เผยโฉมในไทยอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคม 2020 ที่ผ่านมา สำหรับ Samsung Galaxy A Series รุ่นใหม่ ที่เปิดตัวถึง 2 รุ่นด้วยกัน นั่นก็คือ Samsung Galaxy A51 และ Samsung Galaxy A71 ซึ่งอัปเกรดทั้งในเรื่องของดีไซน์สวยขึ้น และสเปกแบบจัดเต็ม ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน
สำหรับความโดดเด่นของ Samsung Galaxy A71 รุ่นนี้ เริ่มกันตั้งแต่ดีไซน์ภายนอกตัวเครื่อง ด้วยลวดลายแบบ Prism Crush โทนสีสไตล์พาสเทล โดยมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว แบบ Infinity-O Display ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล พร้อมเทคโนโลยี Super AMOLED Plus ในอัตราส่วน 20:9 อีกทั้งยังได้มีการติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (On-Screen Fingerprint) มาด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่า แม้จะเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลาง แต่ฟีเจอร์บางอย่างเทียบเท่าสมาร์ทโฟนระดับเรือธงเลยทีเดียว
กล้องถ่ายรูป ถือว่าเป็นจุดขายหลักของรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ โดยมาพร้อมกับกล้องด้านหลังมากถึง 4 ตัว (Quad Camera) ที่จัดเรียงเป็นโมดูลรูปตัว L ประกอบด้วย เลนส์หลัก ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล (F/1.8), เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (F/2.2) มุมมองกว้าง 123 องศา, เลนส์ Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล (F/2.4) สำหรับถ่ายภาพในระยะใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร และเลนส์ Depth ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล (F/2.2) นอกจากนี้ ยังรองรับฟีเจอร์ถ่ายภาพที่ผู้ใช้ Samsung คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น Live Focus สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ, โหมด Scene Optimizer กับการใช้เทคโนโลยี AI ในการช่วยประมวลผล และปรับแสงสีของภาพให้เหมาะสมกับวัตถุนั้น ๆ รวมถึง Super Steady ลดการสั่นไหวในขณะถ่ายวิดีโอ ส่วนกล้องด้านหน้า ความละเอียดอยู่ที่ 32 ล้านพิกเซล พร้อมโหมด Live Focus สำหรับการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ และโหมด Beauty ที่สามารถปรับแต่งใบหน้าได้ตามความต้องการ
ด้านการประมวลผล มาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 730 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.2 GHz, หน่วยประมวลผลภาพกราฟิก Adreno 618 GPU, หน่วยความจำ RAM ขนาด 8 GB, หน่วยความจำ ROM ขนาด 128 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 512 GB และแบตเตอรี่ขนาด 4,500 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง 25W นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ Game Booster สำหรับเกมเมอร์ ซึ่งจะเรียนรู้รูปแบบลักษณะการใช้งานของผู้ใช้เพื่อปรับแต่งการใช้พลังงานแบตเตอรี่ อุณหภูมิ และหน่วยความจำให้เหมาะสมที่สุด รวมถึงตัดการทำงานที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อให้การเล่นเกมเต็มประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเอง
เรียกได้ว่า แค่คุณสมบัติเบื้องต้น ก็ทำให้ Samsung Galaxy A71 รุ่นนี้มีความน่าสนใจไม่น้อย ซึ่งทั้งหมดนี้เคาะราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 13,990 บาท ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น มาพิสูจน์ไปพร้อม ๆ กันกับ รีวิว Samsung Galaxy A71 โดยทีมงาน techmoblog.com
>> สเปก Samsung Galaxy A71 อย่างละเอียด คลิกที่นี่
Samsung Galaxy A71 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาด 6.7 นิ้ว แบบ Super AMOLED Plus ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล ในอัตราส่วน 20:9 และดีไซน์แบบ Infinity-O Display ครอบทับด้วยกระจกขอบโค้งแบบ 2.5D ส่วนตัวเครื่องมีขนาดอยู่ที่ 163.6 x 76 x 7.7 มิลลิเมตร น้ำหนัก 179 กรัม
ด้านบนของหน้าจอแสดงผล เป็นกล้องด้านหน้า ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล (F/2.2) ซึ่งเหนือบริเวณกล้องด้านหน้า จะเป็นลำโพงเสียงสำหรับสนทนา, Proximity Sensor สำหรับปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน และ Light Sensor สำหรับปรับความสว่างของหน้าจอให้เหมาะสมกับสภาพแสงในขณะที่กำลังใช้งาน
ด้านล่างของหน้าจอแสดงผล เป็นปุ่มควบคุมการทำงานแบบสัมผัส ประกอบด้วย ปุ่ม Recent Apps, ปุ่ม Home และปุ่มย้อนกลับ นอกจากนี้ รองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (On-Screen Fingerprint) อีกด้วย
ด้านขวาของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดตัวเครื่อง และปุ่มปรับระดับเสียง ส่วนด้านซ้ายของตัวเครื่อง เป็นถาดใส่ซิมการ์ดแบบ nanoSIM ซึ่งถาดใส่ซิมการ์ดเป็นแบบ Triple-Slot ที่สามารถใส่ซิมการ์ดที่ 1, ซิมการ์ดที่ 2 และ microSD Card ได้พร้อมกัน
ด้านบนของตัวเครื่อง เป็นไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน ส่วนด้านล่างตัวเครื่อง ประกอบด้วย ช่องหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB-C, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา และลำโพงเสียง
สำหรับ Samsung Galaxy A71 ที่ทีมงานนำมารีวิวนี้ เป็นตัวเครื่องสีดำ ซึ่งด้านหลังตัวเครื่องจะเป็นลวดลายรูปทรงเลขาคณิตแบบ Prism Holographic ที่จะให้สีสันที่แตกต่างกันไปตามมุมตกกระทบของแสง โดยกล้องด้านหลังมีทั้งหมด 4 ตัวด้วยกัน (Quad Camera) ซึ่งประกอบด้วย
ส่วนอุปกรณ์ที่ให้มาในชุดจำหน่ายมาตรฐาน ประกอบด้วย สาย USB-C to USB-C, อะแดปเตอร์ขนาด 25W แบบ Super Fast Charging, เข็มสำหรับจิ้มถาดซิมการ์ด, ใบรับประกัน, คู่มือการใช้งาน, หูฟัง และเคสซิลิโคนใส
Samsung Galaxy A71 ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 10 และอินเทอร์เฟส One UI เวอร์ชัน 2.0 ซึ่งรุ่นนี้รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดแบบ nanoSIM และรองรับเครือข่าย 4G LTE ทั้ง 2 ซิมการ์ดอีกด้วย
สามารถเลือกเปลี่ยนวอลเปเปอร์, ธีมส่วนตัว, ไอคอนส่วนตัว รวมถึง Widget ต่าง ๆ ได้ตามสไตล์การใช้งาน
สำหรับฟังก์ชันการแจ้งเตือน สามารถเข้าสู่เมนูลัดสำหรับตั้งค่าการใช้งานในเบื้องต้นได้ ทั้ง Wi-Fi, Bluetooth, ล็อกการหมุนของหน้าจอ, ปรับความสว่างของหน้าจอ, ไฟฉาย, Airplane Mode และการตั้งค่าอื่น ๆ รวมถึงปิดเครื่อง หรือรีสตาร์ทเครื่องจากส่วนนี้ก็ได้เช่นกัน
การปัดจากซ้ายไปขวา จะเป็นการเปิดใช้งานฟีเจอร์ Bixby Home เวอร์ชัน 3.0 ด้านในจะประกอบด้วยคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่ผู้ใช้ให้ความสนใจ รวมถึงข้อมูลและกิจกรรมต่าง ๆ ของผู้ใช้จะถูกรวมมาไว้ในหน้าเดียว
การปัดขึ้นจากหน้า Home จะเข้าสู่ App Drawer รวมแอปพลิเคชันที่มีทั้งหมดในตัวเครื่อง เบื้องต้นนั้นมีแอปพลิเคชันพื้นฐานของทาง Samsung, Google และ Microsoft ติดตั้งมาให้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการกดค้างที่ไอคอนแอปฯ จะพบกับเมนูลัดต่าง ๆ ทำให้เข้าถึงแอปฯ นั้น ๆ ได้รวดเร็วขึ้น
รองรับฟีเจอร์ฟิลเตอร์แสงสีฟ้า กับการจำกัดปริมาณแสงสีฟ้าบนหน้าจอด้วยการเปลี่ยนสีบนหน้าจอให้เป็นสีเหลืองนวล เพื่อลดอาการล้าที่ดวงตาเมื่อใช้เป็นเวลานาน ๆ หรือใช้ในที่แสงน้อย นอกจากนี้ยังมีโหมดกลางคืน กับการเปลี่ยนธีมให้เป็นสีทึบ สำหรับการใช้งานในที่แสงน้อยให้สบายตามากขึ้น
ด้านปุ่มควบคุมการทำงานแบบสัมผัส สามารถเลือกสลับตำแหน่งของปุ่ม Recent Apps กับปุ่ม Back ได้ หรือจะเปลี่ยนเป็นการควบคุมการทำงานแบบใช้ท่าทางก็ได้เช่นกัน
รองรับฟีเจอร์ Always On Display กับการแสดงวันที่, เวลา รวมถึงข้อความแจ้งเตือนต่าง ๆ บนหน้า Lock Screen ในขณะที่หน้าจอยังดับอยู่
สามารถตั้งค่าการแสดงผลของไอคอนแอปฯ ได้ 4 รูปแบบ ซึ่งได้แก่ 4x5, 4x6, 5x5 และ 5x6
สามารถตั้งค่าเพื่อเปิด-ปิดการใช้งานหน้าจอขอบ (Edge Screen) ด้วยการปัดที่ขอบด้านขวา เพื่อเปิดเมนูลัดเข้าสู่แอปพลิเคชันที่เลือกไว้ได้อย่างรวดเร็วขึ้น หรือผู้ใช้สามารถเลือกแผง Edge ในรูปแบบอื่น ๆ ได้ตามการใช้งาน
Edge Lighting แสดงการแจ้งเตือนในรูปแบบ Pop Up ขนาดเล็กพร้อมเอฟเฟกต์แสง ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกรูปแบบ, สีสัน, ความโปร่งใส และช่วงเวลาในการแสดงเอฟเฟกต์ได้
ในด้านความปลอดภัยและการปลดล็อกตัวเครื่องนั้น รองรับทั้งการสแกนใบหน้า (Face Recognition) และการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (On-Screen Fingerprint)
ปุ่มด้านข้างตัวเครื่อง สามารถเลือกเพื่อตั้งค่าการใช้งานได้ เช่น กด 2 ครั้งเพื่อเปิดกล้อง - เปิด Bixby - เปิดแอปฯ หรือกดค้างไว้เพื่อปลุก Bixby - ปิดเครื่อง เป็นต้น
รองรับฟีเจอร์ มุมมองป๊อปอัพอัจฉริยะ (Smart Pop-up View) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่มีไว้เพื่อย่อแอปพลิเคชันให้มีขนาดที่เล็กลง และสามารถย้ายตำแหน่งได้อย่างอิสระ เพื่อให้สามารถใช้งานแอปฯ อื่นได้พร้อมกัน
สามารถควบคุมการใช้งานด้วยการเคลื่อนไหวและท่าทาง เช่น หน้าจอติดเมื่อหยิบโทรศัพท์, แตะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อปลุก, ใช้ฝ่ามือปัดเพื่อจับภาพ, ปัดเพื่อโทรหรือส่งข้อความ และโหมดมือเดียว กับการปรับขนาดของการแสดงผลลงชั่วคราวเพื่อให้สามารถควบคุมการใช้งานด้วยมือเดียวได้ง่ายขึ้น
รองรับฟีเจอร์ Dual Messenger สามารถเชื่อมต่อ 2 บัญชีในแอปฯ เดียวกันได้พร้อมกัน เช่น Facebook, LINE เป็นต้น
Smart Manager แอปพลิเคชันสำหรับดูแลและบำรุงรักษาอุปกรณ์ ซึ่งสามารถปรับการตั้งค่าได้หลายส่วนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น แบตเตอรี่, พื้นที่จัดเก็บในภายตัวเครื่อง, เคลียร์ RAM, สถานะความปลอดภัย และควบคุมปริมาณการรับส่งข้อมูลผ่านเครือข่าย
Digital Wellbeing เป็นโหมดสำหรับติดตามเวลาในการใช้งานแต่ละแอปพลิเคชัน ที่ผู้ใช้สามารถตั้งค่าขีดจำกัดรายวันในการใช้งานแอปฯ แต่ละแอปฯ ได้ นอกจากนี้ ผู้ปกครองยังสามารถเพิ่มการจำกัดคอนเทนต์และตั้งค่าการจำกัดการใช้งานของบุตรหลานให้ใช้งานในแต่ละวันได้ด้วยเช่นกัน
Samsung Max เป็นแอปพลิเคชันที่มาพร้อมกับคุณสมบัติในการบีบอัดข้อมูลในการใช้งานอินเทอร์เน็ตให้มีขนาดที่เล็กลง รวมถึงจัดการแอปพลิเคชันที่มีการทำงานแบบเบื้องหลัง เพื่อทำให้ตัวเครื่องประมวลผลได้ไวขึ้น และเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย อีกทั้งจะส่งการแจ้งเตือนเมื่อพบเจอแอปฯ ที่ใช้งานข้อมูลแบบเบื้องหลังมากจนเกินไป นอกจากนี้ ยังมีความปลอดภัยสูงด้วยฟังก์ชันปกป้องความเป็นส่วนตัว ด้วยการเชื่อมต่อแบบเข้ารหัสเมื่อพบว่า ตัวเครื่องได้ถูกเชื่อมต่อกับ Wi-Fi สาธารณะ รวมถึงปิดกั้นการติดตามจากเว็บไซต์ต่าง ๆ
รองรับฟีเจอร์ Game Booster สำหรับเกมเมอร์ ซึ่งระบบจะทำการเรียนรู้รูปแบบการใช้งานของผู้ใช้เพื่อปรับการใช้งานให้เหมาะสม นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถบล็อกการแจ้งเตือนต่าง ๆ รวมถึงสายเรียกเข้าไม่ให้รบกวนในระหว่างเล่นเกมได้ อีกทั้งยังมีโหมดล็อกหน้าจอและสามารถกลับเข้ามาเล่นเกมเดิมได้ทันที โดยที่ไม่ต้องเข้าแอปฯ เกมนั้นใหม่
มาทดสอบด้านการเล่นเกมยอดนิยมอย่าง PUBG Mobile กับ Ragnarok M กันบ้าง โดย Samsung Galaxy A71 มาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 730 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.2 GHz และหน่วยความจำ RAM ขนาด 8 GB ซึ่งจากการทดสอบเล่นเกมทั้ง 2 เกมข้างต้นด้วยการเปิดกราฟิกในระดับ HD พบว่า ตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างลื่นไหล แทบไม่มีอาการหน่วง แต่ตัวเครื่องจะมีความร้อนสะสมบ้างขณะใช้งาน
ทดสอบ Benchmark ด้วยโปรแกรม Geekbench 5 ทำได้ 438 คะแนน (Single-Core) และ 1,552 คะแนน (Multi-Core) ส่วนการทดสอบด้วยโปรแกรม AnTuTu ทำได้ 249,983 คะแนน
ทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน 3D Mark แบบ Sling Shot Extreme - OpenGL ES 3.1 ได้คะแนนการทดสอบที่ 2,466 คะแนน ส่วนการทดสอบแบบ Sling Shot Extreme - Vulkan ได้คะแนนการทดสอบที่ 2,249 คะแนน และ Multitouch รองรับที่ 10 จุด
ส่วนเซ็นเซอร์ที่รองรับบน Samsung Galaxy A71 ได้แก่ Accelerometer Sensor, Light Sensor, Orientation Sensor, Proximity Sensor, Gyroscope Sensor, Sound Sensor และ Magnetic Sensor
Samsung Galaxy A71 มาพร้อมกับกล้องด้านหน้า ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง F/2.0 โดยมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Live Focus, รูปถ่าย, วิดีโอ, กลางคืน, พาโนรามา, มาโคร, โปร, Super Slow-Mo, Slow Motion, Hyperlapse และอาหาร
นอกจากนี้ ยังรองรับโหมด Beauty หรือโหมดหน้าสวย ที่ผู้ใช้สามารถเลือกปรับแต่งใบหน้าแบบอัตโนมัติสูงสุด 3 ระดับ หรือจะเลือกปรับเองได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็น ความเรียบเนียน, สีผิว, แนวกราม และดวงตา สูงสุดที่ 8 ระดับ
โหมด Live Focus หรือโหมดถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ สามารถปรับความเบลอของฉากหลังได้สูงสุด 7 ระดับ และผิวเรียบเนียนได้สูงสุด 8 ระดับ ซึ่งยังสามารถปรับระดับความเบลอ รวมถึงรูปแบบของ Bokeh ได้ภายหลังอีกด้วย
รองรับฟีเจอร์ AR Emoji กับการสร้างภาพ Emoji ของตัวเอง ซึ่งเป็นฟีเจอร์เดียวกับที่อยู่ในรุ่นเรือธง โดยผู้ใช้สามารถเลือกปรับแต่งใบหน้า และเครื่องแต่งกายได้ตามใจชอบ
นอกจากนี้ ฟีเจอร์ AR Emoji ยังมีลูกเล่นที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น มาสก์, พื้นฐาน, และ Mini Motion ที่จะทำการตรวจจับการเคลื่อนไหวของร่างกาย ซึ่งตัวอีโมจิจะขยับตามท่าทางของเรา
สำหรับกล้องด้านหลังของ Samsung Galaxy A71 ประกอบด้วยกล้องทั้งหมด 4 ตัวด้วยกัน (Quad Camera) ประกอบด้วย
โดยมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกมากมายเช่นเดียวกับกล้องด้านหน้า ซึ่งได้แก่ Live Focus, รูปถ่าย, วิดีโอ, กลางคืน, พาโนรามา, มาโคร, โปร, Super Slow-Mo, Slow Motion, Hyperlapse และอาหาร โดยสามารถสลับเลนส์ได้ตรงไอคอนรูปต้นไม้ ซึ่งรูปต้นไม้ 3 ต้น หมายถึง เลนส์ Ultra Wide ส่วนรูปต้นไม้ 2 ต้น หมายถึง เลนส์ Wide (เลนส์หลัก)
นอกจากนี้ ยังมีโหมด Scene Optimizer กับการใช้เทคโนโลยี AI ในการช่วยประมวลผล และปรับแสงสีของภาพให้เหมาะสมกับวัตถุนั้น ซึ่งความแม่นยำของโหมด Scene Optimizer อาจแตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมหรือวัตถุด้วยเช่นกัน ส่วนระบบซูมสามารถซูมได้ไกลสูงสุดที่ 8 เท่า (Digital Zoom)
สามารถใส่ฟิลเตอร์ให้กับภาพถ่ายได้หลากหลาย, เลือกอัตราส่วนภาพถ่าย (3:4H, 3:4, 9:16, 1:1, Full) และตั้งเวลาถ่ายภาพได้ (ปิด, 2 วินาที, 5 วินาที, 10 วินาที)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า โหมด Beauty ปรับความเนียนของผิวระดับ 4
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า โหมด Beauty ปรับความเนียนของผิวระดับ 4
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า โหมด Beauty ปรับความเนียนของผิวระดับ 8
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า โหมด Beauty ปรับความเนียนของผิวระดับ 8
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า โหมด Live Focus ปรับความเบลอของฉากหลังระดับ 7
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง มุมมองปกติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง มุมมองกว้าง (Ultra Wide)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง มุมมองกว้าง (0.5x)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง มุมมองปกติ (1.0x)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง ซูม 2 เท่า
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง ซูม 8 เท่า (Digital Zoom)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง มุมมองปกติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง มุมมองปกติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง มุมมองกว้าง (Ultra Wide)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง มุมมองกว้าง (Ultra Wide)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง โหมด Macro
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง โหมด Macro
สำหรับผู้ที่มองหาสมาร์ทโฟนจอใหญ่, สเปกดี, กล้องแจ่ม เรียกได้ว่า Samsung Galaxy A71 เป็นอีกรุ่นที่ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีเลยก็ว่าได้ อีกทั้งยังมีความน่าสนใจไม่แพ้คู่แข่งที่มีระดับราคาใกล้เคียงกัน เริ่มกันที่ดีไซน์ภายนอก ที่พลิกโฉมใหม่หมดจดเมื่อเทียบกับรุ่นที่แล้วอย่าง Galaxy A70 โดยรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอแบบ Infinity-O Display ขนาดกว้าง 6.7 นิ้ว แบบ Super AMOLED Plus ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล ในอัตราส่วน 20:9 ที่ถือว่า แสดงผลได้อย่างคมชัดและเต็มตา อีกทั้งยังติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (On-Screen Fingerprint) รวมถึงระบบการสแกนใบหน้า (Face Recognition) ปลดล็อกตัวเครื่องได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
ด้านการประมวลผลนั้น มาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 730 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.2 GHz จับคู่กับหน่วยประมวลผลภาพกราฟิก Adreno 618 GPU, หน่วยความจำ RAM ขนาด 8 GB และหน่วยความจำ ROM ขนาด 128 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 512 GB อีกทั้งยังรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดที่สามารถใช้เครือข่าย 4G LTE ได้ทั้ง 2 ซิม พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4,500 mAh รองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง 25W Super Fast Charging ทำให้แบตเตอรี่เต็มไวขึ้นโดยไม่ต้องใช้เวลาชาร์จนาน
กล้องถ่ายรูป น่าจะถูกอกถูกใจคนที่ชอบถ่ายรูปด้วยสมาร์ทโฟนไม่น้อย โดยมาพร้อมกับกล้องด้านหน้า ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล (F/2.0) พร้อมรองรับการถ่ายภาพเซลฟี่แบบกลุ่ม ที่มีมุมกว้างขึ้น รวมถึงการถ่ายภาพแบบ Live Focus หน้าชัดหลังเบลอ ส่วนกล้องด้านหลัง เป็นกล้อง 4 ตัว (Quad Camera) ที่มาพร้อมกับดีไซน์แบบใหม่จัดเรียงรูปตัว L สไตล์เดียวกับ Samsung Galaxy S20 Series ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นานนี้นั่นเอง โดยประกอบด้วย เลนส์หลัก ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล (F/1.8), เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (F/2.2) มุมมองกว้าง 123 องศา, เลนส์ Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล (F/2.4) สำหรับถ่ายภาพในระยะใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร และเลนส์ Depth ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล (F/2.2) อีกทั้งยังรองรับฟังก์ชันการถ่ายภาพที่เทียบเท่ากับรุ่นเรือธง ไม่ว่าจะเป็น Live Focus, Scene Optimizer, AR Emoji, AR Doodle และฟีเจอร์ Super Steady สำหรับถ่ายภาพวิดีโออีกด้วย
นอกจากนี้ Samsung Galaxy A71 ยังรองรับฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น ฟีเจอร์ Always On Display, โหมดกลางคืน กับการเปลี่ยนธีมให้เป็นสีทึบ สำหรับการใช้งานในที่แสงน้อยให้สบายตามากขึ้น, ฟีเจอร์ Dual Messenger สามารถเชื่อมต่อ 2 บัญชีในแอปฯ เดียวกันได้พร้อมกัน, แอปพลิเคชัน SmartThings จัดการอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ภายในบ้านแบบอัจฉริยะ และควบคุมการใช้งานผ่านทางสมาร์ทโฟน และฟีเจอร์ Smart Pop-Up View กับการย่อแอปพลิเคชันให้มีขนาดที่เล็กลง สามารถเคลื่อนย้ายตำแหน่งได้อย่างอิสระ, ปรับขนาดได้ หรือทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันอื่นไปพร้อม ๆ กันได้
สำหรับราคาของ Samsung Galaxy A71 ในตอนนี้ อยู่ที่ 13,990 บาท มีให้เลือกทั้งหมด 3 สีด้วยกัน ได้แก่ Black, Blue และ Silver ซึ่งในตอนนี้ ทาง Samsung ประเทศไทย ก็มีโปรโมชั่นซื้อ Samsung Galaxy A71 รับฟรีส่วนลด 500 บาท สำหรับซื้ออุปกรณ์เสริมหรืออุปกรณ์สวมใส่ โดยโปรโมชั่นดี ๆ แบบนี้ หมดเขตวันที่ 8 มีนาคม 2563 นี้
จุดเด่นของ Samsung Galaxy A71
จุดที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม
ข้อควรทราบ : เครื่อง Samsung Galaxy A71 ในบทความรีวิวนี้ เป็นเพียงเครื่องทดสอบเท่านั้น คุณสมบัติบางอย่างอาจยังไม่สมบูรณ์ 100% และอาจไม่ตรงกับตัวเครื่องที่วางจำหน่ายจริง
------------------------------------
บทความรีวิวโดย : techmoblog.com
Update : 06/03/2020
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |