เรียกได้ว่าในปีนี้ ทาง Samsung ส่งสมาร์ทโฟนในตระกูล Galaxy A-Series มาทำตลาดสมาร์ทโฟนในระดับเริ่มต้นจนถึงระดับกลางกันอย่างต่อเนื่อง เริ่มกันตั้งแต่น้องเล็กของซีรี่ส์นี้อย่าง Samsung Galaxy A10, Samsung Galaxy A20, Samsung Galaxy A30, Samsung Galaxy A50 และรุ่นท็อปตัวล่าสุดอย่าง Samsung Galaxy A70 ที่จะนำมารีวิวให้ชมกันในวันนี้นั่นเอง
ถ้าหากเปรียบเทียบกันในด้านดีไซน์ ทั้ง Samsung Galaxy A70 และ Samsung Galaxy A50 แทบจะไม่แตกต่างกันเท่าใดนัก เพราะทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับดีไซน์แบบ Infinity-U Display และกล้องด้านหลัง 3 ตัว (Triple-Camera) แต่ Samsung Galaxy A70 นั้นโดดเด่นกว่าตรงที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 6.7 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล ในอัตราส่วน 20:9 รวมถึงกล้องด้านหน้าและกล้องด้านหลังที่ละเอียดขึ้น และแบตเตอรี่ขนาดความจุมากขึ้นถึง 4,500 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ Super Fast Charging ขนาด 25W ไวที่สุดในบรรดามือถือซัมซุงทุกรุ่นในตอนนี้อีกด้วย
กล้องถ่ายรูป ถือว่าเป็นจุดขายหลักของ Samsung Galaxy A70 รุ่นนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งกล้องด้านหน้า ความละเอียดอยู่ที่ 32 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด F/2.0 และรองรับฟีเจอร์ถ่ายภาพ Live Focus สำหรับถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ ส่วนกล้องด้านหลัง เป็นกล้อง 3 ตัว (Triple-Camera) ซึ่งประกอบด้วย เลนส์หลัก ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล (F/1.7), เลนส์ Ultra Wide มุมกว้าง 123 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (F/2.2) และเลนส์ Depth สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอในโหมด Live Focus ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล (F/2.2)
ด้านการประมวลผล มาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 675 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.0 GHz, หน่วยประมวลผลภาพกราฟิก Adreno 612 GPU, หน่วยความจำ RAM ขนาด 8 GB, หน่วยความจำ ROM ขนาด 128 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 512 GB, รองรับการสแกนนิ้วบนหน้าจอ (On-Screen Fingerprint) แบบเดียวกับรุ่นเรือธงอย่าง Samsung Galaxy S10 และทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 (Pie) พร้อมอินเทอร์เฟส One UI
และในวันนี้ Samsung Galaxy A70 ก็มาอยู่ในมือทีมงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มาพิสูจน์ความน่าใช้งานไปพร้อม ๆ กันกับ รีวิว Samsung Galaxy A70 โดยทีมงาน techmoblog.com
>> สเปก Samsung Galaxy A70 อย่างละเอียด คลิกที่นี่
Samsung Galaxy A70 มาพร้อมกับดีไซน์แบบ Infinity-U Display ขนาดหน้าจอ 6.7 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล ในอัตราส่วน 20:9 โดยมีขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 164.3 x 76.7 x 7.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 183 กรัม
ด้านบนของหน้าจอแสดงผล ประกอบด้วย กล้องด้านหน้า ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล (รูรับแสง F/2.0) พร้อมเซ็นเซอร์ Ambient Light สำหรับปรับความสว่างของหน้าจอให้เหมาะสมตามสภาพแวดล้อมที่ใช้ และเซ็นเซอร์ Proximity ปิดหน้าจออัตโนมัติขณะสนทนาเพื่อประหยัดพลังงาน ซึ่งเหนือกล้องด้านหน้า คือลำโพงสำหรับสนทนา
ด้านล่างของหน้าจอแสดงผล เป็นปุ่มควบคุมการทำงานแบบสัมผัส ประกอบด้วย ปุ่ม Recent Apps, ปุ่ม Home และปุ่มย้อนกลับ ซึ่ง Samsung Galaxy A70 รุ่นนี้ รองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (On-Screen Fingerprint) แบบเดียวกับ Samsung Galaxy S10 รุ่นเรือธง รวมถึง Samsung Galaxy A50
ด้านขวาของตัวเครื่อง เป็นปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดตัวเครื่อง หรือล็อกหน้าจอแสดงผล และปุ่มปรับระดับเสียง ส่วนด้านซ้ายของตัวเครื่อง เป็นถาดใส่ซิมการ์ด ซึ่ง Samsung Galaxy A70 รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดแบบ Triple Slot สามารถใส่ซิมการ์ดที่ 1, ซิมการ์ดที่ 2 และ microSD Card ได้พร้อมกัน
ด้านบนของตัวเครื่อง เป็นไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน ส่วนด้านล่างตัวเครื่อง เป็นช่องหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, พอร์ต USB-C, ไมโครโฟนตัวหลักสำหรับสนทนา และลำโพงเสียง
สำหรับฝาหลังเป็นพลาสติกแบบใหม่ที่เรียกว่า 3D Glasstic ที่มีการเคลือบผิวสัมผัสให้มีความแวววาวคล้ายกระจก ซึ่ง Samsung Galaxy A70 รุ่นที่นำมารีวิวในครั้งนี้ คือตัวเครื่องสีดำ แต่จากรูปจะเห็นว่า บอดี้ด้านหลังจะมีการไล่เฉดเป็นสีรุ้งเมื่อสะท้อนกับแสง หรือเอียงตัวเครื่องไปตามมุมต่าง ๆ ทำให้ตัวเครื่องสีดำนี้ ดูสวยงามและโดดเด่นมากอีกสีหนึ่ง
ส่วนกล้องด้านหลังบน Samsung Galaxy A70 นั้น เป็นกล้อง 3 ตัว (Triple-Camera) ประกอบด้วย เลนส์หลัก ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล (F/1.7), เลนส์ Ultra Wide มุมมองกว้าง 123 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (F/2.2) และเลนส์ Depth สำหรับถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอในโหมด Live Focus ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล (F/2.2) พร้อมไฟแฟลชแบบ LED
สำหรับอุปกรณ์ที่ให้มาในชุดจำหน่ายมาตรฐาน ประกอบด้วย Adapter สำหรับชาร์จไฟแบบ Super Fast Charging กำลังไฟ 25W, สายชาร์จแบบ USB-C, หูฟังแบบ In-Ear และเคสซิลิโคนแบบใส
Samsung Galaxy A70 ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 (Pie) และอินเทอร์เฟส One UI เวอร์ชัน 1.1 ซึ่งเป็นเวอร์ชันเดียวกับ Samsung Galaxy S10-Series รุ่นเรือธง
การปัดขึ้นจากหน้า Home จะเข้าสู่ App Drawer รวมแอปพลิเคชันที่มีทั้งหมดในตัวเครื่อง เบื้องต้นนั้นมีแอปพลิเคชันพื้นฐานของทาง Samsung, Google และ Microsoft ติดตั้งมาให้เรียบร้อยแล้ว
การกดค้างที่ไอคอนแอปฯ จะพบกับเมนูลัดต่าง ๆ ทำให้เข้าถึงแอปฯ นั้น ๆ ได้รวดเร็วขึ้น
สำหรับฟังก์ชันการแจ้งเตือน สามารถเข้าสู่เมนูลัดสำหรับตั้งค่าการใช้งานในเบื้องต้นได้ ทั้ง Wi-Fi, Bluetooth, ล็อกการหมุนของหน้าจอ, ปรับความสว่างของหน้าจอ, ไฟฉาย, Airplane Mode และอื่น ๆ
การปัดจากซ้ายไปขวา จะเป็นการเปิดใช้งานฟีเจอร์ Bixby Home เวอร์ชัน 3.0 ด้านในจะประกอบด้วยคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่ผู้ใช้ให้ความสนใจ รวมถึงข้อมูลและกิจกรรมต่าง ๆ ของผู้ใช้จะถูกรวมมาไว้ในหน้าเดียว
สามารถเลือกเปลี่ยนวอลเปเปอร์, ธีมส่วนตัว, ไอคอนส่วนตัว รวมถึง Widget ต่าง ๆ ได้ตามสไตล์การใช้งาน
ด้านปุ่มควบคุมการทำงานแบบสัมผัส สามารถเลือกสลับตำแหน่งของปุ่ม Recent Apps กับปุ่ม Back ได้ หรือจะเปลี่ยนเป็นการควบคุมการทำงานแบบใช้ท่าทางก็ได้เช่นกัน
สามารถเลือกแอปพลิเคชันที่ต้องการให้แสดงผลแบบเต็มหน้าจอได้ หรือจะเปิดฟังก์ชัน ซ่อนขอบกล้อง ซึ่งจะเป็นการเพิ่มแถบสีดำที่ด้านบนของหน้าจอเพื่อไม่ให้มองเห็นกล้องด้านหน้า
รองรับฟีเจอร์ Always On Display กับการแสดงวันที่, เวลา รวมถึงข้อความแจ้งเตือนต่าง ๆ บนหน้า Lock Screen ในขณะที่หน้าจอยังดับอยู่
รองรับฟีเจอร์ฟิลเตอร์แสงสีฟ้า กับการจำกัดปริมาณแสงสีฟ้าบนหน้าจอด้วยการเปลี่ยนสีบนหน้าจอให้เป็นสีเหลืองนวล เพื่อลดอาการล้าที่ดวงตาเมื่อใช้เป็นเวลานาน ๆ หรือใช้ในที่แสงน้อย นอกจากนี้ยังมีโหมดกลางคืน กับการเปลี่ยนธีมให้เป็นสีทึบ สำหรับการใช้งานในที่แสงน้อยให้สบายตามากขึ้น
ในด้านความปลอดภัยและการปลดล็อกตัวเครื่องนั้น รองรับทั้งการสแกนใบหน้า (Face Recognition) และการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (On-Screen Fingerprint)
รองรับ Secure Folder (โฟลเดอร์ที่ปลอดภัย) ปกป้องข้อมูลสำคัญของผู้ใช้ด้วยการเข้ารหัส
ฟีเจอร์ Dual Messenger สามารถเชื่อมต่อ 2 บัญชีในแอปฯ เดียวกันได้พร้อมกัน เช่น Facebook, LINE เป็นต้น
Samsung Members เป็นแอปพลิเคชันที่ผู้ใช้สามารถรับบริการต่าง ๆ เช่น ข่าวสารล่าสุด, บริการความช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง, ทิป-เทคนิคการใช้งาน พร้อมตรวจสอบหาปัญหาและให้คำปรึกษาต่าง ๆ เพื่อให้มือถือ Samsung รุ่นที่ใช้อยู่นั้นอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด
Samsung Max เป็นแอปพลิเคชันที่มาพร้อมกับคุณสมบัติในการบีบอัดข้อมูลในการใช้งานอินเทอร์เน็ตให้มีขนาดที่เล็กลง รวมถึงจัดการแอปพลิเคชันที่มีการทำงานแบบเบื้องหลัง เพื่อทำให้ตัวเครื่องประมวลผลได้ไวขึ้น และเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย อีกทั้งจะส่งการแจ้งเตือนเมื่อพบเจอแอปฯ ที่ใช้งานข้อมูลแบบเบื้องหลังมากจนเกินไป นอกจากนี้ ยังมีความปลอดภัยสูงด้วยฟังก์ชันปกป้องความเป็นส่วนตัว ด้วยการเชื่อมต่อแบบเข้ารหัสเมื่อพบว่า ตัวเครื่องได้ถูกเชื่อมต่อกับ Wi-Fi สาธารณะ รวมถึงปิดกั้นการติดตามจากเว็บไซต์ต่าง ๆ
SmartThings คือแอปพลิเคชันจัดการอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ภายในบ้านแบบอัจฉริยะ และควบคุมการใช้งานผ่านทางสมาร์ทโฟน ซึ่งนอกจากจะรองรับเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ Samsung แล้ว ยังรองรับแบรนด์อื่น ๆ ด้วยเช่นกัน
รองรับฟีเจอร์ มุมมองป๊อบอัพอัจฉริยะ (Smart Pop-Up View) ด้วยการย่อแอปพลิเคชันให้มีขนาดที่เล็กลง สามารถเคลื่อนย้ายตำแหน่งได้อย่างอิสระ, ปรับขนาดได้ หรือทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันอื่นไปพร้อม ๆ กันได้
มาทดสอบด้านการเล่นเกมยอดนิยมอย่าง PUBG Mobile กับ ROV กันบ้าง โดย Samsung Galaxy A70 มาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 675 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.0 GHz และหน่วยความจำ RAM ขนาด 8 GB ซึ่งจากการทดสอบเล่นเกมทั้ง 2 เกมข้างต้นด้วยการเปิดกราฟิกในระดับ HD พบว่า ตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างลื่นไหล แทบไม่มีอาการหน่วง แต่ตัวเครื่องจะมีความร้อนสะสมบ้างขณะใช้งาน
ทดสอบ Benchmark ด้วยโปรแกรม Geekbench 4 ทำได้ 2,385 คะแนน (Single-Core) และ 6,559 คะแนน (Multi-Core) ส่วนการทดสอบด้วยโปรแกรม AnTuTu ทำได้ 170,122 คะแนน ซึ่งได้คะแนนทดสอบสูงกว่า Samsung Galaxy A50 เล็กน้อย
กล้องด้านหน้าบน Samsung Galaxy A70 มีความละเอียดอยู่ที่ 32 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง F/2.0 รองรับโหมด Beauty หรือโหมดหน้าสวย ที่ผู้ใช้สามารถเลือกปรับแต่งใบหน้าแบบอัตโนมัติ หรือจะเลือกปรับเองได้ตามใจชอบ สูงสุดที่ 8 ระดับ
รองรับฟีเจอร์ Live Focus ถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ ที่สามารถปรับความเบลอของฉากหลังได้สูงสุด 7 ระดับ และสามารถปรับความเนียนของผิวได้สูงสุด 8 ระดับ
รองรับฟีเจอร์ AR Emoji กับการสร้างภาพ Emoji ของตัวเอง ซึ่งเป็นฟีเจอร์เดียวกับที่อยู่ในรุ่นเรือธง นอกจากนี้ ยังรองรับฟีเจอร์ AR Sticker อีกด้วย
สำหรับกล้องด้านหลังบน Samsung Galaxy A70 เป็นกล้อง 3 ตัว (Triple-Camera) ซึ่งประกอบด้วย เลนส์หลัก ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล, เลนส์ Ultra Wide มุมมองกว้าง 123 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และเลนส์ Depth ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล สำหรับถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอในโหมด Live Focus โดยสามารถสลับเลนส์ได้ตรงไอคอนรูปต้นไม้ ซึ่งรูปต้นไม้ 3 ต้น หมายถึง เลนส์ Ultra Wide ส่วนรูปต้นไม้ 2 ต้น หมายถึง เลนส์ Wide (เลนส์หลัก)
โหมด Live Focus หรือการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ ที่สามารถปรับความเบลอของฉากหลังได้สูงสุด 7 ระดับ
โหมด Scene Optimizer กับการใช้เทคโนโลยี AI ในการช่วยประมวลผล และปรับแสงสีของภาพให้เหมาะสมกับวัตถุนั้น ๆ ซึ่งสามารถแยกความแตกต่างได้สูงสุดถึง 20 โหมดด้วยกัน ได้แก่ อาหาร, บุคคล, ดอกไม้, ฉากในร่ม, สุนัข, ทิวทัศน์, ฉากสีเขียว, ต้นไม้, ท้องฟ้า, ภูเขา, ชายหาด, พระอาทิตย์ตก, ริมน้ำ, ท้องถนนในเมือง, ทิวทัศน์ยามค่ำคืน, น้ำตก, หิมะ, นก, ข้อความ และย้อนแสง ซึ่งความแม่นยำของโหมด Scene Optimizer อาจแตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมหรือวัตถุด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังมีโหมด Flaw Detection ตรวจจับข้อผิดพลาดในกรณีที่บุคคลในภาพอาจหลับตา (Eye Blink), ภาพย้อนแสง (Backlit) หรือภาพเบลอ (Facial Blur) ก็จะมีการแจ้งเตือนให้ผู้ใช้ถ่ายใหม่ เพื่อให้ได้ภาพถ่ายที่ดีที่สุด
สำหรับการตั้งค่ากล้องถ่ายภาพ สามารถตั้งค่าได้หลายส่วนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ตัวปรับสีภาพ, เลือกขนาดของวิดีโอทั้งกล้องด้านหน้าและกล้องด้านหลัง, เปิดโหมด HDR, จุดตัดเก้าช่อง, แท็กสถานที่, เพิ่มลายน้ำ และอื่น ๆ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า โหมด Beauty อัตโนมัติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า โหมด Beauty ปรับความเนียนของผิวที่ระดับ 4
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า โหมด Beauty ปรับความเนียนของผิวที่ระดับ 8
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า โหมด Live Focus
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง เลนส์ Ultra Wide
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง เลนส์ Ultra Wide
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง เลนส์ Ultra Wide
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง เลนส์ Ultra Wide
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง เลนส์ Ultra Wide
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง เลนส์ Ultra Wide
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง เลนส์ Ultra Wide
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง เลนส์ Ultra Wide
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง เลนส์ Ultra Wide
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง เลนส์ Ultra Wide
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง เลนส์ปกติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง เลนส์ปกติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง เลนส์ปกติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง เลนส์ปกติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง เลนส์ปกติ
สำหรับผู้ที่ต้องการมองหาสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่ ที่รองรับทั้งการดูหนัง, ฟังเพลง หรือแม้แต่การเล่นเกม Samsung Galaxy A70 รุ่นนี้ถือว่าตอบโจทย์ไม่น้อย เนื่องจากมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลกว้าง 6.7 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล (FHD+) บนดีไซน์แบบ Infinity-U Display พร้อมติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (On-Screen Fingerprint) แบบเดียวกับ Samsung Galaxy S10 รุ่นเรือธง และรองรับการปลดล็อกตัวเครื่องด้วยการสแกนใบหน้า (Face Recognition) ในขณะที่ขนาดตัวเครื่องก็ถือว่า ไม่ได้ใหญ่จนเกินไปนัก จับได้ถนัดมืออีกเช่นกัน
กล้องถ่ายรูปของ Samsung Galaxy A70 ถือว่าเป็นจุดขายหลัก ๆ ของรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ เพราะหลังจากที่ทีมงานได้นำไปทดสอบกับการถ่ายภาพสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในจังหวัดอยุธยาเป็นเวลา 1 วัน พบว่า กล้องถ่ายรูปทั้งด้านหน้าและด้านหลังตอบโจทย์ได้อย่างเต็มรูปแบบ จนแทบจะไม่ต้องยกกล้อง DSLR มาถ่ายเลยด้วยซ้ำไป ซึ่งกล้องด้านหลังของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ เป็นกล้อง 3 ตัว (Triple-Camera) ที่ประกอบด้วย เลนส์หลัก ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล (F/1.7), เลนส์ Ultra Wide มุมมองกว้าง 123 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (F/2.2) และเลนส์ Depth ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล (F/2.2) ทำให้สามารถถ่ายภาพได้ทั้งมุมปกติและมุมกว้างได้ในเครื่องเดียว เหมาะกับการใช้ถ่ายภาพแนวท่องเที่ยวหรือ Landscape ได้เป็นอย่างดี ส่วนกล้องด้านหน้า ความละเอียดอยู่ที่ 32 ล้านพิกเซล (F/2.0) พร้อมรองรับการถ่ายภาพเซลฟี่แบบกลุ่ม ที่มีมุมกว้างขึ้น รวมถึงการถ่ายภาพแบบ Live Focus หน้าชัดหลังเบลออีกด้วย
ด้านการประมวลผล มาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 675 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.0 GHz, หน่วยประมวลผลภาพกราฟิก Adreno 612 GPU, หน่วยความจำ RAM ขนาด 8 GB, หน่วยความจำ ROM ขนาด 128 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 512 GB, รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด ซึ่งเป็นถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Triple Slot ที่สามารถใส่ซิมการ์ดที่ 1, ซิมการ์ดที่ 2 และ microSD Card ได้พร้อมกัน, แบตเตอรี่ขนาดความจุ 4,500 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 25W และทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 9.0 (Pie) พร้อมอินเทอร์เฟส One UI เวอร์ชัน 1.1
นอกจากนี้ Samsung Galaxy A70 ยังรองรับฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน ซึ่งไม่แตกต่างจาก Samsung Galaxy A50 เท่าใดนัก ไม่ว่าจะเป็น ฟีเจอร์ Always On Display, โหมดกลางคืน กับการเปลี่ยนธีมให้เป็นสีทึบ สำหรับการใช้งานในที่แสงน้อยให้สบายตามากขึ้น, ฟีเจอร์ Dual Messenger สามารถเชื่อมต่อ 2 บัญชีในแอปฯ เดียวกันได้พร้อมกัน, แอปพลิเคชัน SmartThings จัดการอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ภายในบ้านแบบอัจฉริยะ และควบคุมการใช้งานผ่านทางสมาร์ทโฟน และฟีเจอร์ Smart Pop-Up View กับการย่อแอปพลิเคชันให้มีขนาดที่เล็กลง สามารถเคลื่อนย้ายตำแหน่งได้อย่างอิสระ, ปรับขนาดได้ หรือทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันอื่นไปพร้อม ๆ กันได้
สำหรับราคาของ Samsung Galaxy A70 อยู่ที่ 15,990 บาท มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีดำ, สีขาว และสีน้ำเงิน สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.samsung.com
จุดเด่นของ Samsung Galaxy A70
จุดที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม
ข้อควรทราบ : เครื่อง Samsung Galaxy A70 ในบทความรีวิวนี้ เป็นเพียงเครื่องทดสอบเท่านั้น คุณสมบัติบางอย่างอาจยังไม่สมบูรณ์ 100% และอาจไม่ตรงกับตัวเครื่องที่วางจำหน่ายจริง
------------------------------------
บทความรีวิวโดย : techmoblog.com
Update : 24/06/2019
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |