เปิดตัวและวางจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา พร้อมกับ Samsung Galaxy J4+ ที่ทีมงาน techmoblog เพิ่งทำการรีวิวไปเมื่อไม่นานมานี้ สำหรับ Samsung Galaxy J6+ เจ้าของฉายาไอดอลสมาร์ทโฟน เนื่องจากได้ BNK48 ไอดอลกรุ๊ปแห่งปีมาเป็น Brand Ambassador ให้นั่นเอง
เมื่อเปรียบเทียบสเปกระหว่าง Samsung Galaxy J4+ กับ Samsung Galaxy J6+ เรียกได้ว่า มีความคล้ายคลึงกันในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น ดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Infinity Display, หน้าจอแสดงผลขนาด 6 นิ้ว แบบ TFT ความละเอียด 1480 x 720 พิกเซล ในอัตราส่วน 18:5:9, ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 425 แบบ Quad-Core Processor ความเร็ว 1.4 GHz, หน่วยประมวลผลภาพกราฟิก Adreno 308 GPU และแบตเตอรี่ขนาด 3,300 mAh ต่างกันตรงที่ Samsung Galaxy J6+ มาพร้อมกับหน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB, หน่วยความจำ ROM ขนาด 64 GB, กล้องด้านหน้า ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และไฟแฟลชที่กล้องด้านหน้า ส่วนกล้องด้านหลัง เป็นกล้องคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 13+5 ล้านพิกเซล และรองรับการสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่ม Power ที่อยู่ขอบด้านข้างตัวเครื่องอีกด้วย
นอกจากนี้ Samsung Galaxy J6+ ยังรองรับฟีเจอร์ Multi Window และ App Pair จับคู่แอปฯ ที่ใช้งานบ่อยให้แสดงผลพร้อมกันได้ 2 หน้าจอ เช่น เปิดวิดีโอ และแชทพร้อมกัน, ฟีเจอร์ Samsung Health เก็บข้อมูลด้านสุขภาพของผู้ใช้, ระบบเสียง Surround กับเทคโนโลยีจาก Dolby Atmos เมื่อใช้งานพร้อมหูฟัง หรือเชื่อมต่อกับลำโพงแบบ Bluetooth, รองรับ Bixby Home, ฟีเจอร์ Dual Messenger สามารถเชื่อมต่อ 2 บัญชีในแอปโปรดได้พร้อมกัน รวมถึงยังปลอดภัยต่อการใช้งาน ด้วยแอปพลิเคชัน Secure Folder ปกป้องข้อมูลส่วนตัวด้วยการเข้ารหัส
มาดูกันเลยดีกว่าว่า Samsung Galaxy J6+ จะรองรับการใช้งานด้านใดบ้าง และคุ้มค่าสมราคาค่าตัวหรือไม่ กับรีวิว Samsung Galaxy J6+ โดยทีมงาน techmoblog ครับ
>> สเปก Samsung Galaxy J6+ อย่างละเอียด คลิกที่นี่
Samsung Galaxy J6+ มาพร้อมกับดีไซน์แบบ Infinity Display ด้วยหน้าจอแสดงผลขนาด 6 นิ้ว แบบ TFT ความละเอียด 1480 x 720 พิกเซล (HD+) ในอัตราส่วน 18:5:9 ส่วนขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 161.4 x 76.9 x 7.9 มิลลิเมตร, น้ำหนัก 178 กรัม
ด้านบนของหน้าจอแสดงผล ประกอบด้วย กล้องด้านหน้า ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (รูรับแสง F/1.9), Proximity Sensor, Accelerometer Sensor, ลำโพงสนทนา, เซ็นเซอร์สำหรับสแกนใบหน้า และไฟแฟลชแบบ LED ที่สามารถปรับความสว่างได้ 3 ระดับ
ด้านล่างของหน้าจอแสดงผล ประกอบด้วย ปุ่มควบคุมการทำงานแบบสัมผัส (On-Screen) ได้แก่ ปุ่ม Recent Apps, ปุ่ม Home และปุ่มย้อนกลับ
ด้านขวาของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดตัวเครื่อง หรือล็อกหน้าจอแสดงผล และลำโพงเสียง โดยปุ่ม Power รองรับการสแกนลายนิ้วมือ ส่วนด้านซ้ายของตัวเครื่อง เป็นปุ่มปรับระดับเสียง และถาดใส่ซิมการ์ด
สำหรับถาดใส่ซิมการ์ดบน Samsung Galaxy J6+ จะมีทั้งหมด 2 ช่อง รองรับการใช้งานพร้อมกันทั้ง 2 ซิมการ์ด และสามารถใส่ microSD Card ไปพร้อมกันได้ ซึ่งรองรับสูงสุด 512 GB
ด้านบนของตัวเครื่อง ไม่มีปุ่มควบคุมการทำงานใด ๆ ส่วนด้านล่างของตัวเครื่อง เป็นพอร์ต microUSB, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา และช่องหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
ด้านหลังตัวเครื่อง ประกอบด้วย กล้องคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล (F/1.9) + 5 ล้านพิกเซล (F/2.2) และไฟแฟลชแบบ LED ภายในจะมีแบตเตอรี่แบบ Li-Ion ขนาดความจุ 3,300 mAh และไม่สามารถถอดแกะฝาหลังได้
Samsung Galaxy J6+ ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 (Oreo) และอินเทอร์เฟส Samsung Experience เวอร์ชัน 9.5
สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้ตามพฤติกรรมการใช้งาน ทั้ง Wallpaper, ธีม รวมถึง Widget ที่มีให้เลือกมากมายหลายรูปแบบ
ในส่วนของฟังก์ชันการแจ้งเตือนนั้น สามารถเข้าสู่เมนูลัดสำหรับตั้งค่าการใช้งานในเบื้องต้นได้หลากหลาย ทั้ง Wi-Fi, Bluetooth, ล็อกการหมุนของหน้าจอ, ปรับความสว่างของหน้าจอ, ไฟฉาย, Airplane Mode และอื่น ๆ
รองรับฟีเจอร์ Bixby Home ผู้ช่วยอัจฉริยะเช่นเดียวกับรุ่นเรือธง ซึ่งผู้ใช้สามารถเข้าสู่หน้า Bixby Home ได้ด้วยการปัดจอจากซ้ายไปขวา ด้านในจะประกอบด้วยคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่ผู้ใช้ให้ความสนใจ รวมถึงข้อมูลและกิจกรรมต่าง ๆ ของผู้ใช้จะถูกรวมมาไว้ในหน้าเดียว
การปัดนิ้วขึ้นจากหน้า Home จะเข้าสู่ App Drawer รวมแอปพลิเคชันที่มีทั้งหมดในตัวเครื่อง เบื้องต้นนั้น มีแอปพลิเคชันพื้นฐานของทาง Samsung, Google และ Microsoft ติดตั้งมาให้เรียบร้อยแล้ว
ความพิเศษของ Samsung Galaxy J6+ เช่นเดียวกับ Samsung Galaxy J-Series รุ่นอื่น ๆ ก็คือ มีการติดตั้งแอปพลิเคชัน BNK48 มาให้ ซึ่งภายในประกอบด้วยคอนเทนต์ต่าง ๆ สำหรับชาวโอตะโดยเฉพาะ มีทั้งให้ดาวน์โหลดฟรี (วอลเปเปอร์ กับเสียงริงโทน) หรือสามารถเข้าไปที่ร้านค้าเพื่อซื้อคอนเทนต์อื่นเพิ่มเติมได้
Samsung Member เป็นแอปพลิเคชันที่ผู้ใช้สามารถรับบริการต่าง ๆ เช่น ข่าวสารล่าสุด, บริการความช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง, ทิป-เทคนิคการใช้งาน พร้อมตรวจสอบหาปัญหาและให้คำปรึกษาต่าง ๆ เพื่อให้มือถือ Samsung รุ่นที่ใช้อยู่นั้นอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด
Samsung Max เป็นแอปพลิเคชันที่มาพร้อมกับคุณสมบัติในการบีบอัดข้อมูลในการใช้งานอินเทอร์เน็ตให้มีขนาดที่เล็กลง รวมถึงจัดการแอปพลิเคชันที่มีการทำงานแบบเบื้องหลัง เพื่อทำให้ตัวเครื่องประมวลผลได้ไวขึ้น และเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย อีกทั้งจะส่งการแจ้งเตือนเมื่อพบเจอแอปฯ ที่ใช้งานข้อมูลแบบเบื้องหลังมากจนเกินไป นอกจากนี้ ยังมีความปลอดภัยสูงด้วยฟังก์ชันปกป้องความเป็นส่วนตัว ด้วยการเชื่อมต่อแบบเข้ารหัสเมื่อพบว่า ตัวเครื่องได้ถูกเชื่อมต่อกับ Wi-Fi สาธารณะ รวมถึงปิดกั้นการติดตามจากเว็บไซต์ต่าง ๆ
สำหรับการปลดล็อกตัวเครื่องนั้น Samsung Galaxy J6+ รองรับทั้งการปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Recognition) และการสแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) ซึ่งจากการทดสอบ ใช้เวลาในการปลดล็อกเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น
Smart Manager แอปพลิเคชันสำหรับดูแลและบำรุงรักษาอุปกรณ์ ซึ่งสามารถปรับการตั้งค่าได้หลายส่วนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น แบตเตอรี่, พื้นที่จัดเก็บในภายตัวเครื่อง, เคลียร์ RAM, สถานะความปลอดภัย และควบคุมปริมาณการรับส่งข้อมูลผ่านเครือข่าย
Samsung Galaxy Gift แอปพลิเคชันที่มาพร้อมกับส่วนลดและดีลพิเศษจากร้านค้าชั้นนำมากมาย ซึ่งเป็นสิทธิพิเศษสำหรับผู้ใช้ Samsung Galaxy เท่านั้น
รองรับฟีเจอร์ Multi-Window และ App Pair ด้วยการจับคู่แอปที่ใช้งานบ่อยให้แสดงผลพร้อมกันได้ 2 หน้าจอ เช่น เปิดวิดีโอ และแชทพร้อมกัน ซึ่งรองรับทั้งแนวตั้งและแนวนอน
ฟีเจอร์ Dual Messenger สามารถเชื่อมต่อ 2 บัญชีในแอปฯ เดียวกันได้พร้อมกัน เช่น Facebook, LINE เป็นต้น
รองรับฟีเจอร์ตัวกรองแสงสีฟ้า กับการจำกัดปริมาณแสงสีฟ้าบนหน้าจอด้วยการเปลี่ยนสีบนหน้าจอให้เป็นสีเหลืองนวล เพื่อลดอาการล้าที่ดวงตาเมื่อใช้เป็นเวลานาน ๆ หรือใช้ในที่แสงน้อย
มีเครื่องคิดเลข รวมถึงมีวิทยุ FM ในตัว ซึ่งได้รับการติดตั้งไว้เรียบร้อยแล้ว และพร้อมใช้งาน
ในกรณีที่คลิปวิดีโอไม่ได้อยู่ในอัตราส่วนที่ 18:9 การแสดงผลจะเป็นแบบไม่เต็มจอ ซึ่งจะเหลือขอบด้านข้างซ้ายและขวาเอาไว้ แต่ผู้ใช้สามารถขยายให้เต็มจอได้ แต่ภาพจะตัดขอบด้านบนและด้านล่างออกไปเล็กน้อย
มาทดสอบประสิทธิภาพในการเล่นเกมกันบ้าง โดย Samsung Galaxy J6+ มาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 425 แบบ Quad-Core Processor ความเร็ว 1.4 GHz, หน่วยประมวลผลภาพกราฟิก Adreno 308 GPU และหน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB ถือว่า รองรับการเล่นเกมยอดนิยมอย่างเช่น ROV รวมถึง PUBG Mobile ได้อย่างสบาย ๆ แต่ก็มีข้อจำกัดตรงที่ไม่สามารถเปิดโหมดการเล่นแบบเฟรมเรทสูงได้
สำหรับการทดสอบ Benchmark ด้วยโปรแกรม AnTuTu ทำได้ 35,691 คะแนน ส่วนการทดสอบด้วยโปรแกรม Geekbench 4 ทำได้ 633 คะแนน และ 1,734 คะแนน สำหรับการทดสอบแบบ Single-Core และ Multi-Core ตามลำดับ
Samsung Galaxy J6+ มาพร้อมกับกล้องด้านหน้า ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, รูรับแสง F/1.9 และไฟแฟลชแบบ LED ที่สามารถปรับความสว่างได้ 3 ระดับ โดยโหมดเซลฟี่ สามารถปรับความเนียนของผิว, ใบหน้า และดวงตา ได้สูงสุด 8 ระดับ
รองรับโหมด Selfie Focus หรือการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ สามารถปรับความเนียนของผิวได้ 8 ระดับเช่นกัน
เพิ่มลูกเล่นให้กับภาพถ่ายด้วยโหมด AR Sticker ที่มีให้เลือกหลายแบบ
สำหรับกล้องด้านหลังของ Samsung Galaxy J6+ เป็นกล้องคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล (F/1.9) + 5 ล้านพิกเซล (F/2.2), รองรับไฟแฟลช LED และระบบโฟกัสภาพแบบ Auto Focus โดยมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกมากมาย อีกทั้งยังสามารถใส่ฟิลเตอร์ให้กับภาพถ่ายได้ ซึ่งความพิเศษของ Samsung Galaxy J6+ ก็คือ ปุ่มชัตเตอร์สามารถย้ายตำแหน่งได้ โดยผู้ใช้สามารถกดถ่ายภาพจากส่วนไหนของหน้าจอก็ได้ ทำให้การกดชัตเตอร์ถ่ายภาพนั้นสะดวกมากขึ้นกว่าเดิม
นอกจากนี้ ยังรองรับโหมด Live Focus หรือการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ ซึ่งสามารถปรับความเบลอของฉากหลังได้ รวมถึงยังรองรับ Art Bokeh ที่สามารถปรับรูปร่างของ Bokeh ให้เป็นรูปทรงต่าง ๆ เช่น รูปหัวใจ, รูปดาว หรือรูปดอกไม้ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าการใช้งานกล้องถ่ายรูปได้ตามรูปแบบการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น ความละเอียดของภาพถ่าย (ทั้งกล้องด้านหน้าและกล้องด้านหลัง), ขนาดวิดีโอ (ทั้งกล้องด้านหน้าและกล้องด้านหลัง), ตัวจับเวลา, จุดตัดเก้าช่อง, แท็กสถานที่ และอื่น ๆ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า โหมด Selfie (ปรับความเนียนของผิวที่ระดับ 4)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า โหมด Selfie (ปรับความเนียนของผิวที่ระดับ 8)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า โหมด Selfie Focus (ปรับความเนียนของผิวที่ระดับ 4)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า โหมด AR Sticker
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องคู่ด้านหลัง โหมดปกติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องคู่ด้านหลัง โหมดปกติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องคู่ด้านหลัง โหมดปกติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องคู่ด้านหลัง โหมดปกติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องคู่ด้านหลัง โหมดปกติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องคู่ด้านหลัง โหมดปกติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องคู่ด้านหลัง โหมดปกติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องคู่ด้านหลัง โหมด Live Focus
สำหรับ Samsung Galaxy J6+ นั้น ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่มีจุดขายด้านความคุ้มค่าเป็นหลัก เนื่องจากมีราคาค่าตัวที่ไม่สูงมากนัก แต่ตอบโจทย์การใช้งานโดยทั่วไปได้เป็นอย่างดี ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง Samsung Galaxy J6 ที่วางจำหน่ายเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา โดยรวมแล้วถือว่ามีการอัปเกรดให้ดีขึ้นในหลาย ๆ ด้าน เริ่มกันตั้งแต่ดีไซน์ตัวเครื่อง แม้ว่าจะยังคงเป็นดีไซน์แบบ Infinity Display เหมือนกัน แต่ Samsung Galaxy J6+ ขยับหน้าจอให้มีขนาดใหญ่ขึ้นตามสมัยนิยม โดยมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลกว้าง 6.0 นิ้ว แบบ TFT ความละเอียด 1480 x 720 พิกเซล ในอัตราส่วน 18:5:9 ส่วนฝาหลังเป็นกระจกที่มีความเงา แทนผิวสัมผัสแบบด้านของรุ่นก่อนหน้า ทำให้ Samsung Galaxy J6+ รุ่นนี้ มีดีไซน์ที่หรูหรากว่าเดิมเท่าตัว พร้อมกับย้ายตำแหน่งของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไปไว้ที่ปุ่ม Power ทำให้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น แถมด้วยความปลอดภัยอีกชั้น กับระบบการปลดล็อกด้วยการสแกนใบหน้า (Face Recognition)
ด้านกล้องถ่ายรูป ถือว่าเป็นจุดขายของรุ่นนี้อีกเช่นกัน โดยกล้องด้านหน้า ความละเอียดอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล, รูรับแสง F/1.9 และไฟแฟลชแบบ LED ที่สามารถปรับความสว่างได้ 3 ระดับ ทำให้ถ่ายภาพเซลฟี่ในที่แสงน้อยได้สะดวกมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังรองรับโหมดการถ่ายภาพแบบ Selfie Focus หรือการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ และโหมด Selfie ที่สามารถปรับความเรียบเนียนของผิว, ปรับหน้าเรียว และดวงตาได้สูงสุดที่ 8 ระดับ
ส่วนกล้องด้านหลัง เป็นกล้องคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล (F/1.9) + 5 ล้านพิกเซล (F/2.2) พร้อมไฟแฟลชแบบ LED นอกจากนี้ ยังรองรับโหมด Live Focus หรือการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ ซึ่งสามารถปรับความเบลอของฉากหลังได้ รวมถึงยังรองรับ Art Bokeh ที่สามารถปรับรูปร่างของ Bokeh ให้เป็นรูปทรงต่าง ๆ เช่น รูปหัวใจ, รูปดาว หรือรูปดอกไม้ เป็นต้น และความพิเศษของ Samsung Galaxy J6+ ก็คือ ปุ่มชัตเตอร์สามารถย้ายตำแหน่งได้ โดยผู้ใช้สามารถกดถ่ายภาพจากส่วนไหนของหน้าจอก็ได้ ทำให้การกดชัตเตอร์ถ่ายภาพนั้นสะดวกมากขึ้นกว่าเดิม
สำหรับการประมวลผลนั้น มาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 425 แบบ Quad-Core Processor ความเร็ว 1.4 GHz, หน่วยประมวลผลภาพกราฟิก Adreno 308 GPU, หน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB และหน่วยความจำ ROM ขนาด 64 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 512 GB ซึ่งจากการทดสอบเล่นเกมพบว่า สามารถเล่นเกมยอดนิยมอย่าง ROV รวมถึง PUBG Mobile ได้อย่างสบาย ๆ แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่ที่ไม่สามารถเปิดโหมดการเล่นแบบเฟรมเรทสูงได้ ในขณะที่การใช้งานทั่วไปสามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหล
นอกเหนือจากคุณสมบัติข้างต้นแล้ว Samsung Galaxy J6+ ยังรองรับคุณสมบัติอื่น ๆ ที่ช่วยทำให้การใช้งานสะดวกสบายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ Dual Messenger สามารถเชื่อมต่อ 2 แอคเคาท์ ในแอปฯ โปรดได้พร้อมกัน, ฟีเจอร์ App Pair และ Multi-Window จับคู่แอปฯ ที่ใช้งานบ่อยให้แสดงผลพร้อมกันได้ 2 หน้าจอ, แอปพลิเคชัน Secure Folder ปกป้องข้อมูลส่วนตัวด้วยการเข้ารหัส รวมถึงรองรับ Bixby Home และที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือ เอาใจชาวโอตะกับแอปพลิเคชัน BNK48 ที่ถูกติดตั้งมาให้แล้วในตัวเครื่องอีกด้วย
สำหรับราคาของ Samsung Galaxy J6+ นั้น อยู่ที่ 6,990 บาท (RAM 4 GB + ROM 64 GB) ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถทดลองใช้งานกันได้ที่ Samsung Brand Shop หรือร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศแล้ววันนี้
จุดเด่นของ Samsung Galaxy J6+
จุดที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม
ข้อควรทราบ : เครื่อง Samsung Galaxy J6+ ในบทความรีวิวนี้ เป็นเพียงเครื่องทดสอบเท่านั้น คุณสมบัติบางอย่างอาจยังไม่สมบูรณ์ 100% และอาจไม่ตรงกับตัวเครื่องที่วางจำหน่ายจริง
------------------------------------
บทความรีวิวโดย : techmoblog.com
Update : 27/11/2018
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |