ย้อนกลับไปเมื่อช่วงปลายปี 2016 ค่าย Samsung ได้สร้างเสียงฮือฮาหลังเปิดตัว Samsung Galaxy C9 Pro สมาร์ทโฟนรุ่นแรกของค่ายที่มาพร้อมกับหน่วยความจำ RAM ถึง 6GB พร้อมสเปกแบบครบเครื่องรอบด้าน ซึ่งล่าสุดทาง Samsung ก็ได้นำมือถือรุ่นดังกล่าวเข้ามาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เพื่อให้ผู้ใช้อย่างเราๆ ได้จับจองเป็นเจ้าของด้วย
โดยจุดเด่นของ Samsung Galaxy C9 Pro นอกเหนือจาก RAM ขนาด 6GB แล้ว ยังมาพร้อมกับหน้าจอ Full HD ไซส์ใหญ่ถึง 6 นิ้ว บนดีไซน์ตัวเครื่องโลหะบางเฉียบเพียง 6.9 มม. พร้อมกล้องดิจิทัลความละเอียด 16 ล้านเท่ากันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รวมทั้งยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดจุใจถึง 4000mAh เพื่อรองรับการใช้งานตลอดวัน
ด้านคุณสมบัติภายในตัวเครื่องก็ถือว่าน่าสนใจเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น การเลือกใช้งานขุมพลังระดับกลาง Qualcomm Snapdragon 653, หน่วยความจำภายในความจุ 64GB พร้อมรองรับหน่วยความจำเสริมสูงสุด 256GB, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ, รองรับการเชื่อมต่อ USB-Type C หรือการทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow โดยทาง Samsung เคาะราคาวางจำหน่าย Galaxy C9 Pro ในประเทศไทยเอาไว้ที่ 16,900 บาท
และภายในวันนี้ทางทีมงาน techmoblog จะพาทุกท่านไปรับชมกันหน่อยว่า Galaxy C9 Pro จะมีจุดเด่นน่าใช้งานอย่างไร และจะมีฟีเจอร์อะไรน่าใช้งานบ้าง ผ่านรีวิวแบบเจาะลึกกันครับ
Samsung Galaxy C9 Pro มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED ขนาด 6 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD พร้อมฟีเจอร์ Always On Display ที่สามารถแจ้งเตือนสถานะต่างๆ บนตัวเครื่องได้ แม้ว่าจะหน้าจะดับไปแล้ว
หน้าตาของฟีเจอร์ Always On Display
ที่ด้านบนของหน้าจอแสดงผล ประกอบด้วย กล้องดิจิทัลความละเอียด 16 ล้านพิกเซล, ลำโพงสนทนา, เซ็นเซอร์ Ambient Light และ Proximity และไฟแจ้งเตือนสถานะแบบ LED
ด้านล่างของหน้าจอแสดงผล มีปุ่มควบคุมแบบสัมผัส Capacitive ติดตั้งเอาไว้ ซึ่งประกอบด้วย ปุ่ม Recent Apps และปุ่มย้อนกลับ ส่วนปุ่มโฮมตรงกลางนั้น จะถูกตัดขอบด้วยสีทอง พร้อมฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเอาไว้ด้านใต้
ด้านซ้ายของตัวเครื่อง มีปุ่มปรับระดับเสียงติดตั้งเอาไว้ ส่วนที่ด้านขวาประกอบด้วย ถาดใส่ซิมการ์ด, ถาดใส่หน่วยความจำเสริม microSD Card และปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดเครื่อง
สำหรับถาดใส่ซิมการ์ดของ Galaxy C9 Pro รองรับซิมการ์ดแบบ nano-sim ทั้ง 2 ช่อง นอกจากนี้ ยังมีช่องใส่ microSD Card แยกออกมาอีกสล็อตหนึ่ง ทำให้ผู้ใช้สามารถสแตนบาย 2 ซิมการ์ด ไปพร้อมๆ กับเพิ่มความจุให้กับตัวเครื่องด้วย microSD Card ได้นั่นเอง
ที่ด้านบนของตัวเครื่องมีไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน ส่วนด้านล่างของตัวเครื่องประกอบด้วย ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม., พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา และลำโพงหลักของตัวเครื่อง
บอดี้ของ Samsung Galaxy C9 Pro ถูกผลิตด้วยวัสดุประเภทโลหะเกรดเดียวกับที่ใช้ผลิตชิ้นส่วนอากาศยาน พร้อมขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวแบบ Unibody โดยจุดเด่นอีกหนึ่งอย่างของ Galaxy C9 Pro คือ เส้นเสารับสัญญาณแบบใหม่ ที่ได้รับการปรับปรุงให้มีความบางมากยิ่งขึ้น ทำให้ดูสะอาดตายิ่งกว่าเดิม
เส้นเสารับสัญญาณแบบใหม่ที่นำมาใช้กับ Samsung Galaxy C9 Pro เป็นครั้งแรก โดยจะพาดขวางตัวเครื่องทั้งด้านบนและด้านล่าง
ส่วนที่ด้านบน ประกอบด้วยกล้องดิจิทัลความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และไฟแฟลชสองสี Dual-Tone LED
Samsung Galaxy C9 Pro มีพื้นฐานการทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow ซึ่งหน้า UI โดยรวมได้รับการปรับปรุงให้มีความสะอาดตามากขึ้นด้วยโทนสีขาวฟ้าเป็นหลัก
ลากนิ้วจากบนลงล่างจะพบกับ Toggle Swtich ซึ่งเป็นคีย์ลัดสำหรับตั้งค่าภายในตัวเครื่อง โดยผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งไอคอนคีย์ลัดได้ตามใจชอบด้วยการกดค้าง ส่วนที่ด้านล่างคือแถบ Notification Center สำหรับแจ้งเตือนต่างๆ นั่นเอง
สำหรับแอปพลิเคชันภายในเครื่องก็ถูกติดตั้งมาให้แบบครบครัน ไม่ว่าจะเป็น แอปพลิเคชันพื้นฐานจากฝั่ง Google เช่น Gmail, Chrome หรือ Google Maps รวมถึงแอปพลิเคชันพื้นฐานจาก Samsung ที่น่าสนใจเช่น Galaxy Apps แหล่งรวมแอปพลิเคชันสำหรับมือถือ Samsung หรือ Secure Folder แอปพลิเคชันที่เปรียบเสมือนตู้นิรภัย ที่ผู้ใช้งานสามารถนำข้อมูล หรือแอปพลิเคชันไปจัดเก็บไว้ภายในนี้ได้ ซึ่งจะมีเพียงแค่เจ้าของเครื่องเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงฟีเจอร์ดังกล่าว นอกจากนี้ แอปพลิเคชันที่อยู่ใน Secure Folder จะทำงานแยกตัวกับแอปพลิเคชันบนตัวเครื่อง ทำให้เราสามารถเล่นแอปอย่าง Line หรือ Facebook ได้ 2 Account นั่นเอง
Samsung Notes แอปพลิเคชันจดบันทึกสารพัดประโยชน์ ก็ถูกติดตั้งมาให้ใช้งานเช่นเดียวกัน โดยผู้ใช้สามารถเลือกวิธีจดบันทึกได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนด้วยนิ้ว เสียง หรือรูปภาพได้อย่างง่ายดาย
ส่วนใครที่เบื่อธีมที่ติดมากับเครื่อง ก็ผู้สามารถเข้าไปดาวน์โหลดธีม และไอคอนเพิ่มเติมได้ด้วยที่ Samsung Themes
แน่นอนว่าด้วยหน้าจอไซส์ใหญ่ถึง 6 นิ้วของ Galaxy C9 Pro ทำให้สามารถท่องเว็บไซต์ หรือรับชมคอนเทนต์ได้อย่างเต็มตา เต็มอารมณ์
นอกจากนี้ Samsung Galaxy C9 Pro ยังรองรับการใช้งานแบบ Multi Windows ด้วย โดยวิธีใช้งานนั้น จะต้องกดค้างที่ปุ่ม Recent Apps เสียก่อน จากนั้นให้เลือกแอปพลิเคชันที่ต้องการเปิดเป็นหน้าจอที่สอง เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว อีกทั้ง ผู้ใช้งานยังสามารถปรับขนาดหน้าต่างของแอปพลิเคชันได้ตามใจชอบ เพียงแค่ลากขึ้นหรือลงเท่านั้น
Power Saving Mode หรือโหมดประหยัดพลังงานก็มีมาให้ใช้เช่นเดียวกัน โดยจะมีให้เลือกอยู่ 2 โหมด ได้แก่ MID และ MAX โดยจะเป็นการปรับระดับความสว่างของหน้าจอให้น้อยลง ลดการทำงานของแอปพลิเคชันเบื้องหลัง และเปลี่ยนธีมตัวเครื่องเป็นโทนสีดำ
รวมถึงโหมดกรองแสงสีฟ้า Blue light filter ที่จะเปลี่ยนสีหน้าจอให้อยู่ในสีเหลืองนวล เพื่อให้รับชมคอนเทนต์ได้สบายตามากยิ่งขึ้น
อย่างที่กล่าวไปด้านต้นว่า ปุ่มโฮมของ Samsung Galaxy C9 Pro สามารถใช้งานเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือได้ ซึ่งผู้ใช้จะต้องเข้าไปลงทะเบียนลายนิ้วมือเสียก่อน โดยสามารถรองรับลายนิ้วมือได้สูงสุดทั้งหมด 3 นิ้วครับ
นอกจากนี้ Samsung Galaxy C9 Pro ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์เด็ดด้านอื่น เช่น Pop-Up view gesture หรือการลากนิ้วจากบริเวณขอบหน้าจอเพื่อย่อแอปพลิเคชันให้เล็กลง, Smart Stay ฟีเจอร์ที่คอยตรวจจับใบหน้า และจะเปิดหน้าจอให้ตลอดเวลา จนกว่าจะมองไปทางอื่น หรือฟีเจอร์ Easy Mute ที่ให้ผู้ใช้สามารถปิดเสียงเรียกเข้า หรือเสียงนาฬิกาปลุกได้ง่ายๆ เพียงแค่โบกมือเหนือหน้าจอเท่านั้น
ข้ามมาที่การทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของตัวเครื่องกันบ้าง โดย Samsung Galaxy C9 Pro เลือกใช้งานขุมพลัง Qualcomm Snapdragon 653 พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 510 จับคู่การทำงานกับหน่วยความจำ RAM ขนาด 6GB ซึ่งเมื่อลองทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมด้วย AnTuTu พบว่า สามารถทำคะแนนได้ประมาณ 85985 คะแนน
ทดสอบการประมวลผลด้วย GeekBench พบว่า Samsung Galaxy C9 Pro สามารถทำคะแนนประมวลผลแบบ Single-Core ได้ทั้งหมด 1497 คะแนน และทำคะแนนการประมวลผลแบบ Multi-Core ได้ทั้งหมด 4123 คะแนน
ทดสอบเซ็นเซอร์ภายในตัวเครื่องด้วย Sensor Box ก็พบว่า Samsung Galaxy C9 Pro มีการติดตั้งเซ็นเซอร์พื้นฐานมาให้แบบครบครัน ทั้ง Light, Orientation, Proximity, Gyroscope, Sound และ Magnetic
ทดสอบการเล่นเกม 3D กราฟิกสวยๆ อย่าง PES 2017 หรือ RoV ก็สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล ไม่ปรากฏอาการหน่วง หรือกระตุกให้เห็นแต่อย่างใด
นอกจากนี้ Samsung Galaxy C9 Pro ยังมีเครื่องมือ Game Tools มาให้ใช้งานด้วย ซึ่งภายในประกอบไปด้วยฟังก์ชันสำหรับเกมเมอร์แบบครบครัน ไม่ว่าจะเป็น การปิดข้อความแจ้งเตือนทั้งหมดขณะเล่น การล็อกปุ่ม Recents App และปุ่มย้อนกลับ เพื่อป้องกันการเผลอกดโดน รวมถึงฟีเจอร์อัดภาพหน้าจอขณะเล่น
อีกหนึ่งจุดเด่นของ Samsung Galaxy C9 Pro นั่นก็คือกล้องดิจิทัลความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้าง f/1.9 เท่ากันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยกล้องหน้านั้น มาพร้อมกับโหมด Beauty สำหรับปรับโครงหน้า และสีผิว รวมทั้งยังมีโหมดการถ่ายภาพแบบ Wide Selfie สำหรับเซลฟี่แบบเป็นกลุ่ม และไฟแฟลชบนหน้าจอ สำหรับการเซลฟี่ในสภาวะแสงน้อย
ด้านกล้องหลังก็มีโหมดการใช้งานติดตั้งมาให้แบบครบครันเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น โหมดโปร, Panorama, โหมด HDR, โหมดถ่ายภาพกลางคืน รวมถึงโหมดถ่ายภาพอาหาร ซึ่งหากโหมดที่ติดตั้งมาให้ยังไม่เพียงพอ ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปดาวน์โหลดโหมดถ่ายภาพเพิ่มเติมได้ที่เมนู Download ด้านบนครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าแบบไม่ปรับแต่ง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า พร้อมปรับโหมด Beauty ที่ระดับ 2
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า พร้อมปรับโหมด Beauty ที่ระดับ 4
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า พร้อมปรับโหมด Beauty ที่ระดับ 6
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้าในสภาวะแสงน้อย พร้อมเปิดไฟแฟลชจากหน้าจอ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง
เรียกได้ว่า Samsung Galaxy C9 Pro เป็นรุ่นสานต่อจาก Galaxy A9 Pro ที่เคยบุกประเทศไทยเมื่อปีที่แล้วก็ว่าได้ เนื่องจากยังคงคอนเซ็ปท์หน้าจอไซส์ใหญ่ถึง 6 นิ้ว พร้อมแบตเตอรี่ขนาดจุใจเพื่อรองรับการใช้งานต่อเนื่องได้ตลอดวัน ทำให้ไม่ต้องคอยชาร์จบ่อยๆ นั่นเอง
ถึงแม้ว่า Galaxy C9 Pro จะมีแบตเตอรี่น้อยกว่า Galaxy A9 Pro ที่ 4000mAh แต่สำหรับสเปกด้านอื่นแล้ว ถือว่าได้รับการยกเครื่องใหม่รอบด้านเลยทีเดียว อย่างเช่น ชิปเซ็ตประมวลผลตัวใหม่ Snapdragon 653, หน่วยความจำ RAM มากขึ้นที่ 6GB, หน่วยความจำภายในอัปเกรดเป็นเท่าตัวที่ 64GB, กล้องหน้าความละเอียดมากขึ้นที่ 16 ล้านพิกเซล, เปลี่ยนพอร์ตเชื่อมต่อเป็น USB Type-C ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่กว่า รวมถึงดีไซน์ตัวเครื่องที่บางลงเหลือดเพียง 6.9 มม. เท่านั้น ทำให้การหยิบจับ หรือการพกพาทำได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
สำหรับฟีเจอร์เด่นด้านอื่นของ Galaxy C9 Pro ก็จัดมาให้ไม่เป็นรองสมาร์ทโฟนรุ่นอื่น ไม่ว่าจะเป็น เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ, รองรับใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด, รองรับการเชื่อมต่อแบบ NFC หรือการทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow และที่สำคัญ Galaxy C9 Pro ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Secure Folder เพื่อช่วยปกป้องข้อมูลผู้ใช้งาน และช่วยให้เราสามารถเล่นแอปพลิเคชันต่างๆ ได้แบบ 2 Account
โดย Samsung Galaxy C9 Pro ได้เริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว ผ่านช่องทาง Samsung Experience Store (ซัมซุงแบรนด์ช็อป) ในราคา 16,900 บาท โดยมีให้เลือกทั้งหมด 2 เฉดสีด้วยกัน ได้แก่ สีทอง Gold และสีดำ Black (สีดำจะเริ่มวางขายช่วงเดือนมิถุนายน) ซึ่งหากใครที่สนใจ ก็สามารถไปทดลองใช้งานเบื้องต้นได้ครับ
จุดเด่นของ Samsung Galaxy C9 Pro
จุดที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม
ข้อควรทราบ: “เครื่อง Samsung Galaxy C9 Pro ที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้ เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทาง ซัมซุง เท่านั้น ยังไม่ใช่เครื่องที่วางจำหน่ายจริงแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นตัวเครื่อง หรือฟังก์ชันการทำงานบางอย่างอาจจะยังไม่สมบูรณ์ 100% เหมือนกับเครื่องที่วางจำหน่ายจริง”
---------------------------------------
บทความรีวิวโดย : techmoblog.com
Update : 31/05/2017
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |