[พรีวิว] Samsung Galaxy Note 9 มือถือเรือธงเพื่อการขีดเขียน พร้อมปากกา S Pen เวอร์ชันอัปเกรด ใช้งานได้หลากหลายขึ้น เคาะราคาที่ 33,900 บาท

เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่สมการรอคอยเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2018 ที่ผ่านมา สำหรับ Samsung Galaxy Note 9 มือถือเรือธงเพื่อการขีดเขียนรุ่นใหม่ล่าสุด ที่เรียกได้ว่า เป็นรุ่นชูโรงของ Samsung ประจำปลายปีนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่ง Samsung Galaxy Note 9 ก็ได้มาอยู่ในมือของทีมงาน techmoblog เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แม้ว่าดีไซน์โดยรวมของ Samsung Galaxy Note 9 จะยังคงคล้ายกับ Samsung Galaxy Note 8 รุ่นก่อนหน้า แต่ในด้านสเปกและคุณสมบัติอื่น ๆ นั้น ได้รับการอัปเกรดใหม่ให้แรงขึ้น และน่าใช้งานมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะปากกา S Pen ที่ถือว่าเป็นไฮไลท์เด็ดของ Samsung Galaxy Note 9 รุ่นนี้เลยก็ว่าได้ สำหรับสเปกของ Samsung Galaxy Note 9 เบื้องต้นนั้น มาพร้อมกับ หน้าจอแสดงผลขนาด 6.4 นิ้ว แบบ Super AMOLED พร้อมเทคโนโลยี Infinity Display ความละเอียด 2960 x 1440 พิกเซล (QHD+) บนอัตราส่วน 18.5:9, ชิปเซ็ต Exynos 9810 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.7 GHz, หน่วยความจำ RAM ขนาด 6 GB, หน่วยความจำ ROM ขนาด 128 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 512 GB, กล้องด้านหน้า ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/1.7, กล้องคู่ด้านหลัง ความละเอียด 12+12 ล้านพิกเซล รูรับแสงแบบ Dual Aperture ขนาด F/1.5 และ F/2.4, รองรับฟีเจอร์การสแกนม่านตา และสแกนใบหน้า, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง, กันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68, แบตเตอรี่ขนาด 4,000 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว และทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ครอบทับด้วยอินเทอร์เฟสแบบ Samsung Experience เวอร์ชัน 9.5

ด้านปากกา S Pen นั้น ถือว่าเป็นจุดขายลำดับต้น ๆ ของ Samsung Galaxy Note 9 เลยก็ว่าได้ โดยได้รับการอัปเกรดให้รองรับการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ทำให้ S Pen กลายเป็นปากกาสารพัดประโยชน์มากขึ้นนอกเหนือจากการใช้ขีดเขียน ด้วยการพลิกโฉมให้กลายเป็นรีโมทคอนโทรลสำหรับควบคุมการทำงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ใช้เป็นชัตเตอร์สำหรับถ่ายรูป, ใช้บันทึกเสียง, ดูรูปภาพ, การนำเสนอต่าง ๆ และอื่น ๆ

โดยในวันนี้ ทีมงาน techmoblog จะมา พรีวิว Samsung Galaxy Note 9 แบบอุ่นเครื่อง พร้อมฟีเจอร์ที่น่าสนใจและการใช้งานในเบื้องต้นให้ชมกันก่อนว่า มีอะไรใหม่ ๆ มาให้ใช้งานกันบ้าง

 

สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกของ Samsung Galaxy Note 9 ถือว่า ยังคงถอดแบบดีไซน์ของสมาร์ทโฟนรุ่นพี่อย่าง Galaxy Note 8 ด้วยหน้าจอไร้กรอบแบบ Infinity Display แต่ขยับหน้าจอใหญ่ขึ้นเป็น 6.4 นิ้ว ความละเอียด 2960 x 1440 พิกเซล บนอัตราส่วน 18:5:9 ซึ่งถือว่า เป็นรุ่นที่มีขนาดหน้าจอใหญ่ที่สุดในบรรดามือถือ Samsung ทุกรุ่นในตอนนี้

แม้ว่าขนาดหน้าจอบน Samsung Galaxy Note 9 จะใหญ่กว่า Samsung Galaxy Note 8 แต่ขนาดตัวเครื่องแทบไม่ต่างกันมากนัก เนื่องจาก Samsung Galaxy Note 9 ได้ปรับขนาดขอบดำทั้งด้านบนและด้านล่างให้เล็กลง ทำให้มีพื้นที่ในการแสดงผลเพิ่มขึ้นนั่นเอง

ด้านบนของหน้าจอแสดงผล ประกอบด้วย ไฟ LED แสดงสถานะการทำงาน, เซ็นเซอร์ต่าง ๆ, ลำโพงสำหรับสนทนา, กล้องด้านหน้า ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และเซ็นเซอร์สแกนม่านตา (Iris Scanner)

ด้านล่างของหน้าจอแสดงผล เป็นปุ่มควบคุมการทำงานแบบ On-Screen ประกอบด้วย ปุ่ม Recent Apps, ปุ่ม Home และปุ่มย้อนกลับ

ด้านขวาของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดตัวเครื่อง หรือล็อกหน้าจอแสดงผล ส่วนด้านซ้ายของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่ม Bixby เรียกใช้งานผู้ช่วยอัจฉริยะ

ด้านบนของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวนรอบข้าง และถาดใส่ซิมการ์ด ส่วนด้านล่างของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ช่องหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, พอร์ต USB-C, ไมโครโฟนหลักสำหรับสนทนา, ลำโพงเสียง และช่องเก็บปากกา S Pen

ความพิเศษของ Samsung Galaxy Note 9 สี Ocean Blue ก็คือ หัวปากกาจะเป็นสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นสีเดียวกับตัวเครื่อง ในขณะที่ด้ามปากกาจะเป็นสีเหลือง ทำให้ Samsung Galaxy Note 9 สี Ocean Blue มีความโดดเด่นมากกว่าสีอื่นเลยทีเดียว

ด้านหลังตัวเครื่องนั้น ยังคงเป็นบอดี้แบบโลหะครอบทับด้วยกระจกแบบ Metal-Glass พร้อมคุณสมบัติในการป้องกันน้ำและฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 เช่นเดิม ซึ่งกล้องด้านหลังบน Samsung Galaxy Note 9 เป็นกล้องคู่แบบเดียวกับ Samsung Galaxy S9+ ประกอบด้วย กล้อง Wide Angle ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ที่มาพร้อมกับรูรับแสงแบบ Dual Aperture ขนาด F/1.5 และ F/2.4 กับกล้อง Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ขนาดรูรับแสง F/2.4 พร้อมระบบกันภาพสั่นแบบ OIS

ส่วนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ได้มีการย้ายตำแหน่งมาอยู่ใต้กล้องแทนแล้ว เพื่อแก้ปัญหาที่นิ้วมักจะไปโดนเลนส์กล้องขณะใช้งาน ทำให้สามารถสแกนลายนิ้วมือได้สะดวกมากขึ้นกว่าเดิม

สำหรับอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องมาตรฐาน นอกเหนือจากตัวเครื่องแล้ว ประกอบไปด้วย เคสซิลิโคนใส, เข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด, หูฟังจาก AKG, จุกยางสำรองสำหรับหูฟัง, สาย USB Type-C, อะแดปเตอร์ USB-A to USB-C, หัวปากกาสำรองพร้อมที่คีบหัวปากกา, อะแดปเตอร์สำหรับชาร์จแบตเตอรี่แบบ Adaptive Fast Charging และคู่มือการใช้งาน

 

ปากกา S Pen นั้น ถือว่าเป็นจุดขายหลักของ Samsung Galaxy Note 9 เลยก็ว่าได้ อีกทั้งในเวอร์ชันนี้ยังได้รับการอัปเกรดให้น่าใช้งานมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยการพัฒนาให้กลายเป็นปากกา S Pen แบบ Bluetooth เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานอีกเพียบ ซึ่งตัวปากกานั้น ถูกซิงก์ไว้กับตัวเครื่องและพร้อมใช้งานตั้งแต่แรก ทำให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องจับคู่ปากกากับตัวเครื่องให้ยุ่งยาก อีกทั้งยังมาพร้อมเทคโนโลยี Bluetooth Low Energy ที่ใช้พลังงานต่ำเพียง 0.5 mAh และทำงานได้สูงสุดที่ระยะ 10 เมตร

ความพิเศษของปากกา S Pen บน Samsung Galaxy Note 9 จากเดิมที่หมึกบนหน้าจอเป็นสีขาว ก็ถูกพัฒนาให้เป็นหมึกสีเดียวกับตัวปากกา อย่างเช่น ปากกาสีเหลือง หมึกก็จะเป็นสีเหลือง ยกเว้นปากกาสีดำ ที่ตัวหมึกยังคงเป็นสีขาวเหมือนเดิม แต่ถ้าหากอยากได้หมึกสีอื่น ก็ต้องซื้อปากกาเพิ่มเองต่างหาก

สำหรับการกดปุ่มบนปากกา S Pen นั้น มีทั้งการกดครั้งเดียว, กดสองครั้ง หรือกดค้าง และสามารถกำหนดได้เองว่า จะเป็นการเรียกใช้งานฟังก์ชันใด ยกตัวอย่างเช่น กดค้างที่ปุ่มบนปากกาเพื่อเปิดกล้องถ่ายรูป และกดครั้งเดียวเพื่อถ่ายภาพ หรือกดสองครั้งเพื่อสลับกล้องด้านหน้า-หลัง เป็นต้น

ด้านแอปพลิเคชันที่เพิ่มเข้ามาสำหรับปากกา S Pen นั่นก็คือ PENUP ซึ่งเป็นแอปฯ ที่เหมาะสำหรับผู้ที่วาดรูปไม่เก่ง หรือเพิ่งหัดวาดรูป โดยมีลักษณะคล้ายกับกระดาษลอกลายให้ผู้ใช้สามารถวาดตามรูปที่มีอยู่แล้วได้

การชาร์จแบตเตอรี่บนปากกา S Pen ทำได้ด้วยการเสียบกลับเข้าไปในตัวเครื่อง โดยกินพลังงานแบตเตอรี่ของเครื่องราว ๆ 0.5 mAh ซึ่งการชาร์จ 40 วินาที สามารถใช้งานได้นาน 30 นาที (กดได้ราว ๆ 200 ครั้ง)

สำหรับคุณสมบัติใหม่ของปากกา S Pen บน Samsung Galaxy Note 9 ได้แก่

• สามารถใช้เป็นชัตเตอร์กล้อง ซึ่งสะดวกมากเวลาใช้ถ่ายรูปโดยไม่จำเป็นต้องเอื้อมมือไปกดปุ่มชัตเตอร์ที่ตัวสมาร์ทโฟน
• สามารถใช้ปากกา S Pen ควบคุมการนำเสนองานต่าง ๆ ได้ (Presentation)
• กดที่ตัวปากกาแล้วสามารถอัดเสียงใส่ปากกาได้เลย และจะทำการบันทึกเก็บในตัวเครื่องให้อัตโนมัติ
• มีฟังก์ชันแจ้งเตือนในกรณีที่ปากกาถูกดึงออกจากเครื่อง หรือไม่ได้วางอยู่ใกล้ตัวเครื่อง
• สามารถใช้ปากกา S Pen เขียนลงใน AR Emoji ได้แล้ว
• ถ้าหากเปิด Airplane Mode จะไม่สามารถใช้ปากกาได้ แต่สามารถเข้าไปตั้งค่าแบบ manual ใน Settings ได้

 

 

สำหรับ Samsung Galaxy Note 9 นั้น ถือว่าเป็นมือถือเรือธงรุ่นส่งท้ายปลายปีจาก Samsung ที่ได้รับการอัปเกรดให้น่าใช้งานมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะปากกา S Pen ที่ถือว่าเป็นจุดขายหลักของรุ่นนี้ ซึ่งรองรับการเชื่อมต่อแบบ Bluetooth แล้ว ทำให้มีฟีเจอร์เพิ่มขึ้นอีกมากมาย และรองรับการใช้งานได้หลากหลายมากกว่าเดิมนอกเหนือจากการใช้ขีดเขียนเพียงอย่างเดียว ในส่วนของสเปกนั้น แน่นอนว่าได้รับการอัปเกรดให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ด้วยชิปเซ็ตรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Exynos 9810, หน่วยความจำ RAM สูงสุด 8 GB และหน่วยความจำ ROM สูงสุด 512 GB แถมรองรับ microSD Card ได้สูงสุดถึง 512 GB ทำให้ Samsung Galaxy Note 9 มีพื้นที่โดยรวมสูงสุดถึง 1 TB สามารถจัดเก็บคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้อย่างไม่จำกัด ส่วนแบตเตอรี่ก็มีขนาดความจุเพิ่มขึ้นเป็น 4,000 mAh แล้ว ทำให้รองรับการใช้งานได้อย่างยาวนานมากกว่าเดิม

ส่วนรีวิว Samsung Galaxy Note 9 ฉบับเต็ม ติดตามกันได้ในเร็ว ๆ นี้

 

Samsung Galaxy Note 9 เคาะราคาค่าตัวที่ 33,900 บาท สำหรับรุ่น ROM 6 GB และ RAM 128 GB มีให้เลือกทั้งหมด 3 สีด้วยกัน ได้แก่ Ocean Blue, Metallic Copper และ Midnight Black โดยสามารถสั่งจองล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันนี้ - 21 สิงหาคม และวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 สิงหาคมนี้ ผ่านทาง Samsung Brand Shop, ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ (dtac, AIS, TrueMove H) และร้านค้าออนไลน์ (Lazada, Shopee) โดยสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.samsung.com

 

 

------------------------------------

บทความรีวิวโดย : techmoblog.com

Update : 29/08/2019

Samsung Galaxy Note 9 พรีวิว Samsung Galaxy Note 9