ห่างหายจากการเปิดตัวแท็บเล็ต Samsung Galaxy Tab S-Series รุ่นใหม่ไปนานถึงปีเศษ นับตั้งแต่การเปิดตัว Samsung Galaxy Tab S3 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2017 และล่าสุด Samsung Galaxy Tab S4 แท็บเล็ตเรือธงระดับพรีเมียมรุ่นใหม่ ก็ได้เปิดตัวและวางจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการแล้ว เรียกได้ว่า การกลับมาในครั้งนี้เป็นการพลิกโฉมแบบครั้งใหญ่ ทั้งดีไซน์และสเปก อีกทั้งยังอัดแน่นด้วยฟีเจอร์น่าสนใจอีกเพียบเลยทีเดียว
โดย Samsung Galaxy Tab S4 มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ ไร้ปุ่ม Home ด้วยขอบจอที่มีขนาดบางลงกว่า Samsung Galaxy Tab S3 อย่างเห็นได้ชัด เช่นเดียวกับสเปกที่อัปเกรดให้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน โดยมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 10.5 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล ใหญ่กว่าและหน้าจอละเอียดกว่ารุ่นเดิม, ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 835 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.35 GHz, หน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB, หน่วยความจำ ROM ขนาด 64 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 400 GB, กล้องด้านหน้า ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, กล้องด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่ขนาด 7,300 mAh พร้อมรองรับระบบชาร์จเร็ว ที่สามารถชาร์จจาก 0% ให้เต็ม 100% ได้ในเวลา 200 นาทีเท่านั้น
สำหรับอุปกรณ์เสริมที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของรุ่นนี้ นั่นก็คือ ปากกา S Pen ที่ได้รับการออกแบบใหม่ แตกต่างจากดีไซน์ของปากกา S Pen บน Galaxy Tab S3 โดยมีลักษณะคล้ายกับปากกาลูกลื่น และจับได้ถนัดมือมากขึ้น ใช้ขีดเขียนได้สะดวกกว่าเดิม แต่ยังคงรองรับแรงกดได้เท่าเดิมที่ 4,096 ระดับ และรองรับฟีเจอร์ Screen-Off Memo ที่สามารถขีดเขียนบนหน้าจอได้แม้ว่าหน้าจอจะดับอยู่ อีกทั้งปากกา S Pen ยังแถมมาให้ในกล่องผลิตภัณฑ์โดยที่ไม่ต้องไปหาซื้อเพิ่ม
ส่วน Samsung Galaxy Tab S4 แท็บเล็ตเรือธงรุ่นนี้ จะน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน มาพิสูจน์ไปพร้อม ๆ กันกับ รีวิว Samsung Galaxy Tab S4 โดยทีมงาน techmoblog ครับ
>> สเปก Samsung Galaxy Tab S4 อย่างละเอียด คลิกที่นี่
สำหรับดีไซน์ของ Samsung Galaxy Tab S4 นั้น เรียกได้ว่า พลิกโฉมจาก Samsung Galaxy Tab S3 รุ่นก่อนหน้าเลยก็ว่าได้ ด้วยการตัดปุ่ม Home ด้านล่าง และโลโก้ Samsung ที่ด้านบนออก และปรับขอบหน้าจอให้บางลงกว่าเดิมเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการแสดงผล แต่ดีไซน์ของ Samsung Galaxy Tab S4 นั้น จะไม่ใช่แบบ Infinity Display เหมือนกับมือถือ Samsung เนื่องจากต้องเหลือขอบด้านข้างไว้สำหรับจับถือตัวเครื่องนั่นเอง
โดย Samsung Galaxy Tab S4 นั้น มีขนาดหน้าจออยู่ที่ 10.5 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล ในอัตราส่วน 16:10 และมีขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 249.3 x 164.3 x 7.1 มิลลิเมตร, น้ำหนัก 483 กรัม
ด้านบนของหน้าจอแสดงผล (แนวตั้ง) ประกอบด้วย กล้องด้านหน้า ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, เซ็นเซอร์ต่าง ๆ และ Iris Scanner สำหรับสแกนม่านตา
ด้านล่างของหน้าจอแสดงผล เป็นปุ่มควบคุมการทำงานแบบสัมผัส (On-Screen) ประกอบด้วย ปุ่ม Recent Apps, ปุ่ม Home และปุ่มย้อนกลับ
ด้านขวาของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ไมโครโฟน, ปุ่มปรับระดับเสียง, ปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดตัวเครื่อง หรือล็อกหน้าจอแสดงผล และถาดใส่ซิมการ์ด ซึ่ง Samsung Galaxy Tab S4 นั้น รองรับการใช้งานซิมการ์ดเดียว (nanoSIM) โดยเป็นถาดใส่ซิมการ์ดแบบถาดเดียว ด้านหนึ่งสำหรับใส่ซิมการ์ด อีกด้านหนึ่งสำหรับใส่ microSD Card ที่รองรับสูงสุด 400 GB
ด้านซ้ายของตัวเครื่อง เป็น Pin สำหรับเชื่อมต่อกับ Docking Keyboard ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมที่ผู้ใช้ต้องซื้อแยกเองต่างหาก
ด้านบนของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ลำโพงเสียงภายนอก 2 ตัว (ซ้าย-ขวา), เส้นเสาสัญญาณ และไมโครโฟน
ส่วนด้านล่างของตัวเครื่อง เป็นลำโพงเสียงภายนอกอีก 2 ตัว (รวมทั้งหมด 4 ตัว) ซึ่งลำโพงเสียงได้รับการปรับจูนโดย AKG, เส้นเสาสัญญาณ, พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB-C และช่องหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
สำหรับด้านหลังตัวเครื่อง เป็นพื้นผิวเรียบเงา ประกอบด้วย กล้องด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, ไฟแฟลชแบบ LED และ โลโก้ Samsung
ด้านปากกา S Pen บน Samsung Galaxy Tab S4 นั้น ได้มีการออกแบบใหม่ให้มีลักษณะคล้ายกับปากกาลูกลื่น จับได้ถนัดมือมากขึ้น โดยหัวปากกาเป็นยาง ขนาด 0.7 มิลลิเมตร รองรับแรงกดได้ 4,096 ระดับ ส่วนขนาดปากกายาว 138 มิลลิเมตร น้ำหนัก 9.1 กรัม
Samsung Galaxy Tab S4 ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 (Oreo) และอินเทอร์เฟส Samsung Experience เวอร์ชัน 9.5
สามารถเลือกเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์, Widget รวมถึงย้ายไอคอนแอปฯ ต่าง ๆ ได้ตามรูปแบบการใช้งาน
Samsung Galaxy Tab S4 รองรับ Bixby เวอร์ชัน 2.2 ซึ่งในหน้า Bixby Home จะประกอบด้วยคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่ผู้ใช้ให้ความสนใจ รวมถึงข้อมูลและกิจกรรมต่าง ๆ ของผู้ใช้จะถูกรวมมาไว้ในหน้าเดียว
ฟังก์ชันการแจ้งเตือน (Nofitication) นั้น สามารถเข้าสู่เมนูลัดสำหรับตั้งค่าการใช้งานในเบื้องต้นได้หลากหลาย ทั้ง Wi-Fi, Bluetooth, ล็อกการหมุนของหน้าจอ, ไฟฉาย, Airplane Mode, ปรับความสว่างของหน้าจอ และอื่น ๆ
รองรับ Multi-Window ฟีเจอร์การเปิดใช้งาน 2 แอปพลิเคชันพร้อมกันในหน้าจอเดียว ซึ่งรองรับทั้งแนวตั้งและแนวนอน
การปัดนิ้วขึ้นจากหน้า Home จะเข้าสู่ App Drawer รวมแอปพลิเคชันที่มีทั้งหมดในตัวเครื่อง เบื้องต้นนั้น มีแอปพลิเคชันพื้นฐานของทาง Samsung, Google และ Microsoft ติดตั้งมาให้เรียบร้อยแล้ว
Samsung Galaxy Tab S4 เป็นแท็บเล็ตที่สามารถใช้งานเป็นโทรศัพท์ได้ และรองรับซิมการ์ดเดียว แต่เนื่องจากตัวเครื่องไม่มีช่องหูฟังสำหรับสนทนา ฉะนั้นแนะนำให้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมอย่าง หูฟัง Bluetooth จะสะดวกต่อการใช้งานมากกว่า
Samsung Galaxy Gift แอปพลิเคชันที่มาพร้อมกับส่วนลดและดีลพิเศษจากร้านค้าชั้นนำมากมาย ซึ่งเป็นสิทธิพิเศษสำหรับผู้ใช้ Samsung Galaxy เท่านั้น
สำหรับฟังก์ชัน Air Command ซึ่งเป็นเมนูลัดสำหรับปากกา S Pen ยังคงรองรับเมนูที่ผู้ใช้ Galaxy Note ส่วนใหญ่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว อย่างเช่น สร้างบันทึก (Create Note), ดูบันทึกทั้งหมด (View All Notes), การเลือกอัจฉริยะ (Smart Select), การเขียนบนหน้าจอ (Screen Write), Live Message หรือ แปลภาษา (Translate) เป็นต้น ซึ่งผู้ใช้สามารถเพิ่มเมนูลัดที่ใช้งานบ่อยได้ตามการใช้งาน
ฟีเจอร์ Live Message นั้น เป็นฟีเจอร์สำหรับวาดภาพ, เขียนตัวอักษร หรือเขียนข้อความบนภาพถ่าย แล้วบันทึกภาพเป็นไฟล์ GIF เพื่อส่งต่อให้เพื่อนได้ ซึ่งถือว่าเป็นอีกฟีเจอร์ที่มีประโยชน์ อาจนำไปประยุกต์ใช้สำหรับอธิบายงาน หรือโปรเจ็คต่าง ๆ ให้ผู้รับได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นกว่าการอธิบายผ่านตัวอักษรหรือพูดปากเปล่า
Samsung Galaxy Tab S4 รองรับฟีเจอร์ Screen-Off Memo สามารถเขียนหน้าจอด้วยปากกา S Pen ได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องปลดล็อกตัวเครื่องก่อน (เขียนตอนหน้าจอดับอยู่ได้)
รองรับฟีเจอร์ตัวกรองแสงสีฟ้า กับการจำกัดปริมาณแสงสีฟ้าบนหน้าจอด้วยการเปลี่ยนสีบนหน้าจอให้เป็นสีเหลืองนวล เพื่อลดอาการล้าที่ดวงตาเมื่อใช้เป็นเวลานาน ๆ หรือใช้ในที่แสงน้อย
Smart Manager แอปพลิเคชันสำหรับดูแลและบำรุงรักษาอุปกรณ์ ซึ่งสามารถปรับการตั้งค่าได้หลายส่วนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น แบตเตอรี่, พื้นที่จัดเก็บในภายตัวเครื่อง, เคลียร์ RAM, สถานะความปลอดภัย และควบคุมปริมาณการรับส่งข้อมูลผ่านเครือข่าย
แม้ว่า Samsung Galaxy Tab S4 จะไม่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ แต่ในด้านความปลอดภัยและการปลดล็อกตัวเครื่องนั้น มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่เรียกว่า Intelligent Scan หรือการสแกนอัจฉริยะ ด้วยการสแกนม่านตาและสแกนใบหน้าในคราวเดียวกัน ซึ่งถือว่ามีความปลอดภัยกว่าการสแกนใบหน้าหรือสแกนม่านตาเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง อีกทั้งยังใช้เวลาสแกนเพื่อปลดล็อกตัวเครื่องในเวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้น
อีกหนึ่งฟังก์ชันที่ถือว่าเป็นไฮไลท์เด่นบน Samsung Galaxy Tab S4 นั่นก็คือ Samsung DeX หรือการใช้งานแบบ PC Mode (เข้าไปเปิดใช้งานโหมด Samsung DeX ได้ที่ การตั้งค่า > คุณสมบัติขั้นสูง > Samsung DeX) ซึ่งโหมดนี้จะเปลี่ยนอินเทอร์เฟสให้คล้ายกับการใช้งานบนคอมพิวเตอร์พีซี, เปิดใช้งานแอปพลิเคชันได้หลายหน้าจอพร้อมกัน อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อออกจอมอนิเตอร์ได้ และเปลี่ยนแท็บเล็ตให้กลายเป็น TouchPad หรือแป้นพิมพ์แบบสัมผัสแทน
ส่วนการออกจากโหมด Samsung DeX ให้เข้าไปที่ การตั้งค่า > Samsung DeX และเลือกปิด
แม้ว่า Samsung Galaxy Tab S4 จะไม่ได้มาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 845 รุ่นล่าสุด แต่ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 835 นั้นก็ถือเป็นชิปเซ็ตเรือธงเช่นกัน อีกทั้งตัวเครื่องยังมาพร้อมกับหน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB ทำให้สามารถรองรับการเล่นเกมกราฟิกสูงได้ รวมถึงเกมยอดนิยมอย่าง ROV และ PUBG Mobile ก็สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหลเช่นกัน อย่างไรก็ดี แม้ตัวเครื่องจะมาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 10.5 นิ้ว ที่ช่วยทำให้การแสดงผลคมชัดและเต็มตา แต่ในเรื่องของความสะดวกในการจับถือเล่นเกม โดยเฉพาะเกมที่ต้องใช้ปุ่มบังคับจากหน้าจอ ไม่ค่อยสะดวกเท่าใดนัก เหมาะสำหรับเกมที่ไม่จำเป็นต้องใช้ปุ่มบังคับจากหน้าจอมากกว่า อย่างเช่น Asphalt 8 เป็นต้น
มาทดสอบ Benchmark บน Samsung Galaxy Tab S4 กันบ้าง ซึ่งการทดสอบด้วยโปรแกรม AnTuTu ทำได้ 195,681 คะแนน ส่วนการทดสอบด้วยโปรแกรม Geekbench 4 ทำได้ 1,892 คะแนน และ 6,158 คะแนน สำหรับการทดสอบแบบ Single-Core และ Multi-Core ตามลำดับ
Samsung Galaxy Tab S4 ประกอบด้วยกล้องด้านหน้าและกล้องด้านหลัง ซึ่งกล้องด้านหน้า ความละเอียดอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องด้านหลัง ความละเอียดอยู่ที่ 13 ล้านพิกเซล ส่วนโหมดถ่ายรูปมีให้เลือกใช้ไม่มากเหมือนกับบนมือถือ Samsung ซึ่งกล้องด้านหน้า ประกอบด้วยโหมดโฟกัสสำหรับเซลฟี่ (ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ), โหมดเซลฟี่ (สามารถปรับความเนียนของผิว, ใบหน้า และตาโตได้สูงสุด 8 ระดับ), โหมดสติกเกอร์ และโหมดถ่ายภาพมุมกว้าง ส่วนกล้องด้านหลัง ประกอบด้วยโหมด HDR, Panorama, Pro, ความงาม, อัตโนมัติ, สติกเกอร์ และ Hyperlapse
นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าการใช้งานในส่วนอื่น ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น ขนาดรูปภาพ, ขนาดวิดีโอ, เปิด-ปิดตัวจับเวลา (สูงสุด 10 วินาที), จุดตัดเก้าช่อง, แท็กสถานที่ และอื่น ๆ
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องด้านหน้า โหมดเซลฟี่ ปรับความเนียนของผิวที่ระดับ 4
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องด้านหน้า โหมดเซลฟี่ ปรับความเนียนของผิวที่ระดับ 8
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องด้านหน้า โหมด Selfie Focus ปรับความเนียนของผิวที่ระดับ 8
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องด้านหน้า โหมดสติกเกอร์
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องด้านหลัง โหมดอัตโนมัติ
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องด้านหลัง โหมดอัตโนมัติ
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องด้านหลัง โหมดอัตโนมัติ
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องด้านหลัง โหมดอัตโนมัติ
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องด้านหลัง โหมดอัตโนมัติ
จากการทดสอบใช้งาน Samsung Galaxy Tab S4 แท็บเล็ตรุ่นเรือธงเป็นระยะเวลาหนึ่ง เรียกได้ว่า แท็บเล็ตรุ่นนี้ตอบโจทย์การใช้งานแทบทุกด้านเลยก็ว่าได้ นอกจากคุณสมบัติด้านการขีดเขียนที่ถือว่าเป็นจุดขายของรุ่นนี้แล้ว Samsung Galaxy Tab S4 ยังรองรับการใช้งานทั้งการเล่นเกม และมัลติมีเดียอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยหน้าจอแสดงผลขนาด 10.5 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล ในอัตราส่วน 16:10 และลำโพงจาก AKG มากถึง 4 ตัว ที่ให้เสียงกระหึ่มแบบรอบทิศทาง
สำหรับปากกา S Pen บน Samsung Galaxy Tab S4 นั้น ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีลักษณะเหมือนปากกามากขึ้น จับได้ถนัดมือมากขึ้น ซึ่งรองรับแรงกดได้ 4,096 ระดับ และมีน้ำหนักเบาเพียง 9.1 กรัมเท่านั้น นอกจากนี้ ตัวปากกา S Pen ยังรองรับฟังก์ชัน Air Command ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ผู้ใช้คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น สร้างบันทึก (Create Note), ดูบันทึกทั้งหมด (View All Notes), การเลือกอัจฉริยะ (Smart Select), การเขียนบนหน้าจอ (Screen Write), Live Message หรือ แปลภาษา (Translate) นอกจากนี้ ยังรองรับฟีเจอร์ Screen-Off Memo สามารถเขียนหน้าจอด้วยปากกา S Pen ได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องปลดล็อกตัวเครื่องก่อน แต่น่าเสียดายที่ Samsung Galaxy Tab S4 ไม่มีช่องเก็บปากกา และตัวปากกาไม่ได้มาพร้อมกับแม่เหล็กสำหรับดูดติดกับตัวเครื่อง ทำให้ผู้ใช้จะต้องหาเคส หรือกระเป๋าใส่แยกต่างหาก เพื่อป้องกันไม่ให้ปากกา S Pen หล่นหาย
ด้านการประมวลผลนั้น มาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 835 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.35 GHz, หน่วยประมวลผลภาพกราฟิก Adreno 540 GPU, หน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB และหน่วยความจำ ROM ขนาด 64 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 400 GB ส่วนแบตเตอรี่มีขนาดความจุมากขึ้นเป็น 7,300 mAh (จากเดิม 6,000 mAh บน Galaxy Tab S3) และรองรับระบบชาร์จเร็ว ทำให้สามารถชาร์จจาก 0% จนเต็ม 100% ได้ในเวลาแค่ 200 นาทีเท่านั้น
นอกจากนี้ Samsung Galaxy Tab S4 ยังมาพร้อมกับโหมด Samsung DeX หรือ PC Mode กับการเปลี่ยนอินเทอร์เฟสให้คล้ายกับคอมพิวเตอร์พีซี และสามารถเปิดแอปพลิเคชันได้หลายหน้าจอพร้อมกันโดยไม่ต้องสลับหน้าจอไปมา อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อออกจอมอนิเตอร์ได้ และเปลี่ยนแท็บเล็ตให้กลายเป็น TouchPad หรือแป้นพิมพ์แบบสัมผัสแทน ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานอีกเท่าตัว
แม้ว่า Samsung Galaxy Tab S4 จะไม่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ แต่ก็มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่เรียกว่า Intelligent Scan หรือการสแกนอัจฉริยะ ด้วยการสแกนม่านตาและสแกนใบหน้าในคราวเดียวกัน ซึ่งถือว่ามีความปลอดภัยกว่าการสแกนใบหน้าหรือสแกนม่านตาเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง อีกทั้งยังใช้เวลาสแกนเพื่อปลดล็อกตัวเครื่องในเวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้น
ส่วนราคาค่าตัวของ Samsung Galaxy Tab S4 อยู่ที่ 23,900 บาท มีให้เลือก 1 สี นั่นก็คือ สีดำ สามารถทดสอบใช้งานกันได้ที่ Samsung Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
จุดเด่นของ Samsung Galaxy Tab S4
จุดที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม
ข้อควรทราบ : เครื่อง Samsung Galaxy Tab S4 ในบทความรีวิวนี้ เป็นเพียงเครื่องทดสอบเท่านั้น คุณสมบัติบางอย่างอาจยังไม่สมบูรณ์ 100% และอาจไม่ตรงกับตัวเครื่องที่วางจำหน่ายจริง
------------------------------------
บทความรีวิวโดย : techmoblog.com
Update : 16/10/2018
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |