เพิ่งจะวางจำหน่าย Samsung Galaxy A7 มือถือกล้องหลัง 3 ตัวรุ่นแรกของค่ายไปเมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ล่าสุด ทาง Samsung ก็ได้ฤกษ์วางจำหน่ายรุ่นท็อปของ Galaxy A-Series อย่างเป็นทางการอีกรุ่น กับ Samsung Galaxy A9 ซึ่งถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์ด้านการถ่ายรูปอย่างแท้จริง
โดย Samsung Galaxy A9 เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางรุ่นล่าสุดในตระกูล A-Series ที่มาพร้อมกับจุดเด่น นั่นก็คือ เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่มาพร้อมกับกล้องด้านหลังถึง 4 ตัว (Quad-Camera) ที่สามารถถ่ายภาพได้ครบทุกมุมมอง ทั้งมุมมองปกติ, ภาพมุมกว้าง, ภาพแบบซูม รวมถึงภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ โดยกล้องด้านหลัง 4 ตัวนั้น ประกอบด้วย เลนส์หลัก ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล (F/1.7), เลนส์ Telephoto ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล (F/2.4) และ 2X Optical Zoom, เลนส์ Depth สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล (F/2.2) และเลนส์ Ultra Wide 120 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (F/2.4) อีกทั้งยังรองรับฟีเจอร์ Flaw Detection สำหรับตรวจจับการกระพริบตา, หน้าเบลอ และภาพแบบย้อนแสง รวมถึงโหมดตัวปรับสีภาพ (Scene Optimizer) ซึ่งเป็นระบบอัจฉริยะที่ช่วยปรับสีและแสงให้อัตโนมัติก่อนกดชัตเตอร์ถ่าย สามารถวิเคราะห์ฉากได้ถึง 19 โหมดเลยทีเดียว
ส่วนกล้องด้านหน้า ความละเอียดอยู่ที่ 24 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้าง F/2.0 รองรับโหมด Selfie Focus สำหรับถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ และโหมด Selfie ที่สามารถปรับรูปหน้าทั้งความเนียนของผิว, ตาโต และความเรียวของใบหน้าได้สูงสุด 8 ระดับ
ด้านดีไซน์ของ Samsung Galaxy A9 นั้น ฝาหลังเป็นกระจก Gorilla Glass 5 แบบไล่เฉดสี ส่วนด้านหน้ามาพร้อมกับดีไซน์แบบ Infinity Display แบบเดียวกับ Galaxy A7 โดยหน้าจอแสดงผลมีขนาดอยู่ที่ 6.3 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 2220 x 1080 พิกเซล (FHD+) ในอัตราส่วน 18:5:9
ในส่วนการประมวลผล มาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 660 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.2 GHz, หน่วยประมวลผลภาพกราฟิก Adreno 512 GPU, หน่วยความจำ RAM ขนาด 6 GB และหน่วยความจำ ROM ขนาด 128 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 512 GB นอกจากนี้ ยังรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด, รองรับเทคโนโลยี NFC รวมถึงรองรับการปลดล็อกตัวเครื่องทั้งการสแกนใบหน้าและการสแกนลายนิ้วมืออีกด้วย
มาดูกันดีกว่าว่า Samsung Galaxy A9 รุ่นนี้จะมีความน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน มาพิสูจน์ไปพร้อม ๆ กันกับ รีวิว Samsung Galaxy A9 โดยทีมงาน techmoblog ครับ
>> สเปก Samsung Galaxy A9 (2018) อย่างละเอียด คลิกที่นี่
Samsung Galaxy A9 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาด 6.3 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 2220 x 1080 พิกเซล (FHD+) ในอัตราส่วน 18:5:9 โดยดีไซน์ตัวเครื่องเป็นแบบ Infinity Display ไร้ปุ่ม Home บอดี้เป็นโลหะครอบทับด้วยกระจก ส่วนขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 162.5 x 77.0 x 7.8 มิลลิเมตร, น้ำหนัก 183 กรัม
ด้านบนของหน้าจอแสดงผล ประกอบด้วย เซ็นเซอร์ต่าง ๆ, ลำโพงสำหรับสนทนา และกล้องด้านหน้า ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล (F/2.0)
ด้านล่างของหน้าจอแสดงผล ประกอบด้วย ปุ่มควบคุมการทำงานแบบสัมผัส (On-Screen) ได้แก่ ปุ่ม Recent Apps, ปุ่ม Home และปุ่มย้อนกลับ
ด้านขวาของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดตัวเครื่อง หรือล็อกหน้าจอแสดงผล และปุ่มปรับระดับเสียง ส่วนด้านซ้ายของตัวเครื่อง เป็นปุ่มเรียกใช้งาน Bixby ผู้ช่วยอัจฉริยะ
ด้านบนของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน และถาดใส่ซิมการ์ด ส่วนด้านล่างตัวเครื่อง ประกอบด้วย ช่องหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, ไมโครโฟนตัวหลักสำหรับสนทนา และลำโพงเสียง
สำหรับถาดซิมการ์ดของ Samsung Galaxy A9 เป็นแบบ Triple Slot สามารถใส่ซิมการ์ดที่ 1, ซิมการ์ดที่ 2 และ microSD Card ได้พร้อมกัน โดยรองรับเครือข่าย 4G LTE ทั้ง 2 ซิมการ์ด ส่วน microSD Card รองรับสูงสุด 512 GB
สำหรับดีไซน์ด้านหลังตัวเครื่อง เป็นแบบไล่เฉดสี ซึ่งรุ่นที่นำมารีวิวนี้เป็นสีชมพู (Pink) ส่วนกล้องด้านหลังบน Samsung Galaxy A9 เป็นกล้อง 4 ตัว (Quad-Camera) พร้อมไฟแฟลชแบบ LED และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ โดยรายละเอียดของกล้องทั้ง 4 ตัว เป็นดังนี้
Samsung Galaxy A9 รุ่นที่ทีมงานนำมารีวิวในวันนี้ ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 8.0 (Oreo) และอินเทอร์เฟส Samsung Experience เวอร์ชัน 9.0
สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้ตามพฤติกรรมการใช้งาน ทั้ง Wallpaper, ธีม รวมถึง Widget ที่มีให้เลือกมากมายหลายรูปแบบ
ในส่วนของฟังก์ชันการแจ้งเตือนนั้น สามารถเข้าสู่เมนูลัดสำหรับตั้งค่าการใช้งานในเบื้องต้นได้ ทั้ง Wi-Fi, Bluetooth, ล็อกการหมุนของหน้าจอ, ปรับความสว่างของหน้าจอ, ไฟฉาย, Airplane Mode และอื่น ๆ
การกดปุ่มที่ด้านซ้ายตัวเครื่อง จะเป็นการเรียกใช้งาน Bixby ผู้ช่วยคำสั่งเสียงอัจฉริยะ ที่ผู้ใช้สามารถพูดเพื่อสั่งการให้ Bixby ทำงานตามสั่ง ยกตัวอย่างเช่น เปิดเพลง, เปิดแอปพลิเคชัน, ถามสภาพอากาศ, ตารางนัดหมาย และอื่น ๆ ซึ่งในตอนนี้ Bixby รองรับแค่ 3 ภาษาเท่านั้น ได้แก่ ภาษาอังกฤษ, ภาษาจีน และภาษาเกาหลี คาดว่าน่าจะรองรับภาษาไทยในอนาคต
ส่วนการปัดจากซ้ายไปขวา จะเป็นการเปิดใช้งานฟีเจอร์ Bixby Home เวอร์ชัน 2.2 ด้านในจะประกอบด้วยคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่ผู้ใช้ให้ความสนใจ รวมถึงข้อมูลและกิจกรรมต่าง ๆ ของผู้ใช้จะถูกรวมมาไว้ในหน้าเดียว
การปัดนิ้วขึ้นจากหน้า Home จะเข้าสู่ App Drawer รวมแอปพลิเคชันที่มีทั้งหมดในตัวเครื่อง เบื้องต้นนั้น มีแอปพลิเคชันพื้นฐานของทาง Samsung, Google และ Microsoft ติดตั้งมาให้เรียบร้อยแล้ว
Samsung Galaxy A9 รองรับฟีเจอร์ Always On Display กับการแสดงวันที่, เวลา รวมถึงข้อความแจ้งเตือนต่าง ๆ บนหน้า Lock Screen ในขณะที่หน้าจอยังดับอยู่
ในด้านความปลอดภัยและการปลดล็อกตัวเครื่องนั้น Samsung Galaxy A9 รองรับทั้งการสแกนใบหน้า และการสแกนลายนิ้วมือ โดยปุ่มสำหรับสแกนลายนิ้วมืออยู่ที่ด้านหลังตัวเครื่อง
รองรับฟีเจอร์ตัวกรองแสงสีฟ้า กับการจำกัดปริมาณแสงสีฟ้าบนหน้าจอด้วยการเปลี่ยนสีบนหน้าจอให้เป็นสีเหลืองนวล เพื่อลดอาการล้าที่ดวงตาเมื่อใช้เป็นเวลานาน ๆ หรือใช้ในที่แสงน้อย
รองรับฟีเจอร์ Multi-Window และ App Pair ด้วยการจับคู่แอปที่ใช้งานบ่อยให้แสดงผลพร้อมกันได้ 2 หน้าจอ เช่น เปิดวิดีโอ และแชทพร้อมกัน
มีเครื่องคิดเลข รวมถึงมีวิทยุ FM ในตัว ซึ่งได้รับการติดตั้งไว้เรียบร้อยแล้ว และพร้อมใช้งาน
Secure Folder ฟีเจอร์ระบบรักษาความปลอดภัยบนมือถือ Samsung ด้วยการเข้ารหัสข้อมูล และแยกพื้นที่จัดเก็บข้อมูล เพื่อปกป้องข้อมูลสำคัญ เช่น รูปภาพ, ไฟล์เอกสาร หรือคลิปเสียง ซึ่งมีเฉพาะเจ้าของเครื่องเท่านั้นที่จะสามารถเข้าใช้งานได้
ฟีเจอร์ Dual Messenger สามารถเชื่อมต่อ 2 บัญชีในแอปฯ เดียวกันได้พร้อมกัน เช่น Facebook, LINE เป็นต้น
Samsung Galaxy Gift แอปพลิเคชันที่มาพร้อมกับส่วนลดและดีลพิเศษจากร้านค้าชั้นนำมากมาย ซึ่งเป็นสิทธิพิเศษสำหรับผู้ใช้ Samsung Galaxy เท่านั้น
Samsung Member เป็นแอปพลิเคชันที่ผู้ใช้สามารถรับบริการต่าง ๆ เช่น ข่าวสารล่าสุด, บริการความช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง, ทิป-เทคนิคการใช้งาน พร้อมตรวจสอบหาปัญหาและให้คำปรึกษาต่าง ๆ เพื่อให้มือถือ Samsung รุ่นที่ใช้อยู่นั้นอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด
Samsung Max เป็นแอปพลิเคชันที่มาพร้อมกับคุณสมบัติในการบีบอัดข้อมูลในการใช้งานอินเทอร์เน็ตให้มีขนาดที่เล็กลง รวมถึงจัดการแอปพลิเคชันที่มีการทำงานแบบเบื้องหลัง เพื่อทำให้ตัวเครื่องประมวลผลได้ไวขึ้น และเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย อีกทั้งจะส่งการแจ้งเตือนเมื่อพบเจอแอปฯ ที่ใช้งานข้อมูลแบบเบื้องหลังมากจนเกินไป นอกจากนี้ ยังมีความปลอดภัยสูงด้วยฟังก์ชันปกป้องความเป็นส่วนตัว ด้วยการเชื่อมต่อแบบเข้ารหัสเมื่อพบว่า ตัวเครื่องได้ถูกเชื่อมต่อกับ Wi-Fi สาธารณะ รวมถึงปิดกั้นการติดตามจากเว็บไซต์ต่าง ๆ
Smart Manager แอปพลิเคชันสำหรับดูแลและบำรุงรักษาอุปกรณ์ ซึ่งสามารถปรับการตั้งค่าได้หลายส่วนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น แบตเตอรี่, พื้นที่จัดเก็บในภายตัวเครื่อง, เคลียร์ RAM, สถานะความปลอดภัย และควบคุมปริมาณการรับส่งข้อมูลผ่านเครือข่าย
มาทดสอบด้านการเล่นเกมกันบ้าง โดย Samsung Galaxy A9 รุ่นที่นำมารีวิวนี้ มาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 660 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.2 GHz, หน่วยประมวลภาพกราฟิก Adreno 512 GPU และหน่วยความจำ RAM ขนาด 6 GB ซึ่งจากการทดสอบเล่นเกม โดยรวมถือว่าทำได้ดี, ประมวลผลเร็ว และไม่กระตุก
ทดสอบ Benchmark ด้วยโปรแกรม AnTuTu ทำได้ 140,401 คะแนน ส่วนการทดสอบด้วยโปรแกรม Geekbench 4 ทำได้ 1,610 คะแนน และ 5,504 คะแนน สำหรับการทดสอบแบบ Single-Core และ Multi-Core ตามลำดับ
สำหรับกล้องด้านหลังแบบ Quad-Camera (กล้อง 4 ตัว) บน Samsung Galaxy A9 นั้น มีโหมดถ่ายภาพให้เลือกหลายโหมดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น พาโนรามา, โปร, ความงาม, Live Focus (หน้าชัดหลังเบลอ), อัตโนมัติ, ตัวปรับสีภาพ (Scene Optimizer), Super Slow-Mo, AR Emoji, Hyperlapse และเคลื่อนไหวช้า
โดยโหมดถ่ายภาพอัตโนมัติ สามารถเลือกฟีเจอร์การถ่ายภาพได้ทั้งหมด 3 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ ภาพมุมกว้างแบบ Ultra Wide ได้ถึง 120 องศา (รูปต้นไม้ 3 ต้น), โหมดถ่ายภาพปกติ (รูปต้นไม้ 2 ต้น) และที่เพิ่มเข้ามา ก็คือ 2x Optical Zoom (รูปต้นไม้ 1 ต้น) แต่สามารถปรับระยะซูมได้สูงสุดที่ 8x
โหมดตัวปรับสีภาพ (Scene Optimizer) เป็นระบบอัจฉริยะที่ช่วยปรับสีและแสงให้อัตโนมัติก่อนกดชัตเตอร์ถ่าย ซึ่งสามารถวิเคราะห์ฉากได้ถึง 19 โหมด ได้แก่ อาหาร, คน, ดอกไม้, ภายในบ้าน, สัตว์, วิว, ทุ่งหญ้า, ต้นไม้, ท้องฟ้า, ภูเขา, ชายหาด, พระอาทิตย์ขึ้นและตก, ริมน้ำ, ถนนในเมือง, กลางคืน, น้ำตก, หิมะ, นก และตัวอักษร
นอกจากนี้ ยังรองรับฟีเจอร์ Flaw Detection สำหรับตรวจจับใบหน้าว่า ถ่ายแล้วเบลอ, มีการกระพริบตา หรือถ่ายแล้วภาพย้อนแสงหรือไม่ พร้อมกับมีคำแนะนำให้ถ่ายใหม่ เพื่อให้ได้ภาพถ่ายออกมาดีที่สุด โดยการตรวจจับการกระพริบตา และภาพเบลอ จะทำงานได้ดีเมื่ออยู่ในเฟรมไม่เกิน 3 คน และระยะห่างจากกล้องไม่เกิน 1.5 เมตร ส่วนการตรวจจับการถ่ายย้อนแสง จะแจ้งเตือนเพียงหนึ่งครั้งใน 24 ชั่วโมง และเมื่อโหมด HDR ปิดอยู่เท่านั้น
สำหรับโหมด Live Focus สามารถปรับความเบลอของฉากหลังได้สูงสุดที่ 7 ระดับ และสามารถเลือกจุดโฟกัสว่าจะให้โฟกัสที่วัตถุด้านหน้า หรือโฟกัสที่ฉากหลัง หลังจากถ่ายเสร็จแล้วได้
โหมดโปร สามารถเลือกตั้งค่าถ่ายภาพได้ 3 ส่วน ได้แก่ EV, ISO และ White Balance
สำหรับกล้องด้านหน้า มาพร้อมความละเอียด 24 ล้านพิกเซล และรูรับแสงกว้าง F/2.0 โดยมีโหมดถ่ายภาพให้เลือก 4 โหมดด้วยกัน ได้แก่ Selfie Focus, เซลฟี่, AR Emoji และถ่ายภาพตนเองมุมกว้าง ซึ่งโหมดเซลฟี่นั้น สามารถปรับความเนียนของผิว, หน้าเรียว และตาโต ได้สูงสุด 8 ระดับ
รองรับฟีเจอร์ Smart Beauty กับการจับโครงใบหน้าและเน้นส่วนที่ดีที่สุด เพื่อปรับแต่งให้ภาพถ่ายออกมาดูดีที่สุด และฟีเจอร์ Pro-Lighting (การวัดแสงแบบโปร) กับการจัดแสงให้กับรูปถ่ายให้เหมือนถ่ายด้วยกล้องระดับโปร โดยสามารถเลือกแสงได้ 4 แบบ ได้แก่ ด้านบน, ด้านซ้าย, ด้านขวา และด้านซ้ายกับด้านขวา
รองรับ Selfie Focus หรือโหมดถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ ที่สามารถปรับความเนียนของผิวได้ 8 ระดับ
รองรับฟีเจอร์ AR Emoji กับการสร้างภาพ Emoji ของตัวเอง ซึ่งเป็นฟีเจอร์เดียวกับที่อยู่ในรุ่นเรือธงอย่าง Samsung Galaxy S9 และ Samsung Galaxy Note 9 นอกจากนี้ ยังรองรับฟีเจอร์ AR Sticker อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าการใช้งานกล้องถ่ายรูปได้ตามรูปแบบการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น ความละเอียดของภาพถ่าย (ทั้งกล้องด้านหน้าและกล้องด้านหลัง), ขนาดวิดีโอ (ทั้งกล้องด้านหน้าและกล้องด้านหลัง), ตัวจับเวลา, ลายน้ำ, จุดตัดเก้าช่อง, แท็กสถานที่ และอื่น ๆ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า พร้อมเปิดฟังก์ชัน HDR และปรับความเรียบเนียนของผิวที่ระดับ 4 (รูปซ้ายเปิดโหมด Smart Beauty, รูปขวาปิดโหมด Smart Beauty)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า ปรับความเรียบเนียนของผิวที่ระดับ 4 (ปิดฟังก์ชัน HDR)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า ปรับความเรียบเนียนของผิวที่ระดับ 8 (ปิดฟังก์ชัน HDR)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า โหมด Selfie Focus ปรับความเรียบเนียนของผิวที่ระดับ 8 (ปิดฟังก์ชัน HDR)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง โหมดอัตโนมัติ เลนส์ปกติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง โหมดอัตโนมัติ เลนส์มุมกว้างพิเศษ (Ultra Wide) 120 องศา
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง โหมดอัตโนมัติ เลนส์ Telephoto (2x Optical Zoom)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง โหมดอัตโนมัติ เลนส์ปกติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง โหมดอัตโนมัติ เลนส์มุมกว้างพิเศษ (Ultra Wide) 120 องศา
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง โหมดอัตโนมัติ เลนส์ Telephoto (2x Optical Zoom)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง โหมดอัตโนมัติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง โหมดอัตโนมัติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง โหมดอัตโนมัติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง โหมดอัตโนมัติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง โหมดอัตโนมัติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง โหมด Live Focus
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง โหมด Live Focus
อย่างที่กล่าวไว้ในตอนต้นว่า จุดขายของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้อยู่ที่กล้องถ่ายรูปด้านหลังตัวเครื่อง ซึ่งมีทั้งหมด 4 ตัว (Quad-Camera) รองรับการถ่ายภาพได้ถึง 4 แบบในเครื่องเดียว โดยกล้องด้านหลังบน Samsung Galaxy A9 นั้น ประกอบด้วย เลนส์หลัก ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล (F/1.7), เลนส์ Telephoto ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล (F/2.4) และ 2X Optical Zoom, เลนส์ Depth ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล (F/2.2) สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ และเลนส์ Ultra Wide 120 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (F/2.4) เรียกได้ว่า ไม่ว่าจะถ่ายภาพมุมใกล้, มุมกว้าง, ถ่ายแบบซูม หรือถ่ายแบบหน้าชัดหลังเบลอ ถือว่า Samsung Galaxy A9 สามารถเก็บภาพได้ครบทุกมุมมองเลยทีเดียว
นอกเหนือจากเลนส์ 4 ตัวแล้ว ยังมีโหมดตัวปรับสีภาพ (Scene Optimizer) ซึ่งเป็นระบบอัจฉริยะในการนำ AI เข้ามาช่วยปรับสีและแสงให้อัตโนมัติก่อนกดชัตเตอร์ถ่าย และสามารถวิเคราะห์ฉากได้ถึง 19 โหมด รวมถึงรองรับฟีเจอร์ Flaw Detection สำหรับตรวจจับการกระพริบตา, หน้าเบลอ และภาพแบบย้อนแสง เพื่อให้ภาพถ่ายช็อตที่สวยที่สุดและดีที่สุด
ด้านการประมวลผล มาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 660 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.2 GHz, หน่วยประมวลผลภาพกราฟิก Adreno 512 GPU, หน่วยความจำ RAM ขนาด 6 GB และหน่วยความจำ ROM ขนาด 128 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 512 GB ซึ่งจากการทดสอบใช้งานทั้งการเล่นเกมกราฟิก 3 มิติ, ดูหนัง, ฟังเพลง รวมถึงการใช้งานทั่วไป ทำได้น่าประทับใจ และประมวลผลได้ลื่นไหล
ด้านความปลอดภัยนั้น Samsung Galaxy A9 รองรับทั้งการสแกนใบหน้า และการสแกนลายนิ้วมือ (ที่ด้านหลังตัวเครื่อง) รวมถึงมาพร้อมกับ Secure Folder ซึ่งเป็นฟีเจอร์ระบบรักษาความปลอดภัยด้วยการเข้ารหัสข้อมูล และแยกพื้นที่จัดเก็บข้อมูล เพื่อปกป้องข้อมูลสำคัญ เช่น รูปภาพ, ไฟล์เอกสาร หรือคลิปเสียง ซึ่งมีเฉพาะเจ้าของเครื่องเท่านั้นที่จะสามารถเข้าใช้งานได้
นอกจากนี้ Samsung Galaxy A9 ยังรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด โดยเป็นถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Triple-Slot ทำให้สามารถใส่ซิมการ์ดทั้ง 2 ซิม รวมถึง microSD Card ได้พร้อมกัน, รองรับ Bixby ผู้ช่วยอัจฉริยะ ซึ่งเรียกใช้งานได้ง่าย ๆ ด้วยการกดปุ่มที่ด้านซ้ายของตัวเครื่อง, ฟีเจอร์ Dual Messenger สามารถเชื่อมต่อ 2 บัญชีในแอปฯ โปรดได้พร้อมกัน, แบตเตอรี่ขนาด 3,800 mAh พร้อมรองรับระบบชาร์จเร็ว, ลำโพงเสียง Dolby Atmos เมื่อใช้งานร่วมกับหูฟัง หรือลำโพง Bluetooth, รองรับฟีเจอร์ Always On Display และทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 8.0 (Oreo) พร้อมอินเทอร์เฟส Samsung Experience เวอร์ชัน 9.0 บนหน้าจอแสดงผลขนาด 6.3 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 2220 x 1080 พิกเซล (FHD+) ในอัตราส่วน 18:5:9
สำหรับราคาของ Samsung Galaxy A9 อยู่ที่ 19,990 บาท มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีดำ (Caviar Black), สีน้ำเงิน (Lemonade Blue) และสีชมพู (Pink) โดยในตอนนี้ ทาง Samsung ประเทศไทย มีโปรโมชั่นซื้อ Samsung Galaxy A9 รับฟรีของสมนาคุณ รวมมูลค่า 4,490 บาท ซึ่งประกอบด้วย Fast Charge Battery Pack ขนาด 10,000 mAh และประกันจอแตกนาน 1 ปี (เมื่อลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน Galaxy Gift) พร้อมรับสิทธิ์ผ่อน 0% นาน 10 เดือน ที่ Samsung Brand Shop และร้านที่ร่วมรายการทั่วประเทศ โดยโปรโมชั่นดังกล่าว หมดเขตวันที่ 31 ธันวาคม 2561
จุดเด่นของ Samsung Galaxy A9
จุดที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม
ข้อควรทราบ : เครื่อง Samsung Galaxy A9 ในบทความรีวิวนี้ เป็นเพียงเครื่องทดสอบเท่านั้น คุณสมบัติบางอย่างอาจยังไม่สมบูรณ์ 100% และอาจไม่ตรงกับตัวเครื่องที่วางจำหน่ายจริง
------------------------------------
บทความรีวิวโดย : techmoblog.com
Update : 21/02/2019
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |