หลังจากการเปิดตัวของ Samsung Galaxy S20 Series สมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทาง Samsung ก็ได้เปิดตัว Samsung Galaxy M Series ลุยตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลาง ซึ่งชูจุดเด่นในเรื่องของสเปกคุ้มค่า อีกทั้งยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่แบบจัดเต็มถึง 6,000 mAh แต่เคาะราคาหลักพันเท่านั้น ซึ่งรุ่นที่ทีมงาน techmoblog.com จะมารีวิวในวันนี้ก็คือ Samsung Galaxy M31
โดย Samsung Galaxy M31 นั้น เป็นรุ่นอัปเกรดของ Samsung Galaxy M30s ที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.4 นิ้ว แบบ Infinity-U Display หรือดีไซน์หน้าจอรูปทรงหยดน้ำ และมีให้เลือกถึง 3 สีสัน ได้แก่ สีดำ, สีแดง และสีน้ำเงิน เรียกได้ว่า น่าจะเป็นสไตล์ที่ผู้ใช้มือถือ Samsung ต่างคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
สำหรับจุดขายของ Samsung Galaxy M31 รุ่นนี้ก็คือ แบตเตอรี่ ที่มาพร้อมกับขนาดความจุมากถึง 6,000 mAh ที่ทาง Samsung เคลมว่า รองรับการใช้งานได้ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องกลัวแบตเตอรี่จะหมด อีกทั้งยังรองรับระบบชาร์จเร็วขนาด 15W ทำให้ใช้เวลาในการชาร์จจนเต็มไม่นานจนเกินไปนัก
แม้ว่า Samsung Galaxy M31 จะอยู่ในกลุ่มของสมาร์ทโฟนระดับกลาง แต่ในเรื่องของกล้องถ่ายรูปนั้นมาแบบจัดหนักจัดเต็มเลยก็ว่าได้ ซึ่งกล้องด้านหลังมีทั้งหมด 4 ตัว (Quad Camera) ประกอบด้วย เลนส์หลัก ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล, เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, เลนส์ Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และเลนส์ Depth ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล เรียกได้ว่า มีเกือบจะครบทุกระยะในรุ่นเดียว ขาดแค่เลนส์ Telephoto เท่านั้น ส่วนกล้องด้านหน้า ความละเอียดสูงถึง 32 ล้านพิกเซล พร้อมโหมด Slow Motion, รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงถึง 4K และรองรับฟีเจอร์ AR Doodle กับ AR Emoji อีกด้วย
ด้านการประมวลผล มาพร้อมกับชิปเซ็ต Exynos 9611 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.3 GHz, หน่วยความจำ RAM ขนาด 6 GB และหน่วยความจำ ROM ขนาด 128 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 512 GB อีกทั้งยังรองรับการสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง, รองรับระบบการสแกนใบหน้า (Face Recognition) และรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด
มาดูกันดีกว่าว่า มือถือน้องใหม่รุ่นนี้ จะใช้งานได้คุ้มค่าคุ้มราคาแค่ไหน มาพิสูจน์ไปพร้อม ๆ กันกับ รีวิว Samsung Galaxy M31 โดยทีมงาน techmoblog.com
>> สเปก Samsung Galaxy M31 อย่างละเอียด คลิกที่นี่
Samsung Galaxy M31 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาด 6.4 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล บนดีไซน์ Infinity-U Display และกระจกขอบโค้งแบบ 2.5D Gorilla Glass 3 ส่วนขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 159.2 x 75.1 x 8.9 มิลลิเมตร และหนัก 191 กรัม
ด้านบนของหน้าจอแสดงผล เป็นกล้องด้านหน้า ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล (F/2.2) ซึ่งเหนือบริเวณกล้องด้านหน้า จะเป็นลำโพงเสียงสำหรับสนทนา, Proximity Sensor สำหรับปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน และ Light Sensor สำหรับปรับความสว่างของหน้าจอให้เหมาะสมกับสภาพแสงในขณะที่กำลังใช้งาน
ส่วนด้านล่างของหน้าจอแสดงผล เป็นปุ่มควบคุมการทำงานแบบ On-Screen ประกอบด้วย ปุ่ม Recent Apps, ปุ่ม Home และปุ่มย้อนกลับ ซึ่งจะเหลือขอบจอด้านล่างเล็กน้อย
ด้านขวาของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ปุ่ม Power และปุ่มปรับระดับเสียง
ด้านซ้ายของตัวเครื่อง เป็นช่องใส่ซิมการ์ด ซึ่ง Samsung Galaxy M31 รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดแบบ nanoSIM โดยเป็นถาดซิมการ์ดแบบ Triple Slot ที่สามารถใส่ซิมการ์ดที่ 1, ซิมการ์ดที่ 2 และ microSD Card ได้พร้อมกัน รองรับสูงสุดที่ 512 GB
ด้านบนตัวเครื่อง เป็นไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวนรอบข้าง
ด้านล่างของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ลำโพงเสียง, ไมโครโฟนตัวหลักสำหรับสนทนา, พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB-C และช่องหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
สำหรับ Samsung Galaxy M31 ที่นำมารีวิวในวันนี้ เป็นตัวเครื่องสีน้ำเงิน ซึ่งบอดี้ด้านหลังตัวเครื่อง เป็นพลาสติกผิวสัมผัสมันวาวคุณภาพดี ตรงกลางเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ส่วนกล้องด้านหลัง มีทั้งหมด 4 ตัว ประกอบด้วย
Samsung Galaxy M31 ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 10 และอินเทอร์เฟส One UI เวอร์ชัน 2.0 ซึ่งรุ่นนี้รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดแบบ nanoSIM และรองรับเครือข่าย 4G LTE ทั้ง 2 ซิมการ์ด
สำหรับฟังก์ชันการแจ้งเตือน สามารถเข้าสู่เมนูลัดสำหรับตั้งค่าการใช้งานในเบื้องต้นได้ ทั้ง Wi-Fi, Bluetooth, ล็อกการหมุนของหน้าจอ, ปรับความสว่างของหน้าจอ, ไฟฉาย, Airplane Mode และการตั้งค่าอื่น ๆ รวมถึงปิดเครื่อง หรือรีสตาร์ทเครื่อง นอกจากนี้ ยังสามารถจัดเรียงปุ่มต่าง ๆ ได้ตามการใช้งาน
สามารถเลือกเปลี่ยนวอลเปเปอร์, ธีมส่วนตัว, ไอคอนส่วนตัว รวมถึง Widget ต่าง ๆ ได้ตามสไตล์การใช้งาน
การปัดขึ้นจากหน้า Home จะเข้าสู่ App Drawer รวมแอปพลิเคชันที่มีทั้งหมดในตัวเครื่อง เบื้องต้นนั้นมีแอปพลิเคชันพื้นฐานของทาง Samsung, Google และ Microsoft ติดตั้งมาให้เรียบร้อยแล้ว
สำหรับจอภาพนั้น สามารถตั้งค่าได้ทั้งแบบโหมดสว่าง และโหมดมืด ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนธีมให้เป็นสีทึบ สำหรับการใช้งานในที่แสงน้อยให้สบายตามากขึ้น นอกจากนี้ ยังรองรับฟีเจอร์ฟิลเตอร์แสงสีฟ้า กับการจำกัดปริมาณแสงสีฟ้าบนหน้าจอด้วยการเปลี่ยนสีบนหน้าจอให้เป็นสีเหลืองนวล เพื่อลดอาการล้าที่ดวงตาเมื่อใช้เป็นเวลานาน ๆ หรือใช้ในที่แสงน้อย
ส่วนโหมดหน้าจอ สามารถเลือกได้ 2 แบบคือ สดใส กับ ธรรมชาติ และสามารถปรับค่าสมดุลสีขาวได้
สามารถตั้งค่าการแสดงผลของไอคอนแอปฯ ทั้งในหน้าจอหลัก และหน้าจอแอปฯ ได้ 4 รูปแบบ ซึ่งได้แก่ 4x5, 4x6, 5x5 และ 5x6
รองรับฟีเจอร์ Always On Display กับการแสดงวันที่, เวลา รวมถึงข้อความแจ้งเตือนต่าง ๆ บนหน้า Lock Screen ในขณะที่หน้าจอยังดับอยู่ ซึ่งสามารถปรับรูปแบบของการแสดงเวลา และสีสันได้
ในด้านความปลอดภัยและการปลดล็อกตัวเครื่องนั้น รองรับทั้งการสแกนใบหน้า (Face Recognition) และการสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง
ปุ่มด้านข้างตัวเครื่อง สามารถเลือกเพื่อตั้งค่าการใช้งานได้ เช่น กด 2 ครั้งเพื่อเปิดกล้อง หรือเปิดแอปฯ ที่ใช้งานบ่อย เป็นต้น
รองรับฟีเจอร์ มุมมองป๊อปอัพอัจฉริยะ (Smart Pop-up View) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่มีไว้เพื่อย่อแอปพลิเคชันให้มีขนาดที่เล็กลง และสามารถย้ายตำแหน่งได้อย่างอิสระ เพื่อให้สามารถใช้งานแอปฯ อื่นได้พร้อมกัน
รองรับโหมดมือเดียว ด้วยการปรับขนาดการแสดงผลลงชั่วคราวเพื่อควบคุมด้วยมือเดียวได้ง่ายขึ้น รวมถึงรองรับการสั่งการด้วยการเคลื่อนไหวและท่าทาง เช่น ยกขึ้นเพื่อปลุก, แตะสองครั้งเพื่อปลุก และอื่น ๆ
รองรับฟีเจอร์ Dual Messenger สามารถเชื่อมต่อ 2 บัญชีในแอปฯ เดียวกันได้พร้อมกัน เช่น Facebook, LINE เป็นต้น
Digital Wellbeing เป็นโหมดสำหรับติดตามเวลาในการใช้งานแต่ละแอปพลิเคชัน ที่ผู้ใช้สามารถตั้งค่าขีดจำกัดรายวันในการใช้งานแอปฯ แต่ละแอปฯ ได้ นอกจากนี้ ผู้ปกครองยังสามารถเพิ่มการจำกัดคอนเทนต์และตั้งค่าการจำกัดการใช้งานของบุตรหลานให้ใช้งานในแต่ละวันได้ด้วยเช่นกัน
Smart Manager แอปพลิเคชันสำหรับดูแลและบำรุงรักษาอุปกรณ์ ซึ่งสามารถปรับการตั้งค่าได้หลายส่วนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น แบตเตอรี่, พื้นที่จัดเก็บในภายตัวเครื่อง, เคลียร์ RAM, สถานะความปลอดภัย และควบคุมปริมาณการรับส่งข้อมูลผ่านเครือข่าย
ในกรณีที่คลิปวิดีโอไม่ได้อยู่ในอัตราส่วนที่ 19.5:9 การแสดงผลจะเป็นแบบไม่เต็มจอ ซึ่งจะเหลือขอบด้านข้างซ้ายและขวาเอาไว้ แต่ผู้ใช้สามารถขยายให้เต็มจอได้ แต่ภาพจะตัดขอบด้านบนและด้านล่างออกไปเล็กน้อย
รองรับฟีเจอร์ Game Booster สำหรับเกมเมอร์ ซึ่งระบบจะทำการเรียนรู้รูปแบบการใช้งานของผู้ใช้เพื่อปรับการใช้งานให้เหมาะสม นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถบล็อกการแจ้งเตือนต่าง ๆ รวมถึงสายเรียกเข้าไม่ให้รบกวนในระหว่างเล่นเกมได้ อีกทั้งยังมีโหมดล็อกหน้าจอและสามารถกลับเข้ามาเล่นเกมเดิมได้ทันที โดยที่ไม่ต้องเข้าแอปฯ เกมนั้นใหม่
มาทดสอบประสิทธิภาพด้านการเล่นเกมกันบ้าง ซึ่ง Samsung Galaxy M31 มาพร้อมกับชิปเซ็ต Exynos 9611 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.3 GHz, ชิปกราฟิก Mali-G72 MP3 GPU และหน่วยความจำ RAM ขนาด 6 GB ซึ่งจากการทดสอบพบว่า ตอบสนองต่อการเล่นเกมได้ดี แต่เนื่องจากเป็นมือถือระดับกลาง ก็จะมีกระดุกบ้าง โหลดช้าบ้าง
ทดสอบ Benchmark ด้วยโปรแกรม Geekbench 5 ทำได้ 268 คะแนน (Single-Core) และ 1,221 คะแนน (Multi-Core) ส่วนการทดสอบด้วยโปรแกรม AnTuTu ทำได้ 181,430 คะแนน
ทดสอบด้วยโปรแกรม 3D Mark กับการทดสอบแบบ Sling Shot Extreme - OpenGL ES 3.1 ได้คะแนนการทดสอบที่ 1,550 คะแนน และการทดสอบแบบ Sling Shot Extreme - Vulkan ได้คะแนนการทดสอบที่ 1,128 คะแนน
ส่วนเซ็นเซอร์ที่รองรับบน Samsung Galaxy M31 ก็ได้แก่ Accelerometer Sensor, Light Sensor, Orientation Sensor, Proximity Sensor, Gyroscope Sensor, Sound Sensor, Magnetic Sensor
Samsung Galaxy M31 มาพร้อมกับกล้องด้านหน้า 32 ล้านพิกเซล (F/2.2) มีโหมดถ่ายภาพให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น โหมด Beauty ปรับความเรียบเนียนของผิวได้สูงสุด 8 ระดับ และสามารถใส่ฟิลเตอร์ให้กับภาพถ่ายได้
โหมด Live Focus ถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ ปรับความเบลอของฉากหลังได้สูงสุด 7 ระดับ, ปรับผิวเรียบเนียนได้ 8 ระดับ และสามารถเปลี่ยนเอฟเฟกต์ฉากหลังได้ 4 แบบ คือ เบลอ, สปิน, ซูม และ Color Point ซึ่งสามารถเปลี่ยนได้ที่แอปฯ รูปภาพ แล้วเลือกเปลี่ยนเอฟเฟกต์พื้นหลัง ไม่สามารถเปลี่ยนแบบ Real-Time ได้
สำหรับกล้องด้านหลังของ Samsung Galaxy M31 นั้น ประกอบด้วยเลนส์ทั้งหมด 4 ตัว ได้แก่ เลนส์ Wide, เลนส์ Ultra Wide, เลนส์ Macro และเลนส์ Depth โดยมีอินเทอร์เฟสที่ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน สามารถเลือกสลับระหว่างเลนส์ Wide (ไอคอนต้นไม้ 2 ต้น) กับเลนส์ Ultra Wide (ไอคอนต้นไม้ 3 ต้น) ได้ง่าย, รองรับโหมดถ่ายภาพแบบ Macro และรองรับฟีเจอร์ Scene Optimizer ด้วยการใช้ AI มาช่วยวิเคราะห์สภาพแวดล้อม และวัตถุที่อยู่ตรงหน้า เพื่อปรับแต่งการตั้งค่าของกล้องให้เหมาะสมแบบอัตโนมัติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้าของ Samsung Galaxy M31
โหมด Beauty ปรับความเนียนระดับ 4
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้าของ Samsung Galaxy M31
โหมด Beauty ปรับความเนียนระดับ 4
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้าของ Samsung Galaxy M31
โหมด Beauty ปรับความเนียนระดับ 8
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้าของ Samsung Galaxy M31
โหมด Beauty ปรับความเนียนระดับ 8
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้าของ Samsung Galaxy M31
โหมด Live Focus ปรับความเบลอระดับ 7
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้าของ Samsung Galaxy M31
โหมด Live Focus ปรับความเบลอระดับ 7
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลังของ Samsung Galaxy M31
โหมดรูปภาพ เลนส์ Wide
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลังของ Samsung Galaxy M31
โหมดรูปภาพ เลนส์ Ultra Wide
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลังของ Samsung Galaxy M31
โหมดรูปภาพ เลนส์ Wide
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลังของ Samsung Galaxy M31
โหมดรูปภาพ เลนส์ Wide
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลังของ Samsung Galaxy M31
โหมดรูปภาพ เลนส์ Ultra Wide
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลังของ Samsung Galaxy M31
โหมด Macro
จากการทดสอบใช้งาน Samsung Galaxy M31 ในเบื้องต้น ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่มีแบตเตอรี่อึดที่สุดอีกรุ่นหนึ่ง โดยลองทดสอบด้วยการเปิด Standby ไว้ 2 วัน พบว่า ระดับแบตเตอรี่ลดลงไปเพียง 5-10% เท่านั้น เนื่องจากรุ่นนี้ มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดความจุถึง 6,000 mAh นั่นเอง อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบชาร์จเร็วขนาด 15W ทำให้ชาร์จได้ไวขึ้น แบตเต็มเร็วขึ้นผ่านพอร์ต USB-C
ด้านดีไซน์นั้น มาพร้อมกับหน้าจอแบบ Infinity-U Display หรือจอรูปทรงหยดน้ำขนาด 6.4 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล บนอัตราส่วนขนาด 19:5:9 ที่ให้สีสันสดใส และดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Unibody ที่มีให้เลือก 3 สีสัน ได้แก่ สีน้ำเงิน, สีดำ และสีแดง อีกทั้งยังรองรับระบบสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่องอีกด้วย
สำหรับการประมวลผลนั้น มาพร้อมกับชิปเซ็ต Exynos 9611 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.3 GHz, ชิปประมวลผลกราฟิก Mali-G72 MP3 GPU, หน่วยความจำ RAM ขนาด 6 GB และหน่วยความจำ ROM ขนาด 128 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 512 GB ซึ่งจากการทดสอบประสิทธิภาพทั้งการใช้งานทั่วไป และการเล่นเกม พบว่า ตอบสนองได้อย่างลื่นไหล แต่ถ้าหากเป็นเกมภาพกราฟิกสูง ก็จะมีอาการหน่วงบ้าง โหลดช้าบ้าง รวมถึงสะสมความร้อนขณะใช้งานด้วยเช่นกัน
ด้านกล้องถ่ายรูป รุ่นนี้มาพร้อมกับกล้องด้านหลังมากถึง 4 ตัว ประกอบด้วย เลนส์หลัก ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล, เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, เลนส์ Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และเลนส์ Depth ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล เรียกได้ว่า รองรับเลนส์ถ่ายภาพเกือบครบทุกระยะ ขาดเพียงแค่เลนส์ Telephoto เท่านั้น
นอกจากนี้ ยังรองรับโหมด Live Focus สำหรับถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอทั้งกล้องด้านหน้าและกล้องด้านหลัง, โหมดถ่ายภาพกลางคืน (Night Mode), รองรับ AR Doodle และ AR Emoji รวมถึงรองรับฟีเจอร์ Scene Optimizer ด้วยการใช้ AI มาช่วยวิเคราะห์สภาพแวดล้อม และวัตถุที่อยู่ตรงหน้า เพื่อปรับแต่งการตั้งค่าของกล้องให้เหมาะสมแบบอัตโนมัติ ซึ่งฟีเจอร์ทั้งหมดนี้ มีอยู่บนมือถือ Samsung รุ่นเรือธงเช่นกัน
นอกเหนือจากฟีเจอร์ต่าง ๆ ข้างต้นแล้ว Samsung Galaxy M31 ยังรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด ซึ่งรองรับเครือข่าย 4G LTE ได้ทั้ง 2 ซิม, รองรับ Dual Messenger สามารถเชื่อมต่อ 2 บัญชีในแอปฯ เดียวกันได้พร้อมกัน, รองรับฟีเจอร์ Smart Pop-up View ย่อแอปพลิเคชันให้มีขนาดที่เล็กลง เพื่อให้สามารถใช้งานแอปฯ อื่นได้พร้อมกัน รวมถึงรองรับฟีเจอร์ Game Booster สำหรับเกมเมอร์ ซึ่งระบบจะทำการเรียนรู้รูปแบบการใช้งานของผู้ใช้เพื่อปรับการใช้งานให้เหมาะสม และทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 10 และ One UI เวอร์ชัน 2.0
สำหรับราคาของ Samsung Galaxy M31 อยู่ที่ 8,590 บาท ซึ่งในตอนนี้ ทาง Samsung มีโปรโมชั่นลดราคาลง 1,000 บาท ทำให้เหลือราคาค่าตัวเพียง 7,590 บาท เท่านั้น สามารถสั่งซื้อได้ที่ Samsung Online Shop และ Samsung Official Store บน Lazada
จุดเด่นของ Samsung Galaxy M31
จุดที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม
ข้อควรทราบ : เครื่อง Samsung Galaxy M31 ในบทความรีวิวนี้ เป็นเพียงเครื่องทดสอบเท่านั้น คุณสมบัติบางอย่างอาจยังไม่สมบูรณ์ 100% และอาจไม่ตรงกับตัวเครื่องที่วางจำหน่ายจริง
------------------------------------
บทความรีวิวโดย : techmoblog.com
Update : 22/05/2020
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |