รัฐบาลนิวเจอร์ซี และคณะกรรมาธิการการค้าแห่งสหรัฐอเมริกา (Federal Trade Commission) ได้ยื่นฟ้องบริษัท Vizio ผู้ผลิต Smart TV ในข้อหาทำการเก็บข้อมูลส่วนตัวของลูกค้ากว่า 11 ล้านคนผ่านโปรแกรมใน Smart TV โดยไม่ได้รับอนุญาต และล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา บริษัท Vizio ก็ยินยอมจะจ่ายค่าชดเชยจำนวน 2.2 ล้านเหรียญ หรือราว 77 ล้านบาทเพื่อยุติคดีความ แม้จะยืนยันว่าการเก็บข้อมูลไม่ได้เป็นไปตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใดก็ตาม
ฝ่ายโจทก์อ้างว่า บริษัท Vizio ได้แอบเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ผ่าน Smart TV มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2014 โดยใช้เทคโนโลยี pixel-reading เพื่อเปรียบเทียบรายการที่ลูกค้ากำลังรับชมกับรายการที่มีอยู่ในฐานข้อมูลว่าตรงกับรายการใด ซึ่งในฐานข้อมูลมีตั้งแต่รายการสด, รายการที่บันทึกเตรียมไว้ฉาย, ภาพยนตร์ และรายการอื่นๆ อีกหลายประเภท
นอกจากนี้โจทก์ยังกล่าวหาอีกว่า Vizio ทำการเก็บข้อมูลส่วนตัวตั้วแต่ เพศ อายุ รายได้ สถานภาพ ขนาดของที่พักอาศัย ระดับการศึกษา และข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมสำหรับผู้ที่ชมรายการใดๆ แบบเฉพาะเจาะจง และนำข้อมูลที่ได้ไปจำหน่ายให้กับบริษัทโฆษณา ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์มากเนื่องจากทำให้ทราบพฤติกรรมการรับชมของผู้ใช้ และสามารถป้อนโฆษณาได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น และมีโอกาสเห็นโฆษณามากขึ้น
อย่างไรก็ดี บริษัท Vizio ยืนยันว่าโปรแกรมที่ฝังอยู่ใน Smart TV ไม่ได้นำข้อมูลการรับชมไปผูกกับข้อมูลส่วนตัวอย่างชื่อ-สกุลหรือข้อมูลส่วนตัวอื่นใดของลูกค้า แต่ในท้ายที่สุดก็ยอมจ่ายค่าชดเชยจำนวน 2.2 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 77 ล้านบาทเพื่อยุติคดีความ พร้อมกับแถลงการณ์ว่า ทาง Vizio ได้อัปเดตการแจ้งเตือนการเก็บข้อมูลบางอย่างบนหน้าเว็บไซต์และบนหน้าจอ Smart TV แล้ว พร้อมบอกรายละเอียดและเหตุผลของการเก็บข้อมูล หากผู้ใช้ไม่ยินยอม สามารถสั่งห้ามตัวโปรแกรมไม่ให้ทำการเก็บข้อมูลได้ ดูแถลงการณ์ของ Vizio
การฟ้องร้องในครั้งนี้ได้ข้อสรุปว่า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปบริษัท Vizio จะต้องได้รับการยินยอมจากลูกค้าก่อนเสมอสำหรับการเก็บและจำหน่ายข้อมูลใดๆ ของลูกค้า และข้อมูลที่เก็บไว้ก่อนหน้าวันที่ 1 มีนาคม 2016 จะต้องถูกลบทิ้งทั้งหมดด้วย
---------------------------------------
ที่มา : Mashable
แปลและเรียบเรียง : techmoblog.com
Update : 14/02/2017
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |