สื่อนอกวิจารณ์ Siri ของ Apple อาจยังไม่ดีพอสำหรับสงคราม AI ในอนาคต

ในยุคที่ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้กลายมาเป็นผู้ช่วยสุดตัวสุดแสนอัจฉริยะ และถูกแบรนด์ไอทียักษ์ใหญ่ติดตั้งให้มาพร้อมกับผลิตภัณฑ์ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น Google Assistant จากฝั่ง Google, Alexa บน Amazon Echo, Cortana จาก Microsoft หรือแม้แต่ผู้ช่วยอัจฉริยะ Siri ที่ถูกติดตั้งมาให้เราเห็นจวบจนถึงปัจจุบันก็เป็นเวลากว่า 5 ปีได้แล้ว แต่ด้วยความสามารถในขณะนี้ ทางสื่อ The Verge ได้ออกมาให้ความเห็นว่า Siri อาจยังเป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพไม่ดีมากพอในสงครามแห่ง AI ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต

Walt Mossberg นักเขียนจากเว็บไซต์ The Verge ได้ลงความเห็นเกี่ยวกับผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Siri ผ่านหัวข้อเรื่อง "Why does Siri seem so dumb?" หรือ "ทำไม Siri ถึงดูทึ่มได้เพียงนี้" โดยเขาเริ่มเล่าว่า ตนเองมีความผูกพันธ์กับ Siri กว่าผู้คนทั่วๆ ไปมาก เนื่องจากเขาเคยได้ไปยืนอยู่บนเวทีเดียวกับกลุ่มผู้คิดค้น Siri ที่ทำการเปิดตัวไปเมื่อปี 2009 ซึ่งในขณะนั้น Siri ยังคงเป็นเพียงแค่แอปพลิเคชันจากผู้พัฒนาภายนอกบน App Store ก่อนที่ Apple จะนำ Siri มาติดตั้งบน iPhone 4S และเปิดตัวในปี 2011 เป็นลำดับต่อมา 

ในปัจจุบัน Siri ได้ก้าวข้ามจากเดิมที่อยู่บนไอโฟน ให้กลายร่างมาเป็นผู้ช่วยทั้งบน iPad, Mac และ Apple TV ซึ่งหากดูจากการติดตั้ง Siri ไว้บนผลิตภัณฑ์อื่นๆ อาจเป็นเรื่องดี แต่จริงๆ แล้ว Walt ไม่ได้คิดเช่นนั้น เพราะความสามารถของ Siri ยังคงมีจำกัดแม้ว่าจะเป็นไม้เด็ดของ Apple ในยุคที่ AI เริ่มพัฒนาให้มีความเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ หากเปรียบเทียบกับคู่แข่งแล้ว Siri อาจเป็นแค่เพียงผู้เล่นคนสำรองในหมู่ AI จากแบรนด์อื่นๆ แต่จะด้วยเหตุผลอะไรนั้น ลองไปติดตามพร้อมๆ กันดีกว่าครับ

การปรับปรุงครั้งใหญ่ที่ไม่ค่อยได้เห็น

ฟีเจอร์ที่ Siri รองรับ

ดูเหมือนว่าการพัฒนาของ Siri จะเป็นไปอย่างเชื่องช้าเมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่นอย่าง Google, Amazon, Microsoft หรือ Facebook ที่กำลังเฉิดฉายอยู่บนท้องตลาดในขณะนี้ จริงอยู่ที่ Siri มีการเพิ่มฟีเจอร์ให้รองรับการค้นหาคำตอบหมวดใหม่ๆ อยู่ตลอด เช่น กีฬา, ภาพยนต์ และร้านอาหาร แต่ดูเหมือนว่าฟีเจอร์เหล่านี้ยังคงเป็นแค่เรื่องพื้นๆ และยังไม่มีการปรับเปลี่ยนแบบ major change มาเป็นระยะเวลาพอสมควรแล้ว ซึ่งหนึ่งในฟีเจอร์ใหม่ที่อาจพอเป็นอาวุธเด็ดได้ก็คือ แพลตฟอร์ม HomeKit ที่เราสามารถสั่งการให้ Siri อำนวยความสะดวกภายในบ้านอย่างง่ายๆ ได้ เช่น " เปิดไฟ" หรือ "เปิดฮีทเตอร์ในห้องน้ำ"

Amazon Echo

แต่ความสามารถเหล่านี้ยังคงเป็นรอง Alexa ผู้ช่วยของ Amazon Echo อยู่มากเนื่องจาก Alexa สามารถเฝ้ารอฟังคำสั่งเราได้ตลอดเวลา ทำให้ไม่ต้องกดปุ่ม Home บนไอโฟนค้างเพื่อเรียก Siri ขึ้นมาฟังเราแต่อย่างใด รวมทั้งการรอฟังคำสั่งเสียงจาก Alexa ก็ยังไว้ใจได้มากกว่า Siri ที่แม้ว่าจะเรียกใช้งานด้วยการพูด "Hey Siri" โดยไม่ต้องกดปุ่มได้ และสั่งการต่อได้เลยทันที แต่บางครั้งก็มักจะเกิดความผิดพลาดหรือไม่ถูกเรียกขึ้นมาด้วย

คำถามในปัจจุบันที่บางครั้ง Siri ยังให้คำตอบไม่ได้?

Walt ลองทำการทดสอบ Siri บนหลากหลายอุปกรณ์เกี่ยวกับคำถามรอบโลกในปัจจุบัน และพบว่า Siri มักจะให้คำตอบที่ไม่ตรงตามที่ต้องการอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งสวนทางกับที่ Apple ได้เสนอความสามารถของผู้ช่วยอัจฉริยะเอาไว้ภายในเว็บไซต์ โดยตัวเขาเล่าเหตุการณ์ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่า Siri ไม่สามารถตอบคำถามเกี่ยวกับการเลือกตั้งในประเทศสหรัฐฯ ได้ เช่น จะมีการดีเบตวันไหน หรือแม้แต่การตอบคำถามเกี่ยวกับตารางการแข่งขันเบสบอล World Series นอกจากนี้เมื่อลองถาม Siri เกี่ยวกับสภาพอากาศที่ Crete ซึ่งเขาหวังว่า Siri จะให้คำตอบของหมู่เกาะ Crete ในประเทศกรีก สถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดัง แต่กลับได้สภาพอากาศของหมู่บ้านเล็กๆ ในสหรัฐฯ มาซะอย่างนั้น ซึ่งค่อนข้างจะสวนทางกับที่ผู้คนส่วนใหญ่อยากได้คำตอบในเชิงอื่นมากกว่า

เมื่อทดสอบกับคู่แข่งอย่าง Google Now ที่ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ผู้ช่วยตัวล่าสุดที่ใช้บนมือถือ Pixel ที่มีความฉลาดยิ่งขึ้น แต่ทว่ากลับให้คำตอบที่เขาถามได้อย่างถูกต้องและชัดเจน โดย Walt ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงส่งข้อความผ่านช่องทางทวิตเตอร์ไปหาแอปเปิล และได้รับทราบข้อความว่า ทางบริษัททางบริษัทมุ่งมั่นที่จะพัฒนา Siri อย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการสั่งงานของผู้คนนับล้านในแต่ละวัน อันประกอบไปด้วย การโทรศัพท์, ส่งข้อความ และหาสถานที่ แต่แอปเปิลกลับไม่ได้เน้นย้ำถึงคำถามแบบยาวๆ เหมือนที่นาย Walt ได้ทดสอบมากนัก โดยแอปเปิลระบุว่า คำถามในแนวนี้เกิดขึ้นแค่เพียงไม่กี่ร้อยครั้งต่อวันเท่านั้น 

การนำไปใช้ในชีวิตประจำวันยังเป็นเรื่องทุลักทุเล

แอปเปิล ยังได้เปิดเผยอีกว่า Siri มุ่งมั่นที่จะทำให้คุณสามารถใช้งานอุปกรณ์ชนิดแบบที่ว่าไม่ต้องแตะต้องเลย แต่เมื่อมีการทดสอบจริง Siri กลับทำงานได้ไม่ตามเป้า และมักจะยึดการทำงานจากข้อมูลที่มีอยู่บนตัวเครื่องหรือบน iCloud เพียงเท่านั้น ซึ่งหากอ่านแล้วคงยังไม่เห็นภาพชัดเท่าไหร่นัก แต่หากดูที่ Walt ลองถาม Siri บนอุปกรณ์ Mac ว่า "จะต้องใช้เวลาเท่าไหร่เพื่อไปถึงที่ทำงาน" เขาได้รับคำตอบกลับมาเพียงแค่สั้นๆ ว่า Siri ไม่มีที่ตั้งของที่ทำงาน Walt แม้ว่าเขาจะระบุสถานที่ทำงานลงบนรายชื่อผู้ติดต่อในหน้าข้อมูลส่วนตัวเขาเอง อีกทั้งโดยปกติแล้วข้อมูลดังกล่าวสามารถซิงค์หากันระหว่างอุปกรณ์ได้ แต่ Siri กลับหาคำตอบให้ไม่ได้

นอกจากนี้เขายังเปิดเผยด้วยว่าแม้จะมีการซิงค์ข้อมูลปฏิทินไปยัง iPad แล้ว Siri กลับให้คำตอบเกี่ยวกับตารางนัดหมายไม่ได้เช่นเดิม โดยพูดกลับมาว่า "ขอโทษนะ Walt แต่ดูเหมือนว่ามีบางสิ่งผิดพลาด" และพูดย้ำข้อความในทำนองนี้อยู่หลายรอบ แต่พอกลับไปถามบนไอโฟนกลับให้คำตอบได้อย่างถูกต้อง หรือแม้แต่ลองสั่งให้ Siri หารูปที่ถ่ายในเมือง York ประเทศอังกฤษ แต่ Siri กลับผสมรูปถ่ายที่ปะปนกับที่เค้าเคยถ่ายในสหรัฐฯ มาให้ ถึงแม้ว่า Siri จะรับคำสั่งเสียงมาอย่างถูกต้องแล้วก็ตาม

Tim Cook คือใคร? บางครั้ง Siri ก็สับสน

อาจเป็นเรื่องตลกร้ายสำหรับ Siri เมื่อเขาลองถามคำถามว่า "Who is Tim Cook?" หรือ "ทิม คุก คือใคร" แต่ Siri กลับโชว์รายชื่อผู้ติดต่อบนโทรศัพท์ซึ่งมีชื่อ Tim Cook แทนที่จะโชว์ประวัติส่วนตัวหรือผลงานจากการค้นหาบนโลกอินเทอร์เน็ต แต่เมื่อลองถามคำถามเดียวกันกับ Google Now บน Samsung Galaxy S7 พบว่าผู้ช่วยจาก Google สามารถเข้าใจคำสั่งเป็นอย่างดี แล้วเปิดหน้าวิกิพีเดียเพื่อบอกประวัติให้ทราบทันที โดยไม่สับสนกับข้อมูลผู้ติดต่อบนเครื่องที่แม้ว่าจะมีชื่อ Tim Cook เหมือนกันก็ตาม

ทั้งนี้ทาง Walt ทิ้งท้ายเอาไว้ว่า Siri ยังคงมีความสามารถที่โดดเด่นอยู่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการเดาเบอร์โทรปริศนาโดยอ้างอิงจากข้อมูลในอีเมล หรือแม้แต่จดจำตำแหน่งที่จอดรถของเรา อย่างไรก็ตาม ความสามารถของของ Siri ในปัจจุบันยังคงมีจำกัด และอาจไม่เพียงพอต่อการก้าวมาเป็นอาวุธเด็ดจาก Apple ในสงครามแห่งโลกปัญญาประดิษฐ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น ถึงแม้ว่า Apple จะจุดประกายความฝันให้แก่ผู้ใช้งานด้วยความสามารถของ Siri ที่ไม่อาจคาดเดาได้ แต่การพลิกโฉม AI ให้ก้าวล้ำยิ่งกว่า ยังต้องการอะไรที่มากกว่านั้น

---------------------------------------
ที่มา : The Verge
แปลและเรียบเรียง : techmoblog.com

Update : 13/10/2016

Apple Siri