อยากได้มือถือกล้องคู่ แต่งบไม่ถึง Samsung Galaxy Note 8 มีรุ่นใดทดแทนกันได้บ้าง ? เชื่อได้เลยว่า หลาย ๆ ท่านคงจะได้เห็นดีไซน์และคุณสมบัติต่าง ๆ บน Samsung Galaxy Note 8 มือถือเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Samsung กันไปแล้ว แต่ด้วยราคาค่าตัวถึง 33,900 บาท ทำให้ต้องถอยกลับมาตั้งหลักกันก่อนเนื่องจากราคาค่อนข้างสูง ซึ่งล่าสุด ทาง Samsung ได้เปิดตัว Samsung Galaxy J7+ ซึ่งเป็นรุ่นที่ตอบโจทย์ผู้ที่มองหา มือถือกล้องคู่ แต่มีงบประมาณที่จำกัด
โดย Samsung Galaxy J7+ นั้น เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางแต่ตอบโจทย์ด้านการใช้งานอย่างครบครัน ซึ่งจุดเด่นของรุ่นนี้ก็คือ มาพร้อมกับกล้องคู่ด้านหลัง แบบเดียวกับ Samsung Galaxy Note 8 อีกทั้งยังมีลูกเล่นด้านการถ่ายภาพเทียบเท่า Note 8 แต่มีราคาค่าตัวอยู่ที่หมื่นต้น ๆ เท่านั้น โดยมาพร้อมกับ หน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล, ชิปเซ็ต Mediatek MT6757 Helio P20 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.39 GHz, หน่วยประมวลผลภาพ Mali-T880 GPU, หน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB, หน่วยความจำภายในตัวเครื่องขนาด 32 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 256 GB, กล้องด้านหน้า ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง F/1.9 และฟีเจอร์ Selfie Focus, กล้องคู่ด้านหลัง ความละเอียด 13+5 ล้านพิกเซล พร้อมฟีเจอร์ Live Focus สำหรับถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ, รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด, รองรับระบบการสแกนใบหน้าและสแกนลายนิ้วมือ, แบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh และทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 7.1.1 (Nougat)
มาดูกันดีกว่าว่า Samsung Galaxy J7+ จะใช้งานได้อย่างน่าประทับใจแค่ไหน พิสูจน์ไปพร้อม ๆ กันกับ รีวิว Samsung Galaxy J7+ โดยทีมงาน techmoblog ครับ
>> สเปก Samsung Galaxy J7+ อย่างละเอียด คลิกที่นี่
Samsung Galaxy J7+ มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาด 5.5 นิ้วแบบ Super AMOLED ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยมีดีไซน์คล้ายกับ Galaxy J-Series รุ่นอื่น ๆ แตกต่างกันตรงที่รุ่นนี้มาพร้อมกล้องคู่นั่นเอง
ด้านบนของหน้าจอแสดงผล ประกอบด้วย กล้องด้านหน้า ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้าง F/1.9, ลำโพงสำหรับสนทนา, เซ็นเซอร์ และไฟแฟลชแบบ LED ที่กล้องด้านหน้า ซึ่งกล้องด้านหน้าบน Samsung Galaxy J7+ นั้น มาพร้อมกับฟีเจอร์ Selfie Focus อีกด้วย แม้ว่าจะไม่ใช่กล้องคู่ แต่สามารถถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอได้เช่นกัน
ส่วนด้านล่างของหน้าจอแสดงผล ประกอบด้วย ปุ่ม Recent Apps, ปุ่ม Home ซึ่งรองรับการสแกนลายนิ้วมือ และปุ่มย้อนกลับ
ด้านขวาของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ลำโพงเสียง และปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดตัวเครื่อง หรือล็อกหน้าจอแสดงผล ส่วนด้านซ้ายของตัวเครื่อง เป็นปุ่มปรับระดับเสียง และถาดสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ Hybrid Slot โดยรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แต่ไม่สามารถใช้งานซิมการ์ดที่ 2 พร้อมกับหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card ได้ ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ด้านบนของตัวเครื่อง เป็นไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวนรอบข้าง ส่วนด้านล่างของตัวเครื่อง เป็นพอร์ตหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร และพอร์ต microUSB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่
จุดเด่นของ Samsung Galaxy J7+ รุ่นนี้ก็คือ กล้องคู่ด้านหลัง (Dual-Camera) ซึ่งกล้องตัวแรก ความละเอียดอยู่ที่ 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/1.7 ส่วนกล้องตัวที่สอง ความละเอียดอยู่ที่ 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/1.9 พร้อมโหมด Live Focus ที่สามารถถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอได้แบบเดียวกับ Samsung Galaxy Note 8 ส่วนไฟแฟลชเป็นแบบ LED
Samsung Galaxy J7+ ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 7.1.1 (Nougat) และอินเทอร์เฟส Samsung Experience เวอร์ชัน 8.5 สามารถเลือกธีม, ภาพพื้นหลัง และ Widget ต่าง ๆ ได้ตามการใช้งาน
ถ้าหากปัดหน้าจอขึ้น จะเป็นการเปิดใช้งาน App Drawer รวมแอปพลิเคชันทั้งหมดที่มีอยู่ในตัวเครื่อง หลัก ๆ ก็คือ มาพร้อมกับแอปพลิเคชันพื้นฐานอยู่แล้ว เช่น นาฬิกา, ปฏิทิน, เครื่องคิดเลข, วิทยุ และอื่น ๆ
สำหรับแอปพลิเคชันจาก Samsung ประกอบด้วย เครื่องบันทึกเสียง, อีเมล, ไฟล์ส่วนตัว, เบราว์เซอร์ และ Samsung Health ส่วนแอปพลิเคชันจาก Google ได้แก่ Chrome, Gmail, แผนที่ และอื่น ๆ
นอกจากนี้ ยังมีแอปพลิเคชันจาก Microsoft ให้ใช้งานด้วยเช่นกัน ได้แก่ Word, Excel, PowerPoint, OneDrive และ Skype ไม่ต้องดาวน์โหลดเพิ่่มเติม
Samsung Galaxy J7+ รองรับฟังก์ชัน Always On Display แสดงการแจ้งเตือนต่าง ๆ รวมไปถึงเวลาและวันที่แม้ว่าหน้าจอจะดับอยู่ โดยไม่จำเป็นต้องปลุกตัวเครื่อง อีกทั้งฟังก์ชันดังกล่าว ไม่สิ้นเปลืองพลังงานแบตเตอรี่อีกด้วย
Samsung Galaxy J7+ รองรับการสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่ม Home อีกทั้งยังมีระบบตรวจจับใบหน้าสำหรับการปลดล็อกตัวเครื่อง โดยผู้ใช้จำเป็นต้องตั้งค่าลายนิ้วมือกับใบหน้าเสียก่อน
ระบบ Dual Messenger รองรับการติดตั้งแอปพลิเคชัน 2 แอปฯ พร้อมกันได้โดยไม่ต้องผ่าน Secure Folder ไม่ว่าจะเป็น Facebook, LINE, Instagram, WhatsApp หรือ Messenger ซึ่งแอปพลิเคชันที่ 2 จะมีไอคอนสีแดงปรากฏอยู่ (ดังภาพ)
การปัดจากซ้ายไปขวา จะเป็นการเปิดใช้งาน Bixby ซึ่งเป็นฟีเจอร์เดียวกับรุ่นเรือธงอย่าง Samsung Galaxy S8 และ Samsung Galaxy Note 8 เบื้องต้นนั้น สามารถตั้งค่าให้แสดงสภาพอากาศ, การแจ้งเตือน, ฟีตข่าว และอื่น ๆ ได้ ส่วนระบบการสั่งการด้วยเสียง จะมีอัปเดตเพิ่มในภายหลัง
นอกเหนือจากการตั้งค่าใช้งานแบบทั่วไปแล้ว Samsung Galaxy J7+ ยังสามารถตั้งค่าคุณภาพเสียงและเอฟเฟกต์เสียง พร้อมฟีเจอร์แยกเสียงของแอปพลิเคชัน ด้วยการแยกเสียงจากแอปฯ ที่ใช้งานอยู่ให้ไปปรากฎบนอุปกรณ์อื่น ยกตัวอย่างเช่น การเล่นเกมพร้อมกับฟังเพลงในเวลาเดียวกัน สามารถให้เสียงจากเกมออกที่ตัวสมาร์ทโฟน ส่วนเสียงจากแอปฯ ฟังเพลงให้ไปออกที่ลำโพง Bluetooth เป็นต้น เพื่อให้เสียงไม่ตีกันนั่นเอง
ทดสอบการเล่นเกมบน Samsung Galaxy J7+ กันบ้าง โดยรุ่นนี้มาพร้อมกับชิปเซ็ต Mediatek MT6757 Helio P20 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.39 GHz, หน่วยประมวลผลภาพ Mali-T880 GPU และหน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB รองรับการเล่นเกมสุดฮิตอย่าง ROV ได้สบาย ๆ อีกทั้งตัวเครื่องยังมาพร้อมกับระบบ Game Launcher ที่ออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ ซึ่งสามารถบันทึกภาพหน้าจอเป็นวีดีโอในขณะที่เล่นเกมได้อีกด้วย
มาทดสอบ Benchmark กันบ้าง โดยผลการทดสอบด้วยโปรแกรม Quadrant ทำได้ 19,223 คะแนน ส่วนการทดสอบด้วยโปรแกรม AnTuTu ทำได้ 55,558 คะแนน
ถ้าการจับสัญญาณ GPS ถือว่า ทำได้ค่อนข้างไวและจับได้หลายจุด ส่วนระบบมัลติทัช รองรับที่ 5 จุด
อย่างที่กล่าวไว้ในตอนต้นว่า จุดขายของ Samsung Galaxy J7+ รุ่นนี้ก็คือ กล้องถ่ายรูปทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งกล้องด้านหน้านั้น ความละเอียดอยู่ที่ 16 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้าง F/1.9, โหมด Beauty สามารถปรับความเนียนของสีผิว, หน้าเรียว และตาโต ได้สูงสุด 8 ระดับ และฟีเจอร์ Selfie Focus สำหรับถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ
นอกจากนี้ ยังสามารถเพิ่มลูกเล่นให้กับภาพถ่ายด้วยการใส่เอฟเฟกต์ ซึ่งมีให้เลือกหลายแบบด้วยกัน
(ซ้าย) ไม่ใช้โหมด Selfie Focus (ขวา) เปิดใช้งานโหมด Selfie Focus
นอกจากนี้ กล้องด้านหน้าบน Samsung Galaxy J7+ ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Selfie Focus สามารถถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอได้ แม้ว่ากล้องด้านหน้าจะไม่ใช่กล้องเลนส์คู่ก็ตาม ซึ่งจากภาพข้างต้นจะเห็นว่า ภาพขวามือ ฉากหลังเบลอกว่าภาพที่ไม่ได้เปิดใช้งาน Selfie Focus (ซ้าย)
สำหรับกล้องด้านหลังนั้น เป็นกล้องคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 13+5 ล้านพิกเซล พร้อมโหมดถ่ายภาพให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น อัตโนมัติ, โปร, พาโนรามา, HDR, กลางคืน, อาหาร และสามารถดาวน์โหลดโหมดถ่ายภาพอื่น ๆ เพิ่มเติมได้
Live Focus โหมดการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ ซึ่งรูปที่ถ่ายด้วยโหมดนี้ สามารถปรับความเบลอของฉากหลังได้ในภายหลังเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังสามารถใส่เอฟเฟกต์ให้กับภาพถ่ายแบบเดียวกับกล้องด้านหน้า และสามารถถ่ายภาพแบบซูมได้
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องด้านหน้า โหมด Beauty
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องด้านหน้า โหมด Selfie Focus (หน้าชัดหลังเบลอ)
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องด้านหน้าแบบใส่เอฟเฟกต์
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องด้านหลัง (Dual-Camera) โหมด Live Focus พร้อมปรับความเบลอของฉากหลังในระดับที่ต่างกัน
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องด้านหลัง (Dual-Camera) โหมดอัตโนมัติ (ซ้าย) เปรียบเทียบกับโหมดอาหาร (ขวา)
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องด้านหลัง (Dual-Camera) โหมดอัตโนมัติ (ซ้าย) เปรียบเทียบกับโหมดอาหาร (ขวา)
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องด้านหลัง (Dual-Camera) โหมดอัตโนมัติ
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องด้านหลัง (Dual-Camera) โหมดอัตโนมัติ
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องด้านหลัง (Dual-Camera) โหมดกลางคืน
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องด้านหลัง (Dual-Camera) โหมดกลางคืน
ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน สมาร์ทโฟนระดับกลาง จะมีให้เลือกมากมายหลายรุ่น แต่จุดเด่นที่ทำให้ Samsung Galaxy J7+ รุ่นนี้ เหนือกว่ารุ่นอื่น ๆ ที่มีระดับราคาใกล้เคียงกัน นั่นก็คือ กล้องคู่ (Dual-Camera) ที่หาได้ยากในกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับกลาง ด้วยราคาค่าตัวหมื่นต้น ๆ แต่มาพร้อมกับกล้องคู่ (Dual-Camera) ที่มีฟีเจอร์เทียบเท่ารุ่นเรือธงอย่าง Samsung Galaxy S8 และ Samsung Galaxy Note 8 เลยก็ว่าได้ ซึ่งกล้องด้านหน้านั้น ตอบโจทย์ด้านการถ่ายภาพแบบเซลฟี่โดยเฉพาะ ด้วยความละเอียดสูงถึง 16 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้างสูงสุด F/1.9 และไฟแฟลชแบบ LED อีกทั้งยังมาพร้อมกับโหมด Beauty ปรับแต่งใบหน้าให้เรียบเนียนได้ถึง 8 ระดับ นอกจากนี้ ยังรองรับฟีเจอร์ Selfie Focus หรือการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ ถึงแม้ว่ากล้องด้านหน้าจะไม่ใช่กล้องคู่ก็ตาม
ส่วนกล้องด้านหลังนั้น เป็นกล้องคู่ (Dual-Camera) ที่ประกอบด้วยเลนส์กล้อง 2 ตัว โดยกล้องตัวแรก ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง F/1.7 ส่วนกล้องตัวที่สอง ความละเอียดอยู่ที่ 5 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง F/1.9 และโหมดการถ่ายภาพให้เลือกมากมาย รวมไปถึงฟีเจอร์ Live Focus แบบเดียวกับกล้องด้านหน้า พร้อมลูกเล่นด้านการถ่ายภาพให้ใช้งานกันแบบจุใจ
ด้านคุณสมบัติอื่น ๆ บน Samsung Galaxy J7+ ก็ได้แก่ หน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล, ชิปเซ็ต Mediatek MT6757 Helio P20 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.39 GHz, หน่วยประมวลผลภาพ Mali-T880 GPU, หน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB, หน่วยความจำภายในตัวเครื่องขนาด 32 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 256 GB, รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด, รองรับระบบการสแกนใบหน้าและสแกนลายนิ้วมือ, แบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh และทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 7.1.1 (Nougat) น่าเสียดายที่ Samsung Galaxy J7+ ไม่รองรับการใช้งาน Samsung Pay แต่ยังคงรองรับบริการเสริมอย่าง Galaxy Gift
สำหรับราคาของ Samsung Galaxy J7+ อยู่ที่ 12,900 บาท มีให้เลือกทั้งหมด 3 สีด้วยกัน ได้แก่ สีดำ, สีทอง และสีชมพู ซึ่งก่อนหน้านั้น ทาง Samsung ได้เปิดพรีออเดอร์ Samsung Galaxy J7+ รอบแรกไปแล้ว (สิ้นสุด 17 กันยายน 2560) และจะเปิดพรีออเดอร์รอบสอง ในวันที่ 22 กันยายน - 22 ตุลาคม 2560 นี้ ผ่านทางเว็บไซต์ samsung.com
จุดเด่นของ Samsung Galaxy J7+
จุดที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม
ข้อควรทราบ: “เครื่อง Samsung Galaxy J7+ ที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้ เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทาง ซัมซุง เท่านั้น ยังไม่ใช่เครื่องที่วางจำหน่ายจริงแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นตัวเครื่อง หรือฟังก์ชันการทำงานบางอย่างอาจจะยังไม่สมบูรณ์ 100% เหมือนกับเครื่องที่วางจำหน่ายจริง”
---------------------------------------
บทความรีวิวโดย : techmoblog.com
Update : 20/09/2017
Samsung Galaxy J7+ รีวิว Samsung Galaxy J7+ ราคา Samsung Galaxy J7+
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |