เผยโฉมอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ Samsung Galaxy S6 edge รุ่น Limited Edition กับ Iron Man ที่มาพร้อมกับตัวเครื่องสีแดง ขอบสีทอง ซึ่งเป็นสีประจำตัวละคร Iron Man นั่นเอง
สำหรับสเปคของ Samsung Galaxy S6 edge เวอร์ชัน Iron Man นี้ เหมือนกับ Samsung Galaxy S6 edge รุ่นปกติ แต่ในส่วนของฝาหลัง จะมีรูปหน้ากาก Iron Man ประดับอยู่ นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับธีม และอินเทอร์เฟสของ Iron Man อีกด้วย เรียกได้ว่า ใครที่เป็นแฟนตัวจริงของ Iron Man คงจะชื่นชอบกันอย่างแน่นอน
โดย Samsung Galaxy S6 edge เวอร์ชัน Iron Man จะวางจำหน่ายที่ประเทศเกาหลีใต้เป็นแห่งแรก ในวันที่ 27 พฤษภาคมนี้ ตามด้วยที่ประเทศฮ่องกงและจีน ในเดือนมิถุนายน ส่วนกำหนดการวางจำหน่ายที่ประเทศอื่น รวมถึงประเทศไทย ยังไม่มีรายละเอียดครับ - engadget.com
รีวิว Samsung Galaxy S6 edge
หลังจากที่ทางทีมงาน techmoblog ได้ทำการ รีวิว Samsung Galaxy S6 สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุด ให้ชมกันไปแล้ว คราวนี้ ถึงคิวของ สมาร์ทโฟนอีกรุ่น ที่เปิดตัวพร้อมกันบ้าง ซึ่งก็คือ Samsung Galaxy S6 edge นั่นเอง ซึ่ง Samsung Galaxy S6 edge นั้น เรียกได้ว่า พลิกโฉมด้านการดีไซน์ใหม่ทั้งหมด และเป็นดีไซน์ที่สวยที่สุดในตระกูล Galaxy S เลยก็ว่าได้ ด้วยจอขอบโค้งสองด้านแบบ Dual Curved Edge นั่นเอง ส่วนคุณสมบัติตัวเครื่องของ Samsung Galaxy S6 edge เหมือนกับ Samsung Galaxy S6 แทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอแสดงผลขนาดกว้าง 5.1 นิ้ว แบบ Dual Curved Edge Super AMOLED Capacitive Touchscreen ความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล, ชิปเซ็ต Exynos 7420 แบบ Octa-Core Processor (64-bit), หน่วยความจำ RAM ขนาด 3 GB, หน่วยความจำภายในตัวเครื่องขนาด 32 GB, 64 GB และ 128 GB, กล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, กล้องด้านหลัง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และรัน Android 5.0.2 (Lollipop) ตั้งแต่แกะกล่องอีกด้วย
โดย Samsung Galaxy S6 edge จะมีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง และขอบจอโค้งทั้ง 2 ด้าน มีไว้เพื่ออะไร มาชม รีวิว Samsung Galaxy S6 edge โดยทีมงาน techmoblog ครับ
• จอแสดงผลกว้าง 5.1 นิ้ว (Dual Edge) แบบ Quad HD Super AMOLED Capacitive Touchscreen 16.7 ล้านสี ความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล (577 ppi)
• ชิปเซ็ต Exynos 7420 แบบ Octa-Core Processor (64-bit) ประกอบไปด้วย • หน่วยประมวลผลแบบ Quad-Core Cortex-A57 Processor ความเร็ว 2.1 GHz และ Quad-Core Cortex-A53 Processor ความเร็ว 1.5 GHz
• หน่วยประมวลผลภาพ Mali-T760 GPU
• หน่วยความจำ RAM ขนาด 3 GB
• หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง ขนาด 32 GB, 64 GB และ 128 GB
• กล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
• กล้องด้านหลัง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
• แบตเตอรี่ขนาด 2600 mAh
• รัน Android 5.0.2 (Lollipop)
>> สเปค Samsung Galaxy S6 edge อย่างละเอียด คลิกที่นี่
Samsung Galaxy S6 edge มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลกว้าง 5.1 นิ้ว (Dual Edge) แบบ Quad HD Super AMOLED Capacitive Touchscreen 16.7 ล้านสี ความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล (577 ppi), ขนาดตัวเครื่อง 142.1 x 70.1 x 7.0 มิลลิเมตร และหนัก 132 กรัม
ด้านบนของหน้าจอแสดงผล ประกอบด้วย Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน, Accelerometer Sensor หมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้, ลำโพงสำหรับสนทนา และกล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.9
ด้านล่างของหน้าจอแสดงผล ประกอบด้วย ปุ่ม Recent Apps, ปุ่ม Home และปุ่มย้อนกลับ (Back) ซึ่งปุ่ม Home รองรับการสแกนลายนิ้วมือด้วยเช่นกัน
สำหรับขอบตัวเครื่องของ Samsung Galaxy S6 edge นั้น เป็นผิวขอบกระจกโค้งทั้ง 2 ด้าน ที่ถือว่า เป็นเอกลักษณ์ของรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งขอบจอโค้งนี้ จะมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า People Edge สำหรับกำหนดสีให้กับ 5 คนสำคัญ ซึ่งถ้าหากมีสายเรียกเข้า, ข้อความ หรืออีเมล ก็จะทราบได้ทันทีว่า ใครเป็นคนโทรมา โดยสังเกตจากสีที่ปรากฏนั่นเอง ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างมากเมื่อตัวเครื่องคว่ำหน้าลงครับ
ด้านขวาของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิด หรือล็อคหน้าจอแสดงผล ส่วนด้านซ้ายของตัวเครื่อง เป็นปุ่มปรับระดับเสียง
ด้านบนของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ไมโครโฟนตัวที่สอง สำหรับตัดเสียงรบกวนรอบข้าง, อินฟราเรด สำหรับควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านแอปพลิเคชัน Smart Remote และถาดใส่ซิมการ์ดแบบ nanoSIM ส่วนด้านล่างตัวเครื่อง ประกอบด้วยช่องหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร, พอร์ต microUSB, ไมโครโฟนหลักสำหรับสนทนา และลำโพงเสียง
ด้านหลังตัวเครื่อง ประกอบด้วย กล้องด้านหลัง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล, ไฟแฟลชแบบ LED, รูรับแสงกว้างสูงสุด F/1.9 และระบบกันภาพสั่นแบบ OIS ส่วนด้านล่างไฟแฟลช จะเป็น Heart Rate Sensor หรือเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ โดยรุ่นนี้ ไม่สามารถถอดแกะฝาหลังได้ เช่นเดียวกับ Samsung Galaxy S6 ไม่สามารถถอดแกะฝาหลังได้ ส่วนภายในประกอบด้วย แบตเตอรี่ขนาด 2600 mAh ซึ่งมีความจุมากกว่า Samsung Galaxy S6 เล็กน้อย
สำหรับคุณสมบัติของกล้องถ่ายรูปทั้งด้านหน้าและด้านหลัง บน Samsung Galaxy S6 edge นั้น เหมือนกับ Samsung Galaxy S6 เลยทีเดียว โดยมาพร้อมกับกล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และรูรับแสงกว้างสูงสุด F/1.9 ส่วนกล้องด้านหลัง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมระบบกันภาพสั่นแบบ OIS และรูรับแสงกว้าง F/1.9 เช่นกัน นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับระบบเปิดกล้องเร็วเพียง 0.7 วินาที (Quick Launch) ด้วยการกดที่ปุ่ม Home 2 ครั้ง เรียกได้ว่า สะดวกต่อการใช้งานมากเลยทีเดียว
มาชมตัวอย่างภาพถ่าย จากกล้องความละเอียด 16 ล้านพิกเซล กันครับ
ทดสอบการถ่ายภาพตอนกลางคืน
สำหรับฟีเจอร์เด่นบน Samsung Galaxy S6 edge นั่นก็คือ People Edge นั่นเอง ด้วยการตั้งค่าขอบหน้าจอให้สว่างเป็นสีต่างๆ โดยสามารถตั้งค่าได้สูงสุด 5 รายชื่อด้วยกัน ซึ่ง People Edge มีประโยชน์ตรงที่ ต่อให้วางตัวเครื่องแบบคว่ำหน้าลง ก็สามารถทราบได้ทันทีว่า สายเรียกเข้าของใครกำลังโทรมา ด้วยการสังเกตจากสีที่ตั้งค่าไว้นั่นเองครับ
สำหรับหน้า Homescreen นั้น ผู้ใช้สามารถเลือกปรับแต่งได้ตามใจ ทั้งภาพวอลเปเปอร์, Widget และธีม โดยสามารถเลือกแอปพลิเคชันที่ใช้งานบ่อยที่สุด มาสร้างเป็น Shortcut ไว้ที่หน้านี้ได้
Notification Center แถบรวมการแจ้งเตือนต่างๆ ทั้งข้อความจาก SMS, อีเมล รวมไปถึงเมนูลัดในการตั้งค่าการใช้งาน เช่น เปิด-ปิด Wi-Fi, GPS, เสียง, การหมุนหน้าจอ, เปิด-ปิด Bluetooth รวมไปถึงการปรับความสว่างของหน้าจออีกด้วย
Samsung Galaxy S6 edge รองรับฟังก์ชัน Multi-Window สามารถเปิดแอปพลิเคชัน 2 ตัวในหน้าจอเดียวกันได้
สำหรับเบราว์เซอร์บน Samsung Galaxy S6 edge นั้น มีให้เลือกใช้ทั้ง Android Browser และ Google Chrome ซึ่งประมวลผลการทำงานได้รวดเร็วเช่นกัน
ส่วนแอปพลิเคชันพื้นฐาน อย่างเช่น สมุดบันทึก, เครื่องบันทึกเสียง, เครื่องคิดเลข และอื่นๆ ก็มีให้ใช้งานบน Samsung Galaxy S6 edge เช่นกัน แต่น่าเสียดายที่รุ่นนี้ ไม่มีวิทยุ FM มาให้
Smart Remote แอปพลิเคชันที่ทำให้ Samsung Galaxy S6 edge กลายเป็นรีโมตคอนโทรลได้ง่ายๆ ซึ่งสามารถควบคุมโทรทัศน์, กล่องทีวีดิจิตอล, ดีวีดี, บลูเรย์ และอุปกรณ์อื่นๆ อีกมากมาย ผ่านทาง อินฟราเรด ที่อยู่ด้านบนตัวเครื่องนั่นเอง
Smart Manager แอปพลิเคชันสำหรับตรวจสอบข้อมูลการใช้งานต่างๆ เช่น สถานะแบตเตอรี่, ที่เก็บข้อมูล, RAM, ความปลอดภัย และอื่นๆ
นอกจากบริการต่างๆ จาก กูเกิล แล้ว Samsung Galaxy S6 edge ยังรองรับบริการจาก ไมโครซอฟท์ อีกด้วย ทั้ง OneDrive และ Skype
มาทดสอบ Benchmark กันบ้าง โดยผลการทดสอบด้วยโปรแกรม Quadrant วัดความเร็วในการทำงานของ CPU และกราฟฟิค อยู่ที่ 36665 คะแนน และ AnTuTu ทดสอบ CPU, 2D & 3D graphics, SD card และ Database อยู่ที่ 68721 คะแนน ซึ่งได้คะแนนการทดสอบดีกว่า Samsung Galaxy S6 เสียอีก
ส่วนมัลติทัช รองรับที่ 10 จุดครับ
ถ้าพูดถึงในด้านของการออกแบบ คงต้องยอมรับเลยว่า Samsung Galaxy S6 edge นั้น เป็นรุ่นที่ดีไซน์สวยที่สุดในบรรดาสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy S ที่มีมาทั้งหมด ทั้งในเรื่องของ ตัวเครื่องที่ดูเพรียวบาง และจอขอบโค้งสองด้านแบบ Dual Curved Edge ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์เด่นอย่าง People Edge นั่นเอง ส่วนสเปคอื่นๆ แทบจะไม่แตกต่างจาก Samsung Galaxy S6 ครับ ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอแสดงผลขนาดกว้าง 5.1 นิ้ว แบบ Dual Curved Edge Super AMOLED Capacitive Touchscreen ความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล, ชิปเซ็ต Exynos 7420 แบบ Octa-Core Processor (64-bit), หน่วยความจำ RAM ขนาด 3 GB, หน่วยความจำภายในตัวเครื่องขนาด 32 GB, 64 GB และ 128 GB, กล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, กล้องด้านหลัง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และรัน Android 5.0.2 (Lollipop) ส่วนเรื่องของ ความจับถนัดมือ จริงๆ คงต้องยกให้ Samsung Galaxy S6 ที่จับได้ถนัดมือมากกว่า แต่หลังจากที่ใช้งาน Samsung Galaxy S6 edge ไปได้สักพัก ก็เริ่มจับได้ถนัดมือมากขึ้นเช่นกันครับ
เนื่องจากสเปคของทั้ง 2 รุ่น แทบจะไม่แตกต่างกัน ถามว่า ระหว่าง 2 รุ่นนี้ ควรจะซื้อรุ่นไหนดี? จริงๆ คงต้องอยู่ที่ความชอบมากกว่าครับ ถ้าชอบดีไซน์สวยๆ ก็คงจะต้องยกให้ Samsung Galaxy S6 edge อยู่แล้ว แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงกว่า โดยราคาของ Samsung Galaxy S6 edge อยู่ที่ 27,900 บาท แพงกว่า Samsung Galaxy S6 อยู่ถึง 4,000 บาทเลยทีเดียว ส่วนใครที่ยังตัดสินใจไม่ได้ ลองไปทดสอบใช้งานกันได้ที่ ซัมซุงช็อป หรือตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้านครับ
จุดเด่นของ Samsung Galaxy S6 edge
• กรอบตัวเครื่องแบบโลหะ ด้วยการใช้วัสดุอะลูมิเนียมเกรด 6013 ที่มีความแข็งแรงและทนทาน
• ดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Dual-Glass Design พร้อมกระจกแบบ Corning Gorilla Glass 4 ที่ด้านหน้า และด้านหลังของตัวเครื่อง ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรง ป้องกันรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี
• จอแสดงผลกว้าง 5.1 นิ้ว (Dual Edge) แบบ Quad HD Super AMOLED Capacitive Touchscreen 16.7 ล้านสี ความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล (577 ppi)
• ชิปเซ็ต Exynos 7420 แบบ Octa-Core Processor (64-bit) ประกอบไปด้วย • หน่วยประมวลผลแบบ Quad-Core Cortex-A57 Processor ความเร็ว 2.1 GHz และ Quad-Core Cortex-A53 Processor ความเร็ว 1.5 GHz
• หน่วยประมวลผลภาพ Mali-T760 GPU
• หน่วยความจำ RAM ขนาด 3 GB
• หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง ขนาด 32 GB, 64 GB และ 128 GB
• กล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
• กล้องด้านหลัง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED และระบบกันภาพสั่น OIS
• แบตเตอรี่ขนาด 2600 mAh
• รัน Android 5.0.2 (Lollipop) เวอร์ชันใหม่ล่าสุดตั้งแต่แกะกล่อง
• รองรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ปุ่ม Home
• รองรับเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจที่ด้านหลังตัวเครื่อง
• รองรับเทคโนโลยี NFC และพอร์ตอินฟราเรดที่ด้านบนตัวเครื่อง
• ระบบ GPS ในตัว พร้อมฟังก์ชัน A-GPS, GLONASS รองรับการใช้งานกับระบบดาวเทียมของรัสเซีย และ Beidou ระบบดาวเทียมของจีน
• เทคโนโลยี Fast Charging ด้วยการชาร์จแบตเตอรี่เพียง 10 นาที แต่สามารถใช้งานได้นานถึง 4 ชั่วโมง
• รองรับบริการ Samsung Pay ระบบการชำระเงินที่สามารถใช้งานร่วมกับ Visa และ MasterCard
จุดที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม
• ไม่มีวิทยุ FM ในตัว
• ไม่มีคุณสมบัติในการกันน้ำ กันฝุ่น แบบเดียวกับ Samsung Galaxy S5
• ไม่สามารถเปิดฝาหลัง เพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้
• ไม่รองรับหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card
ทดสอบความถึกของ Samsung Galaxy S6 edge ด้วยการปาลงพื้น! Gorilla Glass 4 จะช่วยได้แค่ไหน มาชมคลิปกัน
งานนี้ ไม่รู้ว่า ผู้ที่ทำการทดสอบนั้น ไปโมโหใครมาหรือเปล่า ถึงได้ระบายอารมณ์กับ Samsung Galaxy S6 edge ดังคลิปวีดีโอท้ายข่าวนี้ เมื่อได้มีการทดสอบ ความแข็งแกร่งของ Samsung Galaxy S6 edge กับกระจกหน้าจอแบบ Gorilla Glass 4 ทั้งด้านหน้าและหลังตัวเครื่อง ด้วยการปาไปบนพื้นอย่างแรงถึง 3 ครั้ง เรียกได้ว่า แม้ตัวคลิปจะมีความยาวแค่ 30 วินาที แต่ก็ดูไปลุ้นกันไปเลยทีเดียว
ส่วน Samsung Galaxy S6 edge จะมีสภาพเป็นอย่างไร ยังใช้งานได้เหมือนเดิมหรือไม่ ชมกันต่อได้ที่คลิปท้ายข่าวครับ - phonearena.com
ราคา Samsung Galaxy S6 edge มาแล้ว! เริ่มต้นที่ 27,900 บาท จำหน่ายหลังสงกรานต์
ประกาศราคาจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ Samsung Galaxy S6 edge มือถือดีไซน์จอโค้ง 2 ด้าน โดยเริ่มต้นที่ 27,900 บาท สำหรับความจุ 32 GB และ 30,900 บาท สำหรับความจุ 64 GB ส่วน Samsung Galaxy S6 นั้น เริ่มต้นที่ 23,900 บาท สำหรับความจุ 32 GB
โดยทั้ง 2 รุ่น จะเริ่มเปิดให้จับจองกันในวันที่ 1 เมษายนนี้ และวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ช่วงหลังสงกรานต์ครับ
Samsung Galaxy S6 edge เปิดตัวแล้ว! มือถือขอบจอโค้ง 2 ด้านรุ่นแรกของโลก
นอกจากในงาน Samsung Galaxy UNPACKED 2015 จะมีการเปิดตัว Samsung Galaxy S6 แล้ว ยังได้เปิดตัว Samsung Galaxy S6 edge มือถือขอบจอโค้ง คล้าย Samsung Galaxy Note Edge แต่ต่างกันตรงที่ Galaxy S6 edge นั้น มีขอบจอโค้งทั้ง 2 ด้าน และถือว่า เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลก ที่มีดีไซน์แบบนี้อีกด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น Samsung Galaxy S6 edge ยังมาพร้อมกรอบตัวเครื่องแบบโลหะ, บอดี้แบบกระจกทั้งด้านหน้า และด้านหลัง นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับ กล้องด้านหลัง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่รองรับการใช้งานในสภาวะแสงน้อยได้ดี ด้วยรูรับแสงกว้างสูงสุด F/1.9 นั่นเอง อีกทั้ง ยังรองรับบริการอย่าง Samsung Pay ระบบชำระเงินผ่านสมาร์ทโฟนน้องใหม่ ที่ทางซัมซุง ได้พัฒนาขึ้นมา หลังจากเข้าซื้อกิจการ LoopPay ไปเมื่อไม่นานมานี้ ส่วนราคา Samsung Galaxy S6 edge จะเปิดตัวแรงเหมือน Samsung Galaxy Note Edge หรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไปครับ
Samsung Galaxy S6 edge มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลกว้าง 5.1 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล (577 ppi) ซึ่งกระจกหน้าจอนั้น เป็นแบบ Corning Gorilla Glass 4 ที่มีความแข็งแรงทนทานมากเป็นพิเศษ นอกจากนี้ หน้าจอที่ขอบทั้ง 2 ด้าน ยังเป็นหน้าจอแบบ Super AMOLED อีกด้วย
Samsung Galaxy S6 edge มาพร้อมกับชิปเซ็ต Exynos 7420 ที่ทางซัมซุงพัฒนาเอา โดยเป็นชิปเซ็ตแบบ 64-bit ประกอบไปด้วย หน่วยประมวลผลแบบ Quad-Core Cortex-A57 Processor ความเร็ว 2.1 GHz และ Quad-Core Cortex-A53 Processor ความเร็ว 1.5 GHz, หน่วยประมวลผลภาพกราฟิค Mali-T760 GPU และหน่วยความจำ RAM ขนาด 3 GB ส่วนหน่วยความจำภายในตัวเครื่อง มีให้เลือก 3 ขนาดความจุด้วยกัน ได้แก่ 32 GB, 64 GB และ 128 GB ซึ่ง Samsung Galaxy S6 edge ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD Card ได้ แบบเดียวกับ Samsung Galaxy S6
นอกจากนี้ Samsung Galaxy S6 edge ยังรองรับ LTE Cat.6, Wi-Fi ac, Bluetooth 4.1, NFC, GPS + GLONASS และ Beidou, IR blaster รวมไปถึงวิทยุ FM radio แบบเดียวกับ Samsung Galaxy S6
Samsung Galaxy S6 edge มาพร้อมกล้องด้านหน้าแบบ Selfie ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องด้านหลัง มาพร้อมความละเอียด 16 ล้านพิกเซล, ระบบป้องกันภาพสั่นแบบ OIS และไฟแฟลชแบบ LED โดยรุ่นนี้ ทางซัมซุง ชูจุดเด่นในเรื่องของการถ่ายภาพในที่แสงน้อยเป็นหลัก เนื่องจากมาพร้อมกับ รูรับแสงกว้างสูงสุด F/1.9 ทั้งกล้องด้านหน้า และด้านหลัง นั่นเอง นอกจากนี้ ยังรองรับการถ่ายคลิปวีดีโอ ความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 4K อีกด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น Samsung Galaxy S6 edge ยังมาพร้อมกับโหมด Quick Launch เปิดกล้องได้รวดเร็วในเวลา 0.7 วินาที ด้วยการกดปุ่ม Home 2 ครั้ง
Samsung Galaxy S6 edge มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 5.0 (Lollipop) ตั้งแต่แกะกล่อง ครอบทับด้วย TouchWiz UI เวอร์ชันใหม่ล่าสุด ที่ได้รับการออกแบบใหม่ มีดีไซน์ที่เรียบง่ายขึ้น และน่าใช้งานมากขึ้นกว่าเดิม
Samsung Galaxy S6 edge มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 2600 mAh ซึ่งมีขนาดความจุเยอะกว่า Samsung Galaxy S6 เล็กน้อย แต่เนื่องจากตัวเครื่อง ไม่สามารถถอดแกะฝาหลังเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ ทำให้ทางซัมซุง ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ นั่นก็คือ Fast Charging ด้วยการชาร์จเพียง 10 นาที แต่สามารถใช้งานได้นานถึง 4 ชั่วโมง
หลังจากที่ซัมซุงเข้าซื้อกิจการของ LoopPay ไปเมื่อไม่นานมานี้ ก็ได้เปิดตัวเทคโนโลยีที่มากับบริษัทดังกล่าว ภายใต้ชื่อ Samsung Pay นั่นเอง โดย Samsung Pay รองรับการใช้งานทั้ง Visa และ Mastercard ซึ่งนอกจากจะจ่ายผ่านเทคโนโลยี NFC แล้ว ยังสามารถใช้งานผ่าน Magnetic Secure Transmission (MST) ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมจาก LoopPay นั่นเอง ทำให้มีร้านค้ารองรับบริการดังกล่าวกว่า 30 ล้านร้านค้าทั่วโลกเลยทีเดียว
นอกจาก Samsung Pay จะรองรับการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตผ่านโทรศัพท์มือถือแล้ว ยังรองรับการจ่ายผ่านบัตรเติมเงิน และบัตรของขวัญอีกด้วย ส่วนในเรื่องของความปลอดภัย มี Samsung KNOX และ ARM TrustZone รองรับอีกทีครับ
Samsung Pay จะเปิดให้ใช้บริการในช่วงหน้าร้อนนี้ ในสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ก่อน โดยในช่วงแรก รองรับการใช้งานเฉพาะบน Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 Edge เท่านั้น
ประกาศราคาจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ Samsung Galaxy S6 edge มือถือดีไซน์จอโค้ง 2 ด้าน โดยเริ่มต้นที่ 27,900 บาท สำหรับความจุ 32 GB และ 30,900 บาท สำหรับความจุ 64 GB ส่วน Samsung Galaxy S6 นั้น เริ่มต้นที่ 23,900 บาท สำหรับความจุ 32 GB
โดยทั้ง 2 รุ่น จะเริ่มเปิดให้จับจองกันในวันที่ 1 เมษายนนี้ และวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ช่วงหลังสงกรานต์ครับ
---------------------------------------
ข้อมูลโดย : techmoblog.com
Update : 26/05/2015
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |