เปิดตัวกันไปสดๆ ร้อนๆ กับ Samsung Galaxy S8 และ S8+ หลังจากที่เห็นแต่ข่าวหลุดกันมานาน ในที่สุดวันนี้ก็ได้เห็นหน้าตาและสเปกเครื่องที่แท้จริงแบบเป็นทางการกันแล้ว พัฒนาการของ Samsung Galaxy S8 ที่เด่นชัดที่สุดคงหนีไม่พ้นดีไซน์เกือบไร้ขอบที่ทำให้หน้าจอแสดงผล Super AMOLED มีขนาดใหญ่กว่าเดิมโดยยังคงขนาดกะทัดรัดพอดีมือไว้ได้ และคราวนี้ยังเป็นหน้าจอขอบโค้งทั้งรุุ่นธรรมดาและรุ่น Plus (ไม่มีจอแบบปกติแล้ว) ปุ่มโฮมที่คุ้นหน้าคุ้นตากันมานานก็ถูกตัดออกและเปลี่ยนมาเป็นปุ่มโฮมแบบ on-screen แทน ส่วนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือก็ถูกย้ายไปอยู่ด้านหลังตัวเครื่อง นอกจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์สแกนม่านตาแบบเดียวกับ Galaxy Note 7 ที่สแกนใบหน้าได้ด้วย และที่สำคัญยังมาพร้อมกับชิปเซ็ตประมวลผล Exynoss 8895 ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุดในขณะนี้ จัดว่าเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่มาแรงที่สุดในช่วงต้นปี 2017 เลยก็ว่าได้
ในเมื่อเรือธงตัวเต็งเปิดตัวออกมาแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะต้องนำไปเปรียบเทียบกับคู่แข่งตลอดกาลอย่าง iPhone 8 แม้ว่าที่เรือธงจาก Apple นี้จะมีกำหนดการเปิดตัวช่วงเดือนกันยายนแต่ก็มีข่าวคราวออกมาให้ติดตามกันตลอด ซึ่งข้อมูลล่าสุดระบุว่า iPhone 8 อาจจะไม่ใช่ชื่ออย่างเป็นทางการ แต่อาจใช้ชื่อ iPhone Edition, iPhone X หรือ iPhone Pro แทน โดยเปลี่ยนดีไซน์เป็นแบบจอชิดขอบ (edge-to-edge) ไม่มีปุ่มโฮม อาจมาพร้อมแถบ Touch Bar แบบใน MacBook Pro (2016) ใต้หน้าจอเพื่อการทำงานที่สะดวกยิ่งขึ้น ระบบสแกนลายนิ้วมือแบบ Touch ID และระบบ 3D Touch จะถูกฝั่งอยู่ใต้หน้าจอ และสามารถสแกนตรงจุดใดของหน้าจอก็ได้ ส่วนด้านการถ่ายภาพคาดว่าจะมีการติดตั้งกล้องคู่ด้านหลังในรุ่นท็อป ส่วนกล้องหน้าจะได้รับการอัปเกรดใหม่ โดยทำหน้าที่เป็นเซ็นเซอร์สแกนม่านตาและใบหน้าไปด้วยในตัว และอาจรองรับการถ่ายภาพแบบ 3 มิติได้อีกด้วย สำหรับราคาเปิดตัวอาจเริ่มต้นที่ 35,000 บาท สูสีกับ iPhone 7 Plus เลยทีเดียว
แม้ว่า iPhone 8 จะยังไม่ได้วางจำหน่ายและข้อมูลยังไม่นิ่ง แต่ด้วยความที่สองแบรนด์นี้เป็นคู่แข่งที่ตีคู่สูสีกันมาตลอดหลายๆ คนก็อดไม่ได้ที่จะต้องนำทั้ง 2 รุ่นนี้มาเปรียบเทียบกันสักหน่อย ในวันนี้ทางทีมงาน Techmoblog จึงได้นำข้อมูลล่าสุดของทั้ง 2 รุ่นมาเปรียบเทียบกันอย่างคร่าวๆ เพื่อให้เห็นภาพรวมของสเปกกันก่อนครับ
ดีไซน์ภายนอก
หากยึดดีไซน์จากเรนเดอร์ล่าสุดของ iPhone 8 จะเห็นว่ามีความใกล้เคียงกับ Samsung Galaxy S8 ด้วยดีไซน์เกือบไร้ขอบ มีพื้นที่แสดงผลมากขึ้นบนตัวเครื่องขนาดเท่าเดิม อย่างไรก็ดี Samsung Galaxy S8 ค่อนข้างได้เปรียบ iPhone 8 ในด้านของหน้าจอแสดงผลอยู่พอสมควร โดยมาพร้อมจอขนาด 5.8 นิ้วเท่ากัน แต่เป็นแบบ Super AMOLED และมีความละเอียดสูงกว่าที่ 2960 x 1440 พิกเซล ส่วน iPhone 8 นั้นข้อมูลล่าสุดชี้ว่าจะเปลี่ยนจากหน้าจอ IPS มาเป็น OLED ครอบทับด้วยกระจกขอบนูน 2.5D และอาจจะไม่มีรุ่นจอโค้งตามที่คาดกันไว้ ในส่วนของจอโค้งหรือไม่โค้งนั้นขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนมากกว่า จึงฟันธงไม่ได้ว่าว่าใครดีกว่าใคร อย่างไรก็ดี Samsung Galaxy S8 มาพร้อมกับกระจก Gorilla Glass 5 รุ่นใหม่ล่าสุด ส่วน iPhone 8 จะมี Gorilla Glass ด้วยหรือไม่ต้องรอติดตามข้อมูลกันต่อไป
ในส่วนของวัสดุตัวเครื่อง Samsung Galaxy S8 จะเป็นแบบกระจกผสานโลหะ (metal-glass) ไม่มีชิ้นส่วนพลาสติกใดๆ เช่นเดียวกับ Galaxy S7 ซึ่งมอบความรู้สึกพรีเมียมแก่ผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี ส่วน iPhone 8 นั้นคาดว่าจะมีบอดี้เป็นกระจกทั้งหมด โดยมีเฟรมเป็นโลหะสแตนเลส ตัวเครื่องจะมีความโค้งมนมากขึ้นโดยยึดดีไซน์ของ iPhone 3G เป็นต้นแบบ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้จริงก็อดห่วงเรื่องความเปราะบางของตัวเครื่องไม่ได้ แต่เชื่อว่า Apple คงจะมีเทคโนโลยีการผลิตที่ทำให้กระจกมีความคงทนแข็งแรงอยู่ ซึ่งต้องรอทดสอบกันอีกครั้ง
ชิปเซ็ตประมวลผล
Samsung Galaxy S8 มาพร้อมกับชิปเซ็ตประมวลผล Exynoss 8895 ซึ่งนับว่าเป็นรุ่นที่แรงที่สุดของ Samsung แล้วในขณะนี้ โดยมีประสิทธิภาพพอๆกับ Snapdragon 835 ซึ่งในขณะนี้มีสมาร์ทโฟนเพียง 2 รุ่นเท่านั้นที่ใช้ชิปเซ็ตตัวท็อปดังกล่าวคือ Sony Xperia XZ Premium จึงอาจกล่าวได้ว่าชั่วโมงนี้ไม่มีเรือธงรุ่นไหนจะแรงเท่า Samsung Galaxy S8 อีกแแล้ว ส่วน iPhone 8 นั้นคาดว่าจะมาพร้อมชิปเซ็ต Apple A11 Fusion ซึ่งจะยิ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่น A10 ไปอีกขั้น แต่ยังไม่มี Benchmark ออกมาแต่อย่างใดจึงยังบอกไม่ได้ว่าชิปเซ็ตตัวไหนจะเร็วแรงกว่ากัน แต่เชื่อว่าคงไม่ทิ้งห่างกันมากแน่นอน
หน่วยความจำภายใน
Samsung Galaxy S8 และ S8+ มาพร้อมกับหน่วยความจำภายใน 64 GB และ RAM 4 GB ทั้ง 2 รุ่น ในขณะที่ iPhone 8 อาจจะมี RAM มาให้เพียง 3 GB อย่างไรก็ตาม iPhone 8 อาจมีการแบ่งย่อยเป็นหลายรุ่น และในรุ่นท็อปอาจจะมี RAM มากกว่านี้ก็ได้ แต่หากวัดกันตอนนี้คงต้องยกให้ Samsung Galaxy S8 ชนะในยกนี้ไปก่อน เพราะนอกจาก RAM จะเยอะกว่าแล้ว ยังสามารถรองรับหน่วยความจำภายนอกผ่าน microSD สูงสุด 256 GB ได้อีกด้วย
กล้องดิจิทัล
Samsung Galaxy S8 และ S8+ ไม่ได้ตามกระแสกล้องคู่เหมือนแบรนด์อื่นๆ โดยยังคงเป็นกล้องเดี่ยวที่ใช้เทคโนโลยี Dual-Pixel อยู่เหมือนเดิม ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกันกับ Galaxy S7 แและ S7 edge แต่ในครั้งนี้ก็มีการเพิ่มฟีเจอร์ในการถ่ายภาพใหม่ๆ เข้ามาไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี image processing ที่นำภาพมาซ้อนกันจนสามารถถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้คมชัดยิ่งขึ้น และกล้องหน้าที่มาพร้อมระบบโฟกัสอัจฉริยะและลูกเล่นมากมาย
สำหรับ iPhone 8 ยังมีข้อมูลเรื่องกล้องดิจิทัลออกมาน้อยมาก แต่ข้อมูลล่าสุดระบุว่า จะมีการใช้กล้องคู่ Dual-Camera ในรุ่นท็อป ซึ่งจุดเด่นก็น่าจะอยู่ที่การถ่ายภาพหน้าชัดหหลังเบลอหรือภาพแนวละลายหลังเช่นเดิม แต่อาจจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในส่วนนี้จึงต้องรอดูข้อมูลเพิ่มเติมกันต่อไปครับ
ฟีเจอร์การใช้งานอื่นๆ
สำหรับเทคโนโลยีและฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจนั้น iPhone 8 อาจมาพร้อมกับเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือที่สามารถสแกนตรงไหนของหน้าจอก็ได้ ซึ่งนับเป็นมิติใหม่ของวงการทีเดียว นอกจากนี้ยังว่ากันว่าจะนำแถบ Touch Bar ใน MacBook Pro (2016) มาประยุกต์ใช้อีกด้วย ซึ่งน่าจะทำให้ผู้ใช้มีอิสระในการใช้งานมากกว่าแถบ Navigation Bar ทั่วๆ ไป อย่างไรก็ตาม แม้ Samsung Galaxy S8 จะไม่ได้มาพร้อมกับเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือที่แปลกใหม่ แต่ก็ชดเชยด้วยระบบสแกนม่านตาและใบหน้า อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า iPhone 8 ก็สามารถทำได้เช่นกัน และอาจจะพิเศษกว่าตรงที่กล้องหน้าสามารถถ่ายภาพแบบ 3D ได้ด้วย แต่การถ่ายภาพ 3D นั้นจะเป็นอย่างไรและมีประโยชน์มากน้อยแค่ไหน ยังคงต้องติดตามกันต่อไปครับ
อย่างไรก็ดี ข้อมูลสเปกของ iPhone 8 ที่นำมาเทียบในบทความนี้ มาจากการรวบรวมข้อมูลต่างๆ ที่ออกมาจนถึงปัจจุบันเท่านั้น อาจคลาดเคลื่อนไปจากสเปกเมื่อวางจำหน่ายจริงได้ จึงไม่อาจตัดสินได้ว่าสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่นนี้ดีกว่าหรือแย่กว่ากันอย่างไร ที่สำคัญคือสมาร์ทโฟนจะดีหรือไม่ดีนั้น ขึ้นอยู่กับความชอบของผู้ใช้มากกว่า หากสมาร์ทโฟนตอบโจทย์การใช้งานของผู้ใช้ได้อย่างเต็มที่ แม้ไม่ใช่เรือธงสเปกสูงๆ ก็ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ยอดเยี่ยมได้ครับ
---------------------------------------
บทความโดย : techmoblog.com
Update : 30/03/2017
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |