เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ Samsung Galaxy S8 สมาร์ทโฟนซีรีส์เรือธงรุ่นล่าสุด โดยภายในปีนี้ ทาง Samsung ได้พลิกโฉมของ Galaxy S8 ด้วยดีไซน์หน้าจอแสดงผล Infinity Display ขนาด 5.8 นิ้ว แบบไร้ขอบ ไร้ปุ่มโฮม พร้อมสัดส่วนแบบใหม่ 18.5 : 9 ที่ได้ตัดพื้นที่ขอบบนให้บางลง รวมถึงเปลี่ยนและปุ่มควบคุมที่อยู่ด้านล่าง ให้กลายเป็นแถบสัมผัสแบบ On-Screen แทน ทำให้มีพื้นที่สำหรับหน้าจอแสดงผลแบบกว้างใหญ่เต็มตามากขึ้น ในขณะที่ยังสามารถรักษาขนาดตัวเครื่องให้ใกล้เคียงกับ Galaxy S7
ทางด้านประสิทธิภาพการทำงาน ก็ถูกยกเครื่องใหม่แบบรอบด้าน โดยมาพร้อมกับขุมพลังตัวใหม่ล่าสุด Exynos 8895 ที่ถูกผลิตขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมระดับ 10 นาโนเมตร จับคู่การทำงานกับหน่วยความจำ RAM ขนาด 4GB LPDDR 4, หน่วยความจำภายในความจุ 64GB พร้อมรองรับหน่วยความจำเสริมแบบ microSD Card สูงสุด 256GB, แบตเตอรี่ 3000mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว และทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat เวอร์ชันใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงให้มีความสะอาดตา พร้อมฟีเจอร์อัดแน่นรอบด้าน
ส่วนกล้องดิจิทัลก็เป็นจุดที่ได้รับการอัปเกรดเช่นเดียวกัน โดยครั้งนี้ Samsung ได้เพิ่มความละเอียดกล้องหน้ามากขึ้นเป็น 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.7 พร้อมใส่ระบบ Autofocus เพื่อช่วยให้ถ่ายภาพได้คมชัดมากยิ่งขึ้น ส่วนกล้องหลัง ยังคงเลือกใช้งานกล้องความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.7 เท่ากับ Galaxy S7 แต่ใส่ฟีเจอร์ Enhanced Image Processing หรือระบบประมวลผลที่จะนำภาพถ่ายหลายๆ ใบมาซ้อนกัน เพื่อให้การถ่ายภาพที่กำลังเคลื่อนไหว หรือการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยดียิ่งกว่าเดิม
นอกเหนือจากกล้องและสเปกภายในแล้ว Samsung Galaxy S8 ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ยืนยันตัวตนรูปแบบใหม่อย่าง เซ็นเซอร์สแกนม่านตา Iris Scanner และฟีเจอร์สแกนใบหน้า บนบอดี้ตัวเครื่องโลหะผสานกระจก กันน้ำกันฝุ่น ตามมาตรฐาน IP68 นอกจากนี้ ยังได้ติดตั้งผู้ช่วยอัจฉริยะคนใหม่ภายใต้ชื่อ Bixby ที่คอยช่วยแจ้งเตือน รวมทั้งช่วยค้นหาข้อมูลต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย เพื่อแค่ยกมือถือขึ้นมาถ่ายเท่านั้น แต่ Samsung Galaxy S8 จะมีความสวยงาม น่าใช้งานอย่างไร วันนี้ทางทีมงาน techmoblog จะพาทุกท่านไปรับชมผ่านรีวิวแบบเจาะลึกกันครับ
>> สเปก Samsung Galaxy S8 อย่างละเอียด คลิกที่นี่
Samsung Galaxy S8 มาพร้อมกับดีไซน์ตัวเครื่องแบบโค้งมน ที่ผลิตด้วยวัสดุประเภทโลหะผสานการกับกระจก ด้านการแสดงผล เลือกใช้งานจอขอบโค้งแบบไร้ขอบ Infinity Display ขนาด 5.8 นิ้ว ความละเอียด 2960 x 1440 พิกเซล ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 5 เวอร์ชันล่าสุด พร้อมสัดส่วนหน้าจอแบบใหม่ 18.5:9 ทำให้แสดงผลได้แบบเต็มตา เต็มอารมณ์มากยิ่งขึ้น และยังมีฟีเจอร์ Alway On Display ที่คอยแสดงการแจ้งเตือนต่างๆ ขณะที่ดับหน้าจอไปแล้ว
ที่ด้านบนของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ไฟแจ้งเตือนสถานะแบบ LED, เซ็นเซอร์สแกนม่านตา, ลำโพงสำหรับสนทนา, กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และเซ็นเซอร์ต่างๆ
ด้านล่างของตัวเครื่อง จะเป็นแถบควบคุมแบบสัมผัส On-Screen ประกอบด้วย ปุ่ม Recent Apps, ปุ่ม Home และปุ่มย้อนกลับ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถปรับเปลี่ยนการเรียงลำดับของปุ่มควบคุมได้ในการตั้งค่า โดยปุ่ม Home ของ Galaxy S8 จริงๆ แล้ว ไม่ได้หายไปไหน แต่จะถูกซ่อนตัวเอาไว้ใต้หน้าจอ ซึ่งปุ่มโฮมนี้ รองรับเทคโนโลยี Pressure-Sensitive หรือการแยกแยะแรงสัมผัสบนหน้าจอด้วย
ด้านซ้ายของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มเรียกใช้งานผู้ช่วยอัจฉริยะ Bixby ส่วนด้านขวาของตัวเครื่อง มีปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิด ติดตั้งเอาไว้
ด้านล่างของตัวเครื่อง ได้ปรับเปลี่ยนพอร์ตเชื่อมต่อเป็นแบบ USB-Type C ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่กว่า และสามารถเสียบได้ทั้ง 2 ด้าน พร้อมช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา และลำโพงหลักของตัวเครื่องเอาไว้ ส่วนที่ด้านบน ประกอบด้วย ไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวน และช่องใส่ซิมการ์ด สำหรับช่องใส่ซิมของ Samsung Galaxy S8 เป็นแบบ Hybrid Slot ที่ผู้ใช้ต้องเลือกว่า จะใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด หรือใช้งาน 1 ซิมการ์ด พร้อมใส่ microSD Card เท่านั้น ไม่สามารถใช้งาน 2 ซิมการ์ด ไปพร้อมๆ กับใส่ microSD Card ได้
ที่ด้านหลังของ Samsung Galaxy S8 จะถูกครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 5 เช่นเดียวกับแผงหน้าจอด้านหน้า ทำให้ตัวเครื่องมีความเงางาม
ที่ด้านบน ประกอบด้วย ไฟแฟลชแบบ LED, เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ, กล้องดิจิทัลความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
เปรียบเทียบขนาด Samsung Galaxy S7 edge, Galaxy S8 และ Galaxy S8+
หลายท่านคงมีความกังวลว่า ตำแหน่งของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่อยู่ใกล้กับกล้องหลังนั้น จะทำให้สแกนยากกว่าเดิม หรือสแกนผิดไปโดนกล้องหลังแทนหรือไม่ ? ซึ่งจุากที่ทีมงานทดสอบก็พบว่า ผู้ใช้งานอาจต้องทำความคุ้นชินซักเล็กน้อย แต่ยังคงสามารถสแกนได้โดยไม่โดนตำแหน่งกล้องครับ
Samsung Galaxy S8 ยังเปิดตัวมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมหลายตัวด้วยกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Clear View Standing Cover หรือเคสฝาพับแบบใส ที่สามารถพับเป็นขาตั้งเพื่อรับชมคอนเทนต์ได้อย่างสะดวก โดยทาง Samsung เปิดราคาเอาไว้ที่ 1,490 บาท
ที่ด้านข้างมีการพิมพ์ลายสัญลักษณ์ปุ่มควบคุมต่างๆ มาให้แบบครบถ้วน
ที่ด้านหลังมีการแบ่งช่องระหว่าง กล้องดิจิทัล กับสแกนลายนิ้วมือ
แม้จะเป็นเคสฝาพับ แต่ยังสามารถแสดงหน้า Alway On Display ได้ตามปกติ
สามารถพับตัวเคสเป็นขาตั้ง สำหรับรับชมคอนเทนต์ เล่นเกม หรือวิดีโอคอลโดยเฉพาะ
Samsung Galaxy S8 มีพื้นฐานการทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat ซึ่งถูกครอบทับด้วย Samsung Experience โดยครั้งนี้ ทาง Samsung ได้ปรับเปลี่ยน UI เป็นแบบใหม่ ทั้งในส่วนของไอคอนแอป, ฟอนท์ รวมถึง App Drawer ที่ไม่มีปุ่มรวมแอปพลิเคชันแล้ว แต่ผู้ใช้งานสามารถปัดนิ้วขึ้นด้านบน เพื่อแสดงรายการแอปพลิเคชันทั้งหมดที่มีอยู่บนตัวเครื่องได้
ลากนิ้วจากบนลงล่าง จะพบ Toggle Switch หรือคีย์ลัดเข้าสู่การตั้งค่าต่างๆ ภายในตัวเครื่อง ซึ่งผู้ใช้งานสามารถปรับเปลี่ยนคีย์ลัดเพิ่มเติมด้วย ส่วนที่ด้านล่างคือ Notification Center หรือแผงแจ้งเตือนนั่นเอง
จากหน้าโฮมสกรีน หากปัดหน้าจอไปทางด้านขวา จะพบกับ Bixby Home หน้าแจ้งเตือนต่างๆ จากแอปพลิเคชันที่รองรับ Bixby โดยทางทีมงานจะอธิบายถึงความสามารถ และรูปแบบการใช้งานของ Bixby ให้ทุกท่านทราบในหัวข้อต่อไปครับ
หากปัดจากขอบขวามาทางด้านซ้าย จะพบกับ Edge Screen ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางลัดสำหรับเข้าถึงแอปพลิเคชัน และรายชื่อผู้ติดต่อได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับแอปพลิเคชันที่ถูกติดตั้งมาให้ภายในตัวเครื่องนั้น จะประกอบไปด้วยแอปพลิเคชันพื้นฐานจาก Samsung อย่าง Samsung Health, Samsung Gear, Samsung Pay หรือ Galaxy Apps ศูนย์รวมแอปพลิเคชันสำหรับ Samsung ส่วนแอปพลิเคชันจากฝั่ง Google ก็ถูกติดตั้งมาให้แบบครบครัน ทั้ง Google Duo แอปพลิเคชันวิดีโอคอลข้ามแพลตฟอร์ม และ Google Drive แอปพลิเคชันสำหรับจัดเก็บข้อมูลผ่านระบบ Cloud
หากใครที่เบื่อธีมที่ติดเครื่องแบบเดิมๆ ก็สามารถเข้าไปดาวน์โหลดธีม, วอลเปเปอร์, ไอคอน รวมถึงภาพพื้นหลัง Alway On Display เพิ่มเติมได้ที่ Samsung Themes
ส่วนใครที่ต้องการจัดเปลี่ยนตำแหน่งของปุ่มควบคุมด้านล่าง ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ยังเปลี่ยนสี และการตอบสนองของปุ่มโฮมได้ด้วย
Samsung Galaxy S8 ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Multi-Windows หรือการใช้งานแอปพลิเคชัน 2 แอปพร้อมๆ กัน โดยวิธีการเรียกใช้งานก็ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่กดปุ่ม Recent Apps ค้างไว้ จากนั้นให้เลือกให้เลือกแอปพลิเคชันที่ต้องการใช้งาน เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว โดยเราสามารถยืด หรือย่อสัดส่วนของแอปตามที่ต้องการได้
Samsung Galalaxy S8 รองรับระบบยืนยันตัวตนด้วยกันทั้งหมด 6 รูปแบบ ประกอบด้วย Pattern, PIN, Password, สแกนใบหน้า, สแกนลายนิ้วมือ และระบบสแกนม่านตา โดยในส่วนของสแกนลายนิ้วมือนั้น รองรับทั้งหมด 4 นิ้วด้วยกัน
ส่วนระบบสแกนม่านตานั้น ผู้ใช้จะต้องไปลงทะเบียนม่านตาของเราเสียก่อน ซึ่งในขณะที่ลงทะเบียนม่านตา ควรถอดแว่นตา และคอนแท็กเลนส์ เพื่อให้ตัวระบบสามารถเก็บรายละเอียดม่านตาได้แบบครบถ้วน ซึ่งเมื่อเสร็จสิ้นผู้ใช้สามารถตั้งค่าปลดล็อคตัวเครื่อง รวมถึงการใช้ยืนยันการทำธุรกรรมผ่านบริการ Samsung Pay ด้วยม่านตาได้
ลองทดสอบฟีเจอร์สแกนม่านตากันดูเสียหน่อย ซึ่งจากที่ทีมงานได้ทดลองนั้น พบว่าสามารถสแกนได้อย่างรวดเร็ว ส่วนใครที่ใส่แว่นตาอยู่ก็ไม่ต้องถอดเข้า-ถอดออก เพราะตัวเซ็นเซอร์สามารถสแกนทะลุแว่นสายตา และแว่นกันแดด รวมทั้ง ยังสามารถสแกนในที่มืดได้ด้วย
นอกเหนือจากระบบยืนยันตัวตนแบบใหม่ที่เพิ่มเข้ามาแล้ว Samsung Galaxy S8 ยังมีฟีเจอร์การใช้งานแบบอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกหลายจุด เช่น การปรับเปลี่ยนความละเอียดหน้าจอด้วยตนเอง เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ หรือรับชมคอนเทนต์แบบความละเอียดสูง โดยสามารถปรับความละเอียดได้ตั้งแต่ HD+ (720p) ไปจนถึง WQHD+ (2K) หรือฟีเจอร์ Edge Lighting ซึ่งจะเป็นวิธีการแจ้งเตือนแอปพลิเคชันต่างๆ ด้วยการแสดงแถบไฟที่ขอบเครื่องนั่นเอง
ข้ามมาที่ประสิทธิภาพการทำงานกันบ้าง โดย Samsung Galaxy S8 เวอร์ชันที่วางจำหน่ายในประเทศไทย มาพร้อมกับขุมพลัง Exynos 8895 ตัวใหม่ล่าสุดแบบ Octa-Core Processor พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟฟิก Mali-G71 และหน่วยความจำ RAM ขนาด 4GB ซึ่งผลทดสอบประสิทธิภาพตัวเครื่องโดยรวม จาก Antutu สามารถทำคะแนนได้ราว 172,896 คะแนน
ทดสอบการประมวลผลของ CPU ด้วย Geekbench 4 ทำคะแนนในส่วนของการประมวลผลแบบ Single-Core ได้ 2,000 คะแนน และทำคะแนนการประมวลผลแบบ Multi-Core ได้ 6,189 คะแนน
แน่นอนว่า ด้วยขุมพลังที่อยู่ภายใน Galaxy S8 ทำให้สามารถเล่นเกมกราฟิกสวยๆ อย่าง Dynasty Warrior Unleashed หรือ Afterpulse ได้แบบลื่นไหล ไม่ปรากฏอาการหน่วงให้เห็น
ส่วนประเด็นที่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า อัตราส่วนหน้าจอแบบใหม่ของ Galaxy S8 จะทำให้แอปพลิเคชัน, เกม หรือคลิปวิดีโอแสดงผลได้เต็มจอหรือไม่ ? และจะเหลือขอบดำที่ด้านข้างหรือเปล่า? โดยจากที่ทีมงานทดสอบก็พบว่า แอปพลิเคชันบางส่วนนั้น รองรับการแสดงผลที่สัดส่วน 18.5 : 9 แล้ว ทำให้สามารถใช้งานได้เต็มหน้าจอ ไม่เหลือขอบดำให้เห็น
อย่างไรก็ดี ในขณะนี้ยังมีแอปพลิเคชันบางตัวยังไม่รองรับสัดส่วนจอแบบใหม่ ทำให้เหลือขอบดำด้านบนอยู่ แต่ผู้ใช้สามารถขยายให้แสดงผลแบบเต็มจอได้ ด้วยการกดปุ่ม Recent Apps ค้างไว้ จากนั้นให้กดไอคอนตามภาพด้านต้น
หากเป็นเกม สามารถตั้งค่าผ่าน Game Tools (ไอคอนขวาล่างสุด) เลือกคำว่า Full Screen
อย่างที่ทราบกันว่า Bixby หรือระบบผู้ช่วยอัจฉริยะคนใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามานั้น ถือว่าเป็นการติดตั้งใช้งานบนซีรีส์ Samsung Galaxy S8 เป็นครั้งแรก สำหรับการเรียกใช้งาน Bixby นั้น ก็ทำได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่กดปุ่ม Bixby ที่อยู่ด้านข้างตัวเครื่อง โดยความสามารถของ Bixby ถูกแบ่งออกเป็น 3 หัวใจหลักด้วยกัน ประกอบด้วย Bixby Home, Bixby Vision และ Bixby Voice
เริ่มต้นที่ Bixby Home กันก่อน โดยฟีเจอร์ดังกล่าว จะเป็นการแสดงข้อมูลต่างๆ จากแอปพลิเคชันที่ Bixby รองรับ (คล้ายฟังก์ชัน Cards ของ Google Now) ทำให้ผู้ใช้งานสามารถดูการแจ้งเตือนต่างๆ ของแอปในตัวเครื่องได้ โดยไม่ต้องนั่งไล่เปิดทีละตัวนั่นเอง ซึ่งแอปพลิเคชันที่รองรับ Bixby ในขณะนี้ ยังมีจำนวนไม่มากเท่าไหร่นัก แต่คาดว่าในอนาคต จะมีการพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อรองรับอีกมากมายอย่างแน่นอน โดยวิธีเข้าถึงฟีเจอร์นี้มีอยู่ 2 วิธีด้วยกัน ได้แก่ การกดปุ่มเรียก Bixby ที่ด้านข้าง หรือปัดหน้าจอไปด้านขวาจากหน้าโฮมสกรีน
ส่วน Bixby Vision จะเป็นฟีเจอร์สำหรับหาข้อมูลสิ่งของ, แปลภาษา หรือการหาข้อมูลไวน์ ที่อยู่ตรงหน้าเราได้ เพียงแค่ยกกล้องขึ้นมาส่องเท่านั้น โดยการใช้งาน ผู้ใช้จะต้องเปิดแอปพลิเคชันกล้องที่ติดมากับตัวเครื่องเสียก่อน จากนั้นให้แตะที่สัญลักษณ์ Vision ตามภาพด้านต้น และยกกล้องส่องไปที่วัตถุที่เราต้องการหาข้อมูลได้เลยทันที
ลองทดสอบด้วยการหาข้อมูลเจ้าหุ่น R2D2 กันซักหน่อย
ซึ่งก็พบว่า Bixby สามารถหาข้อมูลได้อย่างถูกต้อง แต่ในเบื้องต้น ข้อมูลที่ได้จะมาจาก Pinterest เท่านั้น ซึ่งคาดว่าจะมีการอัปเดตเพิ่มฐานข้อมูลจากหลายๆ แหล่งในอนาคตครับ
ด้าน Bixby Voice หรือระบบคำสั่งเสียงนั้น ผู้ใช้สามารถเรียกใช้งานได้ง่ายๆ เพียงแค่กดปุ่ม Bixby ค้างเอาไว้ และสั่งการด้วยเสียงทันที แต่ในขณะนี้ฟีเจอร์ดังกล่าวยังไม่สามารถใช้งานได้ โดยทาง Samsung ระบุว่า จะมีการปล่อยอัปเดตให้ใช้งานได้จริงภายในช่วงเดือนมิถุนายนนี้
Samsung Galaxy S8 ได้รับการอัปเกรดกล้องหน้าใหม่ ด้วยอัปเกรดความละเอียดมากขึ้นเป็น 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.7 พร้อมติดตั้งระบบ Autofocus มาให้แล้ว ซึ่งช่วยทำให้สามารถถ่ายเซลฟี่ได้แบบคมชัดมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับโหมดปรับหน้า Beauty, โหมดถ่ายภาพเซลฟี่แบบกว้าง (Wide-Selfie) รวมถึงเอฟเฟ็กต์สติ๊กเกอร์ลายต่างๆ เพื่อตกแต่งหน้าตาผู้ใช้งาน
ส่วนกล้องหลังถึงแม้สเปกโดยรวมยังคล้ายคลึงกับ Galaxy S7 แต่ทาง Samsung ได้ปรับปรุงซอฟท์แวร์ใหม่ด้วยการใส่ Enhanced Image Processing หรือระบบประมวลผลภาพรูปแบบใหม่ ที่จะถ่ายภาพหลายๆ ใบ แล้วนำมาซ้อนกัน เพื่อช่วยให้ถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น และยังช่วยเพิ่มแสงสว่างในการถ่ายภาพตอนกลางคืน และลด Noise ในเวลาเดียวกัน โดยโหมดกล้องของ Galaxy S8 ยังคงติดตั้งมาให้แบบครบครันเช่นเดิม ทั้ง โหมดโปร, พาโรนามา, Slow motion หรือ Selective Focus สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า แบบไม่ตกแต่ง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า พร้อมปรับโหมด Beauty ที่ระดับ 2
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า พร้อมปรับโหมด Beauty ที่ระดับ 4
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า พร้อมปรับโหมด Beauty ที่ระดับ 7
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า พร้อมสติ๊กเกอร์
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง
Samsung Galaxy S8 เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ได้รับการอัปเกรดขึ้นไปอีกขั้นต่อจาก Galaxy S7 โดยจุดเด่นหลักๆ ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ชัดคือ ดีไซน์ตัวเครื่องแบบใหม่ ไร้ขอบ ไร้ปุ่มโฮม พร้อมหน้าจอขอบโค้ง Infinity Display ไซส์ใหญ่เต็มตา 5.8 นิ้ว ซึ่งการที่ Galaxy S8 มีแต่หน้าจอแบบขอบโค้งนั้น อาจทำหลายฝ่ายอาจสงสัยว่า นิ้วมือจะไปโดนขอบหรือไม่ แต่จริงๆ แล้ว หน้าจอของ Galaxy S8 จะมีความโค้งที่ลงลึกน้อยกว่า Galaxy S7 พอสมควร
ส่วนทางด้านงานออกแบบอง Galaxy S8 ยังคงเลือกใช้โลหะผสานกระจก (Metal-Glass) พร้อมคุณสมับติกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 อยู่เช่นเดิม แต่ได้ยกเครื่องประสิทธิภาพการทำงานภายในใหม่หมดจด ด้วยขุมพลัง Exynos 8895 ตัวแรง ที่ผลิตด้วยสถาปัตยกรรมการผลิตระดับ 10 นาโนเมตร ซึ่งทาง Samsung ระบุว่า ชิปเซ็ตรุ่นใหม่มีความแรงของ CPU กว่า Galaxy S7 ถึง 10% และประมวลผลกราฟฟิกได้ดีขึ้นราว 50% ด้วยกัน พร้อมจับคู่การทำงานกับหน่วยความจำ RAM ขนาด 4GB ส่งผลให้สามารถทำงานได้อย่างลื่นไหล ส่วนหน่วยความจำภายในนั้น ขยับไปเริ่มต้นที่ความจุ 64GB แล้ว พร้อมรองรับหน่วยความจำภายนอกสูงสุด 256GB ทำให้รวมๆ แล้ว มีที่เก็บข้อมูลถึง 300GB เลยทีเดียว
ด้านกล้องหน้าที่เคยเป็นจุดอ่อนของ Galaxy S7 ก็ได้รับการพัฒนามากขึ้น ด้วยการเพิ่มความละเอียดเป็น 8 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ Autofocus ที่คอยช่วยโฟกัสใบหน้าผู้ใช้งานมาให้แล้ว ส่วนกล้องหลังไม่นูนแล้ว พร้อมรับการต่อยอดมากยิ่งขึ้น ด้วยการใส่ Enhanced Image Processing นอกจากนี้ Galaxy S8 ยังได้เพิ่มลูกเล่นใหม่อย่าง เซ็นเซอร์สแกนม่านตา ซึ่งเป็นเทคโนโลยี ที่มีความปลอดภัยสูงกว่าสแกนลายนิ้วมือ รวมทั้ง ยังได้ใช้งาน Bixby ระบบผู้ช่วยอัจฉริยะเป็นรุ่นแรก ทำให้ Galaxy S8 มีความแตกต่างจาก Galaxy รุ่นก่อนๆ มากพอสมควร
สำหรับ Samsung Galaxy S8 มีให้เลือกทั้งหมด 5 สีด้วยกัน ประกอบด้วย สี Midnight Black, Orichid Gray, Coral Blue, Artic Silver และ Maple Gold โดยเคาะราคาวางจำหน่ายในประเทศไทยเอาไว้ที่ 27,900 บาท ซึ่งดูจากราคาแล้วจะเห็นได้ว่า มีราคาเปิดตัวสูงกว่า Galaxy S7 ราว 4,000 บาทด้วยกัน แต่หากพิจารณาจากหน้าจอแสดงผลที่ใหญ่ขึ้น, ความจุเพิ่มขึ้นเท่าตัว, กล้องหน้าชัดขึ้น รวมถึงฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่เพิ่มมา อย่าง เซ็นเซอร์สแกนม่านตา และผู้ช่วยอัจฉริยะ Bixby ก็ถือว่าคุ้มค่าน่าอัปเกรดครับ
จุดเด่นของ Samsung Galaxy S8
จุดที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม
ข้อควรทราบ: “เครื่อง Samsung Galaxy S8 ที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้ เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทาง ซัมซุง เท่านั้น ยังไม่ใช่เครื่องที่วางจำหน่ายจริงแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นตัวเครื่อง หรือฟังก์ชันการทำงานบางอย่างอาจจะยังไม่สมบูรณ์ 100% เหมือนกับเครื่องที่วางจำหน่ายจริง”
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Samsung Galaxy S8 สามารถติดตามได้ที่นี่
เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S8 และ Galaxy S8+ สองสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุด ต่างกันอย่างไร มาดูกัน!
เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S8 และ Galaxy S7 ต่างกันอย่างไร มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง?
---------------------------------------
บทความรีวิวโดย : techmoblog.com
Update : 27/04/2017
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |