ปัจจุบันนี้ คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า กระแสด้านการออกกำลังกาย และการดูแลสุขภาพกำลังมาแรงอย่างมาก ทั้งการวิ่งมาราธอน, นัดเพื่อนฝูงไปปั่นจักรยาน หรือการเข้าฟิตเนสก็ตาม แน่นอนว่า อุปกรณ์เสริมที่มีบทบาทสำคัญสำหรับคนรักสุขภาพในยุคนี้ ก็คงจะเป็นอุปกรณ์ประเภทสวมใส่ (Wearable) ต่าง ๆ รวมไปถึง นาฬิกาอัจฉริยะ หรือ Smartwatch ที่ในปัจจุบัน มีให้เลือกกันหลายรุ่นเลยทีเดียว โดยผลิตภัณฑ์ที่ทีมงาน techmoblog จะนำมา รีวิว ให้ชมกันในวันนี้ นั่นก็คือ Samsung Gear Fit2 ที่เรียกได้ว่า เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์เสริมที่ คนรักสุขภาพ ควรจะต้องมีติดตัวไว้สักเรือน
สำหรับแบรนด์ซัมซุงนั้น นอกเหนือจากการผลิตสมาร์ทโฟนรุ่นดังออกมาวางจำหน่ายแล้ว ในด้านของอุปกรณ์ประเภท Wearable ทางซัมซุง ก็เคยบุกเบิกตลาดมาแล้วเช่นกัน ในตระกูล Gear นั่นเอง ซึ่ง Samsung Gear Fit2 รุ่นนี้ เป็นรุ่นสานต่อของ Gear Fit รุ่นแรกที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2014 โดยได้มีการปรับปรุงและพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก ทั้งในด้านดีไซน์ และฟังก์ชันการใช้งานต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์มากกว่ารุ่นเก่า เริ่มตั้งแต่หน้าจอสัมผัสแบบ Curved Super AMOLED ที่โค้งมนรับกับข้อมือมากขึ้น พร้อมการแสดงผลที่ละเอียดกว่าเดิม, หน่วยความจำ RAM เพิ่มเป็น 512 MB, หน่วยความจำภายในเพิ่มขึ้นเป็น 4 GB, ระบบ GPS ในตัว, ปรับปรุงเซ็นเซอร์ตรวจวัดการเต้นของหัวใจให้แม่นยำยิ่งขึ้น, คุณสมบัติในการป้องกันน้ำและฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 และรองรับรูปแบบของการออกกำลังกายมากถึง 15 ประเภทอีกด้วย
มาดูกันดีกว่าว่า Samsung Gear Fit2 นาฬิกาอัจฉริยะรุ่นสานต่อนี้ จะน่าใช้กว่าเดิมมากแค่ไหน และมีฟังก์ชันการใช้งานอะไรบ้าง กับ รีวิว Samsung Gear Fit2 โดยทีมงาน techmoblog ครับ
Samsung Gear Fit2 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาด 1.5 นิ้ว แบบ Curved Super AMOLED ความละเอียด 216 x 432 พิกเซล และกระจกหน้าจอแบบ Gorilla Glass 3 ที่มีความโค้งในระดับ 47.65R รับกับข้อมือผู้ใช้ได้มากขึ้น ซึ่งกรอบหน้าจอผลิตมาจาก อโนไดซ์อะลูมิเนียม ในขณะที่ส่วนประกอบอื่น ๆ เป็นพลาสติกโพลีคาร์บอเนต และไฟเบอร์กลาส
Samsung Gear Fit2 มีขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 24.5 x 51.2 มิลลิเมตร ส่วนน้ำหนักอยู่ที่ 28 กรัม ถ้าหากใช้สายข้อมือขนาดเล็ก หรือ 30 กรัม ถ้าหากใช้สายข้อมือขนาดใหญ่ (รุ่นทดสอบใช้สายข้อมือขนาดใหญ่)
ด้านขวาของตัวเรือน ประกอบด้วย ปุ่ม Home (ปุ่มเล็ก) และปุ่มย้อนกลับ (ปุ่มใหญ่)
ส่วนด้านซ้ายของตัวเรือน ไม่มีปุ่มควบคุมใด ๆ
ด้านหลังของตัวเรือน ประกอบด้วย เซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Monitor), GPS, Accelerometer Sensor, Gyro Sensor, Barometer และขั้วโลหะ 2 จุดสำหรับเชื่อมต่อกับแท่นชาร์จ ภายในบรรจุแบตเตอรี่ขนาด 200 mAh
สำหรับสายรัดข้อมือของ Gear Fit2 นั้น ทำมาจาก Elastomer ซึ่งเป็นวัสดุประเภทพอลิเมอร์ หรือยางสังเคราะห์ชนิดพิเศษ ที่มีความยืดหยุ่นและทนทานสูง
สำหรับการถอดสายรัดข้อมือออกนั้น ให้ใช้เล็บดันร่องข้างปุ่มปลดล็อก และดึงสายออกมาตามแนวตั้ง ส่วนการใส่กลับ ให้นำสลักโลหะที่ปลายของสายรัดข้อมือสอดเข้าไปในช่องที่อยู่บนตัวเรือน และดันสลักให้เข้าที่
สำหรับแท่นชาร์จแบตเตอรี่บน Samsung Gear Fit2 นั้น เป็นแท่นชาร์จแบบแม่เหล็ก พร้อมขั้วจ่ายไฟที่ถูกติดตั้งไว้ทั้ง 2 ด้านซ้ายและขวา ฉะนั้น ไม่ว่าจะวาง Gear Fit2 ด้านไหน ก็สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เช่นกัน
สำหรับความแตกต่างระหว่าง Samsung Gear Fit2 (ซ้าย) กับ Samsung Gear Fit รุ่นแรก (ขวา) คงจะเริ่มกันตั้งแต่ดีไซน์เลยก็ว่าได้ โดย Gear Fit2 ถูกปรับลดความยาวของหน้าจอลง และเพิ่มพื้นที่หน้าจอให้กว้างขึ้นแทน ทำให้มีพื้นที่ในการแสดงผลมากขึ้น และสามารถแสดงผลในแนวตั้งได้ ต่างจาก Gear Fit รุ่นแรก ที่แสดงผลในแนวนอนอย่างเดียว
Gear Fit2 (ซ้าย) จะมีปุ่มกด 2 ปุ่ม ได้แก่ ปุ่ม Home และปุ่มย้อนกลับ ในขณะที่ Gear Fit รุ่นแรก (ขวา) จะมีเพียงแค่ปุ่มเดียว
ส่วนด้านซ้ายของตัวเรือนทั้ง 2 รุ่น ไม่มีปุ่มควบคุมใด ๆ เหมือนกัน
สำหรับเซ็นเซอร์ต่าง ๆ และขั้วชาร์จแบตเตอรี่ที่อยู่ด้านหลังตัวเรือน มีดีไซน์ที่ต่างกัน นอกจากนี้ เซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจบน Gear Fit2 จะมีความแม่นยำกว่าอีกด้วย
สายรัดข้อมือของ Gear Fit รุ่นแรก (ขวา) จะมีเนื้อสัมผัสที่แข็งกว่า มีลวดลายที่แตกต่างกัน รวมไปถึงโลโก้แบรนด์ Samsung ที่ปลายสายรัด ก็มีดีไซน์ที่แตกต่างกันอีกด้วย
Samsung Gear Fit2 ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Tizen ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการของซัมซุงเอง โดยหน้าปัดจะมีการแสดงข้อมูลพื้นฐาน 4 อย่างด้วยกัน ได้แก่ เวลา, จำนวนชั้นที่เดินขึ้นของวันนี้, จำนวนก้าวเดินของวันนี้ และอัตราการเผาผลาญแคลอรี่ของวันนี้ ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบของหน้าปัดได้บนสมาร์ทโฟน ด้วยการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Samsung Gear มาใช้งาน
การปัดจากขวาไปซ้าย จะเป็นการแสดงเมนูการใช้งานต่าง ๆ เริ่มต้นกันที่ หน้าสรุปอัตราการเผาผลาญแคลอรี่ของวันนี้
รองรับรูปแบบของการออกกำลังกายได้ถึง 15 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ การวิ่ง, การเดิน, การเดินป่า, การปั่นจักรยาน, ลู่เดินไฟฟ้า, จักรยานออกกำลังกาย, เครื่องเดินวงรี, ลู่วิ่งไฟฟ้า, การบริหารขา, การบริหารหน้าท้อง, การเล่นท่าสควอช, การเล่นพิลาทิส, การเล่นโยคะ และเครื่องกรรเชียงบก
วัดจำนวนก้าวเดินในแต่ละวัน โดยสามารถตั้งเป้าหมายได้ตามใจ
นับสถิติของการเดินขึ้นบันได โดยจะแสดงค่าเป็นจำนวนชั้นที่ขึ้นได้ในแต่ละวัน
ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ พร้อมกับเก็บสถิติ และสามารถดูข้อมูลย้อนหลังได้ว่า อัตราการเต้นของหัวใจที่ผ่านมานั้นเป็นอย่างไร
ถ้าหากกดที่ปุ่ม Home จะเป็นทางลัดสำหรับการเข้าใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ เช่น การตั้งค่า, เครื่องเล่นเพลง, สถิติในรอบวัน, การออกกำลังกาย, การเดิน, การเดินขึ้น, การเต้นของหัวใจ, การแข่งขันกับเพื่อน, การดื่มน้ำ, การดื่มกาแฟ, การค้นหามือถือ, นาฬิกานับเวลาถอยหลัง และนาฬิกาจับเวลา
การลากจากขอบด้านบนของหน้าจอลงมา จะเป็นเมนูแสดงสถานะของการเชื่อมต่อ, ความสว่างของหน้าจอ, โหมด Do Not Disturb และเครื่องเล่นเพลง
ส่วนการปัดหน้าจอจากซ้ายไปขวา จะเป็นส่วนของการแจ้งเตือนต่าง ๆ เช่น ข้อความ, สายที่ไม่ได้รับ, อีเมล และอื่น ๆ ซึ่งในส่วนนี้ จะเป็นการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนโดยตรง ไม่ต้องหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาดูให้เสียเวลา
นอกจากนี้ เมื่อมีสายเรียกเข้า เข้ามา ก็จะปรากฏบนหน้าจอของ Gear Fit2 ด้วยเช่นกัน สามารถกดรับสาย, วางสาย หรือตอบปฏิเสธด้วยข้อความ
ดูกันที่ตัว Gear Fit2 กันไปแล้ว ต่อไปมาดูการใช้งานบนแอปพลิเคชัน Gear กันบ้าง (สามารถดาวน์โหลดได้ที่ Samsung Galaxy Apps) เริ่มกันที่ หน้าปัดนาฬิกา ที่มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ
ตั้งค่าการแจ้งเตือนต่าง ๆ สามารถเลือกได้ว่า จะให้การแจ้งเตือนแบบไหนบน Gear Fit2
เรียงลำดับแอปพลิเคชันใหม่ หรือลบแอปพลิเคชันออกจาก Gear Fit2
เลือกส่งเพลงไปยัง Gear Fit2
โหมดการค้นหา Gear Fit2
นอกจากนี้ ยังรองรับการใช้งานคู่กับแอปพลิเคชัน S Health อีกด้วย
สำหรับ Samsung Gear Fit2 รุ่นนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นแรกอย่าง Gear Fit ถือว่า ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นอย่างมากเลยทีเดียว เริ่มกันตั้งแต่ดีไซน์ตัวเครื่อง ที่ถูกออกแบบให้โค้งมนรับกับข้อมือมากขึ้น, หน้าจอแสดงผลละเอียดมากขึ้น, หน่วยความจำภายในตัวเครื่องที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้สามารถเก็บข้อมูลได้มากกว่าเดิม, เพิ่ม Barometer เซ็นเซอร์ตรวจวัดความกดอากาศ, ปรับปรุงเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจให้แม่นยำกว่าเดิม, รองรับรูปแบบของการออกกำลั้งกายได้มากถึง 15 ประเภท รวมไปถึงด้านการชาร์จแบตเตอรี่ที่สะดวกมากกว่าเก่า ด้วยแท่นชาร์จแบบแม่เหล็ก นอกจากนี้ ยังไม่พลาดทุกการเชื่อมต่อบนสมาร์ทโฟน ด้วยการแจ้งเตือนบน Gear Fit 2 อีกด้วย เรียกได้ว่า นาฬิกาอัจฉริยะรุ่นนี้ ตอบโจทย์ทุกการใช้งานรอบตัวเลยทีเดียว
ในส่วนของราคาค่าตัว Samsung Gear Fit2 นั้น อยู่ที่ 6,500 บาท ซึ่งเปิดตัวด้วยราคาที่สูงกว่า Gear Fit รุ่นแรกเล็กน้อย (ราคาเปิดตัว 5,900 บาท) แต่เมื่อพิจารณากันที่คุณสมบัติที่มีรอบด้านแล้ว ถือว่า คุ้มค่าต่อการใช้งานอยู่พอสมควร ยิ่งผู้ที่รักสุขภาพ และสนใจด้านการออกกำลังกายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถือว่า เป็นการลงทุนที่น่าสนใจไม่น้อยอีกด้วย
โดย Samsung Gear Fit2 เริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา ผู้ที่สนใจสามารถทดลองใช้งาน และหาซื้อกันได้ที่ Samsung Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
จุดเด่นของ Samsung Gear Fit2
จุดที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม
ข้อควรทราบ: “เครื่อง Samsung Gear Fit2 ที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้ เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทาง ซัมซุง เท่านั้น ยังไม่ใช่เครื่องที่วางจำหน่ายจริงแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นตัวเครื่อง หรือฟังก์ชันการทำงานบางอย่างอาจจะยังไม่สมบูรณ์ 100% เหมือนกับเครื่องที่วางจำหน่ายจริง”
---------------------------------------
บทความรีวิวโดย : techmoblog.com
Update : 08/07/2016
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |