนมัติ ที่สามารถถ่ายภาพมุมกว้างแบบ Ultra Wide ได้ถึง 120 องศา วิธีการใช้งานก็ง่าย ๆ แค่แตะที่ไอคอนรูปต้นไม้ 3 ต้นสำหรับถ่ายภาพมุมกว้างแบบ Ultra Wide ส่วนการกลับมายังโหมดถ่ายภาพปกติ ก็ให้แตะที่ไอคอนรูปต้นไม้ 2 ต้น
ส่วนโหมดตัวปรับสีภาพ (Scene Opimizer) เป็นระบบอัจฉริยะที่ช่วยปรับสีและแสงให้อัตโนมัติก่อนกดชัตเตอร์ถ่าย ซึ่งสามารถวิเคราะห์ฉากได้ถึง 19 โหมด ไม่ว่าจะเป็น อาหาร, วิว, ภูเขา, ตอนกลางคืน, ตัวอักษร, บุคคล, ดอกไม้, สัตว์ และอื่น ๆ
สำหรับโหมด Live Focus สามารถปรับความเบลอของฉากหลังได้สูงสุดที่ 7 ระดับ และสามารถเลือกจุดโฟกัสว่าจะให้โฟกัสที่วัตถุด้านหน้า หรือโฟกัสที่ฉากหลัง หลังจากถ่ายเสร็จแล้วได้
สำหรับกล้องด้านหน้าของ Samsung Galaxy A7 มาพร้อมความละเอียด 24 ล้านพิกเซล, รูรับแสง F/2.0 และไฟแฟลช LED โดยมีโหมดถ่ายภาพให้เลือก 3 โหมดด้วยกัน ได้แก่ เซลฟี่, Selfie Focus, AR Emoji และถ่ายภาพตนเองมุมกว้าง ซึ่งโหมดเซลฟี่นั้น สามารถปรับความเนียนของผิว, หน้าเรียว และตาโต ได้สูงสุด 8 ระดับ
รองรับฟีเจอร์ Smart Beauty กับการจับโครงใบหน้าและเน้นส่วนที่ดีที่สุด เพื่อปรับแต่งให้ภาพถ่ายออกมาดูดีที่สุด และฟีเจอร์ Pro-Lighting (การวัดแสงแบบโปร) กับการจัดแสงให้กับรูปถ่ายให้เหมือนถ่ายด้วยกล้องระดับโปร โดยสามารถเลือกแสงได้ 4 แบบ ได้แก่ ด้านบน, ด้านซ้าย, ด้านขวา และด้านซ้ายกับด้านขวา
รองรับ Selfie Focus หรือโหมดถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ ที่สามารถปรับความเนียนของผิวได้ 8 ระดับ
รองรับฟีเจอร์ AR Emoji กับการสร้างภาพ Emoji ของตัวเอง ซึ่งเป็นฟีเจอร์เดียวกับที่อยู่ในรุ่นเรือธงอย่าง Samsung Galaxy S9 และ Samsung Galaxy Note 9 นอกจากนี้ ยังรองรับฟีเจอร์ AR Sticker อีกด้วย
ปุ่มชัตเตอร์สามารถย้ายตำแหน่งได้ โดยผู้ใช้สามารถกดถ่ายภาพจากส่วนไหนของหน้าจอก็ได้ ทำให้การกดชัตเตอร์ถ่ายภาพนั้นสะดวกมากขึ้นกว่าเดิม
นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าการใช้งานกล้องถ่ายรูปได้ตามรูปแบบการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น ความละเอียดของภาพถ่าย (ทั้งกล้องด้านหน้าและกล้องด้านหลัง), ขนาดวิดีโอ (ทั้งกล้องด้านหน้าและกล้องด้านหลัง), ตัวจับเวลา, จุดตัดเก้าช่อง, แท็กสถานที่ และอื่น ๆ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า ปรับความเรียบเนียนของผิวที่ระดับ 4 (รูปซ้ายเปิดโหมด Smart Beauty, รูปขวาปิดโหมด Smart Beauty)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า (HDR ON) ปรับความเรียบเนียนของผิวที่ระดับ 8 (รูปซ้ายเปิดโหมด Smart Beauty, รูปขวาปิดโหมด Smart Beauty)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า โหมด Selfie Focus ปรับความเรียบเนียนของผิวที่ระดับ 8
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง โหมดอัตโนมัติ เลนส์ปกติ มุมกว้าง 77 องศา
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง โหมดอัตโนมัติ เลนส์มุมกว้างพิเศษ (Ultra Wide) 120 องศา
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง โหมดอัตโนมัติ เลนส์ปกติ มุมกว้าง 77 องศา
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง โหมดอัตโนมัติ เลนส์มุมกว้างพิเศษ (Ultra Wide) 120 องศา
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง โหมดอัตโนมัติ เลนส์ปกติ มุมกว้าง 77 องศา
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง โหมดอัตโนมัติ เลนส์มุมกว้างพิเศษ (Ultra Wide) 120 องศา
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง โหมด Live Focus
สำหรับ Samsung Galaxy A7 รุ่นปี 2018 แม้จะเป็นรุ่นที่อยู่ในกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับกลาง แต่กลับมีความน่าสนใจไม่แพ้รุ่นเรือธงเลยก็ว่าได้ โดยไฮไลท์ของรุ่นนี้ก็คือ เป็นมือถือ Samsung รุ่นแรกที่มาพร้อมกับกล้องด้านหลัง 3 ตัว (Triple-Camera) ด้วยเลนส์มุมกว้างพิเศษ (Ultra Wide) 120 องศา เก็บภาพได้มุมกว้างมากกว่าเดิม ซึ่งกล้องด้านหลังประกอบด้วย กล้องหลัก เลนส์ Wide ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล (F/1.7), เลนส์ Ultra Wide 120 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (F/2.4) และเลนส์ Depth เก็บภาพระยะชัดลึก ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล (F/2.2) อีกทั้งยังรองรับโหมดการถ่ายภาพที่น่าสนใจมากมาย ทั้ง Live Focus สำหรับถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ ที่สามารถปรับความเบลอของฉากหลังได้อย่างอิสระ, โหมดตัวปรับสีภาพ (Scene Opimizer) เป็นระบบอัจฉริยะที่ช่วยปรับสีและแสงให้อัตโนมัติก่อนกดชัตเตอร์ถ่าย สามารถวิเคราะห์ฉากได้มากถึง 19 แบบ รวมถึงโหมด Pro ที่สามารถปรับ White Balance, ISO และการชดเชยแสง (EV) ได้
ด้านกล้องด้านหน้า มาพร้อมกับความละเอียด 24 ล้านพิกเซล, รูรับแสง F/2.0 และไฟแฟลชแบบ LED ที่สามารถปรับระดับได้ รองรับโหมดถ่ายภาพสำหรับการถ่ายภาพเซลฟี่โดยเฉพาะ ทั้งโหมด Selfie ที่สามารถปรับความเรียบเนียนของผิว, หน้าเรียว และตาโต ได้ถึง 8 ระดับ, โหมด Selfie Focus สำหรับถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ, ฟีเจอร์ Smart Beauty กับการจับโครงใบหน้าและเน้นส่วนที่ดีที่สุด เพื่อปรับแต่งให้ภาพถ่ายออกมาดูดีที่สุด และฟีเจอร์ Pro-Lighting (การวัดแสงแบบโปร) กับการจัดแสงให้กับรูปถ่ายให้เหมือนถ่ายด้วยกล้องระดับโปร
ในส่วนของการประมวลผลนั้น มาพร้อมกับชิปเซ็ต Exynos 7885 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.2 GHz, หน่วยประมวลผลภาพกราฟิก Mali-G71 MP2 GPU, หน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB หรือ 6 GB และหน่วยความจำ ROM ขนาด 64 GB หรือ 128 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 512 GB ซึ่งรองรับการใช้งานทั่วไปได้เป็นอย่างดี รวมถึงตอบโจทย์การเล่นเกมที่มีภาพกราฟิกในระดับสูง อย่างเช่น PUBG Mobile บนหน้าจอแสดงผลขนาดกว้าง 6 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 2220 x 1080 พิกเซล (FHD+) ในอัตราส่วน 18:5:9 นอกจากนี้ ยังมีระบบเสียงจาก Dolby Atmos เมื่อใช้งานร่วมกับหูฟัง หรือลำโพง Bluetooth อีกด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น Samsung Galaxy A7 ยังรองรับฟีเจอร์ที่มีในรุ่นเรือธง ไม่ว่าจะเป็น AR Emoji และฟีเจอร์ Always On Display ส่วนระบบความปลอดภัยสำหรับการปลดล็อกตัวเครื่องนั้น รองรับทั้งการสแกนใบหน้า และการสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่ม Power รวมถึงยังมีแอปพลิเคชัน Secure Folder ปกป้องข้อมูลสำคัญด้วยการเข้ารหัส และแยกพื้นที่จัดเก็บข้อมูล เพื่อปกป้องข้อมูลสำคัญ เช่น รูปภาพ, ไฟล์เอกสาร หรือคลิปเสียง ซึ่งมีเฉพาะเจ้าของเครื่องเท่านั้นที่จะสามารถเข้าใช้งานได้
โดย Samsung Galaxy A7 วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทยแล้ววันนี้ มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีทอง, สีดำ และสีน้ำเงิน ด้วยราคาค่าตัวที่ 10,990 บาท (สำหรับรุ่น RAM 4 GB และ ROM 64 GB) ฟรีประกันจอแตกนาน 1 ปี (เมื่อลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน Galaxy Gift) และผ่อน 0% นาน 10 เดือน (เฉพาะบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ)
สำหรับใครที่กำลังมองหา สมาร์ทโฟนดีไซน์สวย, กล้องแจ่ม และราคาไม่แพง Samsung Galaxy A7 รุ่นนี้เรียกได้ว่า ตอบโจทย์มากเลยทีเดียว โดยผู้ที่สนใจสามารถทดลองใช้งานกันได้แล้ววันนี้ที่ Samsung Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
จุดเด่นของ Samsung Galaxy A7
จุดที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม
ข้อควรทราบ : เครื่อง Samsung Galaxy A7 ในบทความรีวิวนี้ เป็นเพียงเครื่องทดสอบเท่านั้น คุณสมบัติบางอย่างอาจยังไม่สมบูรณ์ 100% และอาจไม่ตรงกับตัวเครื่องที่วางจำหน่ายจริง
------------------------------------
บทความรีวิวโดย : techmoblog.com
Update : 27/11/2018
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |