ผ่านไปสองเดือนแล้วตั้งแต่ที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาบังคับใช้มาตรการต่อต้านการก่อการร้าย โดยสั่งห้ามผู้โดยสารที่บินมาจากสนามบินหลายแห่งในตะวันออกกลาง ไม่ให้นำแท็บเล็ตและแล็ปท็อปทุกชนิดขึ้นห้องโดยสารบนเครื่องบิน โดยต้องโหลดเป็นสัมภาระใต้ท้องเครื่องเท่านั้น ประเด็นนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางและส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและการท่องเที่ยวไม่น้อย แต่ถึงกระนั้น ดูเหมือนว่ามาตรการดังกล่าวอาจจะขยายวงกว้างออกไปอีก จนอาจครอบคลุมสนามบินทั่วโลกเลยทีเดียว
The Wall Street Journal รายงานว่า ทางการสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ได้ร่วมกันหารือถึงความเป็นไปได้ที่จะบังคับใช้มาตราการดังกล่าวในสนามบินอื่นๆ นอกจากที่กำหนดไว้ในทีแรก ซึ่งอาจครอบคลุมไปถึงสายการบินระหว่างประเทศทั่วโลกเพื่อยกระดับการป้องกันภัยก่อการร้าย โดยทางการยุโรปได้ร้องขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภัยก่อการร้ายแบบเฉพาะเจาะจง เพื่อเพิ่มความเป็นไปได้ในการขยายการบังคับใช้มาตรการ
การหารือครั้งนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยโฆษกของทางคณะกรรมการพิจารณายืนยันว่า ทางฝ่ายสหรัฐอเมริกายังไม่ได้ตัดสินใจในเรื่องใดทั้งสิ้น ขณะเดียวกัน John Kelly เลขาธิการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (NSA) กล่าวว่า มาตรการนี้จะมีผลบังคับใช้ก็ต่อเมื่อมีระดับภัยคุกคามที่สูงจริงๆ เท่านั้น
ยังไม่แน่ชัดว่า การเจรจาครั้งนี้จะจบลงและได้ข้อสรุปเมื่อใด และจะครอบคลุมถึงสนามบินในประเทศไทยด้วยหรือไม่ จึงต้องติดตามความคืบหน้ากันต่อไปอย่างใกล้ชิด แต่หากมีการขยายมาตรการไปทั่วโลกจริง คงส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและการท่องเที่ยวหนักกว่าเดิมแน่นอน เพราะผู้โดยสารจำนวนมากอาจชะลอหรือเปลี่ยนแผนการเดินทางเพื่อหลีกเลี่ยงการโหลดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แสนแพงของตัวเองไว้ใต้ท้องเครื่อง เพราะเป็นที่รู้กันว่ากระบวนการคัดแยกกระเป๋าของสนามบินนั้นไม่ค่อยนุ่มนวลเท่าไหร่
ตัวอย่างกระบวนการคัดแยกกระเป๋าของสนามบิน
--------------------------------------
ที่มา : 9to5Mac
แปลและเรียบเรียง : techmoblog.com
Update : 05/07/2017
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |