กลับมาพบกันตามสัญญากับมหกรรมมือถือครั้งใหญ่รอบกลางปี 2559 ที่คุณต้องไม่พลาด ‘Thailand Mobile Expo 2016 Hi-End’ รวมสุดยอดสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต อุปกรณ์เสริมจากแบรนด์ชั้นนำมากมาย พร้อมโปรโมชั่นเสริมสุดคุ้ม ของแถมจัดเต็ม ส่วนลดมากจนต้องร้องขอชีวิต ! คราวนี้มีรุ่นเด่น น่าจับจองเป็นของเยอะทีเดียวครับ ตั้งแต่ระดับราคา 2-3 พันบาท จนถึงระดับเรือธง 2 หมื่นกว่าบาท และคาดว่า iPhone SE ที่หลายคนรอคอยจะวางจำหน่ายทันช่วงงานด้วย สำหรับวันนี้มาดูรุ่นเด่นประจำงาน #mobilexpo จากแบรนด์ต่างๆ ที่มาออกบูธภายในงานกันครับ
Samsung
Samsung Galaxy J1 mini
เป็นรุ่นเล็กสุดของ Samsung เลยก็ว่าได้ สำหรับ Galaxy J1 mini สมาร์ทโฟน Android ราคาประหยัด หน้าจอแสดงผลแบบ TFT ขนาด 4.0 นิ้ว ชิพประมวลผล Quad-Core 1.2 GHz รันบน Android 5.1, รองรับ 3G ใช้งานได้ 2 ซิมการ์ด หน่วยความจำขนาด 8 GB พร้อม RAM เพียง 786 MB เท่านั้น เหมาะสำหรับใช้งานพื้นฐานทั่วไป นอกนั้นมีครบทั้งวิทยุ FM เครื่องเล่นเพลง กล้องถ่ายภาพหน้าหลัง ทั้งนี้ Samsung ยังไม่ประกาศวางจำหน่ายรุ่นนี้ ณ วันที่ทำบทความ คาดว่าช่วงใกล้งานจะมีข้อมูลออกมาเพิ่มเติมครับ
Samsung Galaxy J5 (2016)
ถึงจะไม่ฮิตเท่า Galaxy J7 แต่น่าจะมีรุ่นภาคต่อของ Galaxy J5 ออกมาจำหน่ายพร้อมกัน สำหรับ Galaxy J5 (2016) ขยายหน้าจอใหญ่ขึ้นเป็น 5.2 นิ้ว (HD) พร้อมอัพกล้องเป็น 13 ล้านพิกเซล (F/1.9) ถ่ายสภาพแสงน้อยได้ดีขึ้น ชิพประมวลผล Snapdragon 410 + RAM 2GB ใกล้เคียงกับรุ่นเดิม ด้านแบตเตอรี่เพิ่มเป็น 3,100 mAh ใช้งานเต็มวันแบบไม่มีปัญหา รองรับ 4G LTE, ใช้งาน 2 ซิมการ์ด และมีให้เลือก 4 สีสัน คาดว่าราคาจะเปิดตัวไม่แพงมากนัก
Samsung Galaxy J7 (2016)
ส่วนตัวคิดว่าจะเป็นรุ่นฮิตของ Samsung แบบรุ่นแรกที่ผ่านมากับ Galaxy J7 (2016) ด้วยคุณสมบัติสเปคสูงขึ้นหลายด้าน ทั้งหน้าจอ Super-AMOLED ขนาด 5.5 นิ้ว (FHD) ชิพประมวลผล Exynos 7870 + RAM 3 GB แรงเทียบชั้นมือถือราคาหมื่นกลางๆ รองรับ 4G LTE ใช้งาน 2 ซิมการ์ด กล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล และความจุแบตเตอรี่ 3,300 mAh มากกว่ารุ่นเดิมประมาณ 10% คาดว่ารุ่นนี้จะเปิดตัวแพงกว่ารุ่นแรกเล็กน้อย (ประมาณ 11,000 บาท) ส่วนของจริงจะมาเท่าไหร่ต้องรอติดตามครับ
Samsung Galaxy A5 (2016)
อัพจากซีรี่ย์ J มาเล่นซีรี่ย์ A สักหน่อยหากคุณมีงบประมาณเยอะขึ้น สำหรับ Galaxy A5 (2016) คาดว่าจะเป็นรุ่นที่ออกโปรโมชั่นแรงทีเดียว ด้านสเปคค่อนข้างน่าสนใจ หน้าจอ Super-AMOLED ขนาด 5.2 นิ้ว (FHD) แสดงผลคมชัด ขนาดบอดี้เล็กพกพาไม่ยาก เฟรมบอดี้โลหะอลูมิเนียม ชิพประมวลผล Octa-Core 1.6G Hz + RAM 2 GB รันบน Android 5.1.1 กล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อม OIS ป้องกันเลนส์สั่นเวลาถ่ายกลางคืน รองรับ 4G LTE และใช้งาน 2 ซิมการ์ด รุ่นนี้สามารถลองเล่นตาม Shop ตัวแทนจำหน่ายก่อนตัดสินใจได้
Samsung Galaxy A7 (2016)
รุ่นยอดนิยมประจำ(ต้น)ปี 2559 ของ Samsung ด้วยรูปลักษณ์สวยงาม คุณสมบัติสเปคอลังการ หน้าจอขนาดใหญ่ พร้อมราคาจับต้องไม่ยาก ‘Galaxy A7 2016’ มาพร้อมกับหน้าจอ Super-AMOLED ขนาด 5.5 นิ้ว (FHD), ชิพประมวลผล Exynos Octa-Core + RAM 3 GB ทำงานรวดเร็วบน Android 5.1.1 ติดกล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ OIS ป้องกันเลนส์สั่น บันทึกวิดีโอ FHD และแบตเตอรี่ 3,300 mAh มีระบบ Fast-Charge เช่นเดียวกับรุ่นราคาแพง มีให้เลือก 4 สีสัน แน่นอนว่าสีชมพูมีวางจำหน่ายบ้านเราแล้วเช่นกัน
Samsung Galaxy Note 5
ถึงจะผ่านมาหลายสมรภูมิ แต่ยังน่าจับจองเป็นอย่างยิ่งกับ ‘Galaxy Note 5’ ด้านจุดขายแตกต่างทั้งหน้าจอขนาดใหญ่ 5.7 นิ้ว (QHD) แสดงผลคมชัด แถมเขียน – วาดภาพบนหน้าจอด้วย S-Pen ได้อีกด้วย แรงเร็วด้วยชิพประมวลผล Exynos 7420 + RAM 4 GB ทำงานรวดเร็วทันใจ ด้านซอฟท์แวร์อัพเกรด Android 6.0 (Marshmallow) เป็นที่เรียบร้อย ติดกล้องความละเอียด 16 ล้านพิกเซล มีระบบ OIS รูรับแสง 1.9 ถ่ายแสงน้อยดีเยี่ยม บอดี้โลหะ ฝาหลังแบบกระจก สวยงามครับโดยเฉพาะสีทอง ทั้งนี้ Galaxy Note 5 ไม่สามารถเพิ่ม microSD ภายนอกได้ ตรงนี้ต้องบริหารพื้นที่ความจุภายในสักหน่อย ทั้งนี้ ราคามีลุ้นว่าจะได้เห็นต่ำกว่า 20,000 บาท ถ้าไม่รีบแนะนำให้รอดูในงานครับ
Samsung Galaxy S6 Edge+
เช่นเดียวกับ Galaxy Note 5 ครับสำหรับ Galaxy S6 Edge+ จอใหญ่ขนาด 5.7 นิ้ว แบบ Dual-Curved โค้งขอบ แสดงผลเต็มตาสะใจมาก วัสดุเฟรมโลหะ ฝาหลังกระจก Gorilla Glass 4 สวยงามอลังการเป็นพิเศษ ด้านประสิทธิภาพการใช้งานเทียบเท่า Galaxy Note 5 เพราะใช้ฮาร์ดแวร์เดียวกัน ทั้งชิพประมวลผล Exynos 7420 + RAM 4 GB เช่นเดียวกับซอฟท์แวร์ปัจจุบันเป็น Android 6.0 เรียบร้อย รวมถึงกล้องความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และเมโมรี่ 32/64 GB ช่วงแรกเปิดตัวค่อนข้างแพงทีเดียว แต่ตอนนี้ราคาปรับลดมาพอสมสมควรแล้วล่ะ
Samsung Galaxy S7 | S7 Edge
อันนี้คือพระเอกหลักของ #mobileexpo พลาดแล้วจะเสียใจจริงๆ งวดนี้ Samsung ทุ่มเทเต็มที่กับ Galaxy S7 และ Galaxy S7 Edge แน่นอน ด้วยความสมบูรณ์แบบทั้งดีไซน์กะทัดรัด บอดี้เฟรมโลหะ มาตรฐาน IP68 สามารถกันน้ำ – กันฝุ่นได้ (ใช้งานปกติชีวิตประจำวัน) ชิพประมวลผล Exynos 8890 แรงสุดในตอนนี้ พร้อมกล้อง Dual-Pixel 12 ล้านพิกเซล ถ่ายสวยทุกสถานการณ์ รองรับ 4G LTE เพิ่ม microSD ภายนอกสูงสุด 128 GB รองรับระบบ Fast-Charge / NFC มาครบ และอุปกรณ์เสริมเพียบ ! รอดูโปรโมชั่นในงานรับรองซี้ดแน่นอน
Samsung Galaxy Tab A 7.0
แท็บเล็ต Android ขนาดหน้าจอ 7.0 นิ้ว ราคาสบายกระเป๋า คาดว่าจะสามารถเป็นเจ้าของได้เร็วๆ นี้ สำหรับ Galaxy Tab A 7.0 หน้าจอ HD ขนาด 7.0 นิ้ว (1280 x 800) แสดงผลพอใช้ได้ เหมาะกับใช้งานแอพพลิเคชั่น / เล่นเกม / ดูหนังสบายๆ ชิพประมวลผล Quad-Core + RAM 1.5 GB รันบน Android 5.1.1 ออฟชั่นครบ รองรับ 4G LTE สามารถใส่ซิมการ์ด โทรออกได้เช่นเดียวกับ Galaxy Tab หลายรุ่นที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังติดกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล แบตเตอรี่ 4,000 mAh ใช้งานเต็มวันสบายๆ คาดว่าราคาจะไม่แพงครับ
Microsoft
Microsoft Lumia 650
วินโดว์โฟนรุ่นใหม่ล่าสุด เพิ่งวางจำหน่ายไม่นานนี้ ชูจุดขายบอดี้บางเฉียบเพียง 6.9 มิลลิเมตร น้ำหนักเบาแค่ 122 กรัม เฟรมบอดี้อลูมิเนียมสุดหรู หน้าจอ OLED ขนาด 5.0 นิ้ว (HD) แสดงผลคมชัด ชิพประมวลผล Snapdragon 212 + RAM 1 GB อาจจะไม่แรงเท่าไหร่ แต่รันบน Windows 10 Mobile เต็มตัว ฟีเจอร์การใช้งานครบ มีแอพพลิเคชั่นเสริมพอสมควร กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล แถม OneDrive ฟรี 15 GB สำหรับเก็บไฟล์ทั่วไป สนนราคา 7,190 บาท
Microsoft Lumia 950
ข้ามมารุ่นรองท็อปเลยกับ Lumia 950 จาก Microsoft แรงเร็วสมราคาด้วยชิพประมวลผล Snapdragon 808 + RAM 3 GB หน้าจอ FHD ขนาด 5.2 นิ้ว ทำให้ตัวเครื่องมีขนาดไม่ใหญ่นัก จับถือมือเดียวสบายๆ รองรับการเชื่อมต่อครบถ้วน มีอุปกรณ์เสริมขยายหน้าจอ / เปลี่ยนโหมดการใช้งาน เมโมรี่ภายใน 32 GB เพิ่มได้สูงสุดถึง 200 GB ติดกล้องความละเอียด 20 ล้านพิกเซล (F/1.9) เลนส์จาก Carl-Zeiss เทคโนโลยี PureView มาครบ แบตเตอรี่ 3,000 mAh เป็นรุ่นที่คาดว่าจะทำโปรโมชั่นแบบเดียวกับ Lumia 950 XL มาดูกันเลยครับ
Microsoft Lumia 950 XL
นี่คือวินโดว์โฟนรุ่นเรือธงในปัจจุบัน จัดเต็มคุณสมบัติระดับสูงทุกประการ ทั้งหน้าจอ AMOLED ClearBlack ขนาดใหญ่ 5.7 นิ้ว (QHD) แสดงผลคมชัดสุดๆ รองรับ 4G LTE แถมใช้งาน 2 ซิมการ์ด เชื่อมต่อครบทุกอย่าง แรงเร็วด้วยชิพประมวลผล Snapdragon 810 + RAM 3 GB สามารถแสดงผลรูปแบบคล้าย Windows เต็มได้ด้วยอุปกรณ์ Dock เสริม เชื่อมต่อกับหน้าจอ (Monitor) ทำงานได้ทุกที่ ตัว Device เองยังมีแอพฯ Office ครบวงจร ใช้งาน OneDrive, Skype ฯลฯ ติดกล้องความละเอียด 20 ล้านพิกเซล มีระบบ OIS, PureView เลนส์ Carl-Zeiss รองรับวิดีโอ 4K แบตเตอรี่ความจุ 3,340 mAh ทั้งนี้ ราคาอาจจะแพงสักหน่อย แต่รับรองว่าของแถมเต็มกระบุงแน่นอน !
Microsoft Surface Pro 4
รอบนี้ยังคงมีแท็บเล็ต Windows 10 สเปคแรงจาก Microsoft วางจำหน่ายเช่นเดิม เพิ่มเติมของแถม + ราคาสุดโดนใจ ‘Surface Pro 4’ โดดเด่นด้านดีไซน์พกพาสะดวก พับตั้งได้หลายองศา พร้อมอุปกรณ์เสริม TypeCover และ Surface Pen สามารถเขียนบันทึก – วาดภาพบนหน้าจอได้เลย ราคาเริ่มต้นประมาณ 33,000 บาท (Core M) และมีให้เลือกถึงระดับ Core i7 ตรงนี้จะเลือกรุ่นไหนอยู่ที่ลักษณะการใช้งานครับ จะลองเล่นตัวจริงก่อนตัดสินใจได้เหมือนกัน
vivo
vivo Y21
หาสมาร์ทโฟน Android รุ่นเล็กไว้ใช้งาน vivo Y21 กำลังดีเลยครับ มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 4.5 นิ้ว ออกแบบเล็กกะทัดรัด ใช้เป็นเครื่องหลักหรือสำรองก็ดี ชิพประมวลผล Quad-Core 1.3 GHz + RAM 1 GB ทำงานรวดเร็วบน Android 5.1 ตรงนี้ vivo ปรับแต่งซอฟท์แวร์มาดีทีเดียว เมโมรี่ภายใน 16 GB เพิ่ม microSD ภายนอกได้อีก และกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
vivo Y51
เอามาลดราคากันอีกรอบ vivo Y51 ฝาหลังแบบเงางาม ขอบบอดี้โลหะมีลายเส้นตัดตรง หน้าจอขนาด 5.0 นิ้ว (qHD) การแสดงผลพอใช้ได้ ชิพประมวลผล Snapdragon 410 + RAM 2 GB รันบน Android 5.1 ยอมรับว่า vivo ปรับแต่งรอมมาลื่นมากๆ ต้องลองเล่นแล้วจะชอบครับ ติดกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รองรับ 4G LTE + ใช้งาน 2 ซิมการ์ด ออฟชั่นครบกำลังดี หรือจะอัพงบอีกหน่อยขึ้นไปเล่นรุ่นบนเลยก็ได้เช่นกัน
vivo Y37
อะไรๆ ก็ลงตัวไปหมดกับ vivo Y37 ทั้งความบางเฉียบเพียง 6.8 มิลลิเมตร บอดี้ฝาหลังโลหะ หน้าจอ IPS ขนาดใหญ่ 5.5 นิว (HD) แสดงผลคมชัด ดูหนัง ดู YouTube เล่นเกมกำลังดี ชิพประมวลผล Snapdragon 615 + RAM 2 GB เหมาะกับการใช้งานพื้นฐานทั่วไป รันบน Android Lollipop ทำงานลื่นสบายๆ นอกจากนี้ vivo Y37 ยังติดลำโพงสเตอริโอคู่ด้านหลัง พร้อมชิพประมวลเสียงแยกอีกด้วย ใครชอบฟังเพลง มีหูฟังดีๆ มาลองได้ที่งานครับ
vivo V3
รุ่นใหม่ล่าสุดที่จะได้เป็นเจ้าของในงานนี้ครั้งแรก เป็นโมเดลอัพเกรดจาก Y35 ครับ โดดเด่นตรงดีไซน์เรียบๆ บางเพียง 7.5 มิลลิเมตร หน้าจอขนาด 5.0 นิ้ว (HD) ชิพประมวลผล Snapdragon 616 + RAM 3 GB ทำงานรวดเร็วบน Android 5.1 ลงแอปพลิเคชั่นเสริมเพียบ ด้านกล้องหลักยังคง 13 ล้านพิกเซล แต่กล้องหน้าแจ่มขึ้น 8 ล้านพิกเซล มีโหมดหน้าสวยด้วย นอกจากนี้ vivo V3 ยังมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ทั้งหมดนี้ราคาไม่ถึง 1 หมื่นบาท
vivo V3 Max
พระเอกหลักของงานนี้ สามารถเป็นเจ้าของพร้อมโปรโมชั่นพิเศษ สำหรับ ‘V3 Max’ จัดเต็มหน้าจอขนาดใหญ่ 5.5 นิ้ว (FHD) ชิพประมวลผลเสียงแยก (แบบ Y37) รองรับ 4G LTE ใช้งาน 2 ซิมการ์ด แรงเร็วกว่าใครด้วยชิพประมวลผล Snapdragon 652 + RAM 4 GB ลื่นสะใจ กล้อง 13 ล้านพิกเซล แบตเตอรี่ 3,000 mAh แถมมีระบบ Fast-Charge ด้วย นอกจากนี้ยังบิ้วท์อินชิพประมวลผลเสียง รองรับไฟล์เสียง Hi-Fi คนชอบฟังเพลงห้ามพลาดเด็ดขาด !
Meizu
Meizu M2
น้องเล็กสุดของแบรนด์ Meizu กำลังโปรโมทหนักในช่วงนี้ เครื่องเล็กกะทัดรัด บางเบา หน้าจอขนาด 5.0 นิ้ว (HD) แสดงผลระดับพอใช้ ชิพประมวลผล Quad-Core + RAM 2 GB ทำงานลื่นไหลบน Android 5.1 รองรับ 4G LTE ใช้งาน 2 ซิมการ์ด พร้อมเพิ่ม microSD ภายนอก กล้อง 13 ล้านพิกเซล ออฟชั่นเยอะพอตัว หน้าตาเรียบง่าย และราคาไม่แพงครับ ประมาณ 5,xxx บาทเท่านั้นเอง
Meizu M3 Note
เป็นรุ่นที่ลุ้นว่าจะมาทันงานนี้หรอกไม่ ‘Meizu M3 Note’ อัพเกรดจากรุ่นก่อนหน้า (M2 Note) หลายส่วน โดยเฉพาะบอดี้เป็นโลหะทั้งหมด ชิพประมวลผล Mediatek Helio P10 + RAM 2 GB (หรือ 3 GB) ประมวลผลแรงขึ้นกว่าเดิมพอตัว เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนปุ่ม Home รองรับ 4G LTE ด้านกล้องยังคง 13 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอ FHD ครับ ส่วนแบตเตอรี่ 4,100 mAh ถูกใจคนชอบสแตนด์บายนานๆ แน่นอน คาดว่าราคาจะไม่สูงมากนัก
Meizu MX5
รุ่นระดับกลางที่ส่วนตัวมองว่าเยี่ยมเลยกับราคาไม่ถึง 10,000 บาทกับ ‘Meizu MX5’ โดดเด่นด้วยดีไซน์เรียบง่าย บอดี้โลหะ Unibody พร้อมคุณสมบัติสเปคดีงาม หน้าจอ AMOLED ขนาด 5.5 นิ้ว, ชิพประมวลผล Octa-Core 2.2 GHz + RAM 3 GB ลื่นสบายๆ ดูหนังความละเอียด 4K ได้ กล้องจัดมาให้ 20.7 ล้านพิกเซล เมโมรี่ภายใน 32 GB เสียดายที่เพิ่ม microSD ภายนอกไม่่ได้ รองรับ 4G LTE และบอดี้สีทองสวยงามมาก ต้องลองเล่นตัวจริงครับ
Meizu Pro 5
เป็นรุ่นอัพเกรดสเปคจาก MX5 ครับ รุ่นนี้เน้นคนชอบหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น 5.7 นิ้ว (FHD) แสดงผลเต็มตายิ่งขึ้น รองรับ 2 ซิมการ์ด บอดี้โลหะทั้งตัว แรงเร็วสุดๆ ด้วยชิพประมวลผล Exynos 7420 + RAM 3 GB (หรือ 4 GB) เทียบเท่า Galaxy S7 เลยทีเดียว กล้องความละเอียด 21 ล้านพิกเซล คุณภาพถือว่าดีสมราคา รองรับบันทึกวิดีโอ 4K และปุ่มโฮมสามารถสแกนลายนิ้วมือได้ เมโมรี่ภายในมี 2 ความจุคือ 32, 64 GB เพิ่ม microSD หมดห่วงเรื่องพื้นที่ไม่พอจ้า
Meizu Pro 6
คือรุ่นเรือธงจาก Meizu ปัจจุบัน เพิ่งเปิดตัวเพียงเดือนเศษๆ กับ ‘Meizu Pro 6’ บอดี้อาจจะไม่แตกต่างจากรุ่นอื่นๆ เท่าไหร่ แต่เน้นการพกพาสะดวก ด้วยบอดี้ขนาดมือเดียวจับถือได้ หน้าจอ AMOLED ขนาด 5.2 นิ้ว (FHD), ชิพประมวลผล 10 แกน (Mediatek Helio X25) + RAM 4 GB ทำงานลื่นไหลสุดยอด รองรับคอนเทนท์ระดับ 4K เชื่อมต่อ 4G LTE, NFC ฯลฯ มาครบ มีชิพประมวลผลเสียงแยก รองรับคุณเสียงระดับ Hi-Fi เต็มรูปแบบ กล้องความละเอียด 21 ล้านพิกเซล เช่นเดียวกับ Pro 5 และแบตเตอรี่ 2,560 mAh อาจจะน้อยไปหน่อย แต่ชดเชยด้วยระบบชาร์จเร็ว แถมใช้พอร์ต USB Type-C ใหม่ล่าสุดอีกด้วย
Asus
Asus Zenfone Go (ZB452KG)
เพิ่งเปิดตัววางจำหน่ายไม่นาน เอาใจคนชอบมือถือ Android ราคาประหยัดกับ ‘Zenfone Go’ รหัส ZB452KG หน้าจอขนาด 4.5 นิ้ว ขนาดพอดีมือ พกพาสะดวก ชิพประมวลผล Snapdragon 212 + RAM 1 GB เพียงพอกับการใช้งานทั่วไป ลงแอพพลิเคชั่นเสริมจากบน Play Store รองรับ 3G, ใช้งาน 2 ซิมการ์ด ติดกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และมีรุ่นฝาหลัง 2 แบบคือ ผิวด้าน-ผิวเมทัลลิค สวยงามทั้งคู่ครับ เริ่มต้นเพียง 2,990 บาท
Asus Zenfone Laser 5.0 / Laser 5.5
อัพงบขึ้นมาอีกหน่อยจะได้รุ่นยอดนิยม ‘Zenfone Laser’ ออฟชั่นครบ ราคาสบายกระเป๋า มีให้เลือก 2 ขนาดหน้าจอคือ 5.0 นิ้ว และ 5.5 นิ้ว ชิพประมวลผล Snapdragon 410 + RAM 2 GB ประสิทธิภาพระดับกลางๆ เพียงพอกับการใช้งานทั่วไป กล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล มีระบบ Laser-Focus ช่วยจับโฟกัสเร็วขึ้นอย่างมากทั้งกลางวัน-กลางคืน, รองรับ 4G LTE – ใช้งาน 2 ซิมการ์ด เพิ่ม microSD ภายนอก และสามารถเป็นเจ้าของได้ในราคาเริ่มต้นแค่ 4,xxx บาท เท่านั่นเอง
Asus Zenfone Max
รุ่นยอดนิยมประจำปีใหม่ 2559 ถึงกับขาดตลาดไปช่วงนึงเลยทีเดียว ‘Zenfone Max’ จัดเต็มแบตเตอรี่ความจุสูง 5,000 mAh การันตีใช้งาน 2 วันแบบไม่ต้องพก Power bank หรือจะต่อสาย OTG เพื่อชาร์จเครื่องอื่นก็ยังได้ สเปคใกล้เคียงกับ Zenfone Laser ครับ ชิพประมวลผล Snapdragon 410 + RAM 2 GB รันบน Android 5.0.2 คาดว่าจะได้อัพเป็น Android 6.0 ช่วงกลางปีนี้ ด้านกล้องใส่มา 13 ล้านพิกเซล พร้อม Laser- Focus เหมือน Zenfone Laser เป๊ะ เพิ่ม microSD ได้ และรองรับ 4G LTE ครบเครื่อง ไม่แปลกเลยที่จะได้รับนิยมมากทีเดียว
Asus Zenfone Selfie
จัดว่าเป็นโมเดลที่คุณไม่ควรมองข้ามจริงๆ หากชื่นชอบการถ่าย Selfie คุณภาพสูงกับ ‘Zenfone Selfie’ ด้วยกล้องหน้าความละเอียดสูงถึง 13 ล้านพิกเซล มีออโต้โฟกัส แถมไฟส่อง LED ถ่ายได้ทุกสถานการณ์ ด้านคุณสมบัติสเปคแรงสมราคา หน้าจอ FHD ขนาด 5.5 นิ้ว, ชิพประมวลผล Snapdragon 615 + RAM 3 GB ทำงานลื่นไหล ชมวิดีโอ FHD ถ่ายภาพกล้องหลัก 13 ล้านพิกเซล เช่นเดียวกับกล้องหน้า ฟีเจอร์เพียบครับ รองรับ 4G LTE / 2 ซิมการ์ด และล่าสุดมีฝาหลังลวดลายเมทัลลิคให้เลือกซื้อด้วย
Asus Zenfone 2 Deluxe
ยังคงมีให้จับจองเป็นเจ้าของครับ Zenfone 2 Deluxe ร่นคลาสสิคยอดนิยม สเปคลงตัวทั้งความเร็วแรง ชิพประมวลผล Intel Z3580 + RAM 4 GB ทำงานลื่นไหลสุดๆ รองรับ 4G LTE ใช้งาน 2 ซิมการ์ด ด้านซอฟท์แวร์คาดว่าจะได้อัพเป็น Android 6.0 กลางปีนี้ กล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอ FHD ที่น่าสนใจคือความจุเมโมรี่ มีให้เลือกถึง 2 แบบคือ 64 GB และ 128 GB และแบบ 128 GB มีฝาหลังลายพิเศษด้วยนะเออ
Asus Zenfone Zoom
นวัตกรรมกล้องบนสมาร์ทโฟน Android ล่าสุดจาก Asus แม้จะใช้เวลาพัฒนาค่อนข้างนาน กว่าจะวางจำหน่ายได้ Zenfone Zoom คือสมาร์ทโฟนกล้องซูมเลนส์ 3 เท่า ที่มีความบางมากที่สุดครับ ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล มีแฟลช LED ดวงใหญ่ เฟรมบอดี้โลหะ อาจจะน้ำหนักมากหน่อย แต่ฝาหลังลายหนังช่วยให้จับถือได้กระชับมือ ชิพประมวลผล Intel Z3590 + RAM 4 GB ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ Zenfone 2 Deluxe, รองรับ 4G LTE พร้อมเมโมรี่ภายใน 64 GB ทั้งนี้ ราคาขายค่อนข้างสูงนิดนึงครับ
Asus ZenPad 7.0
แท็บเล็ตราคาประหยัด หน้าจอขนาด 7.0 นิ้ว ดีไซน์สวยหรู พกพาสะดวกจาก Asus คุณสมบัติสเปคยังพอใช้ได้ครับ ราคาประมาณ 4,000 บาท ออฟชั่นครบ ชิพประมวลผล Quad-Core ใส่ซิมการ์ดใช้งาน 3G, โทรออกแบบสมาร์ทโฟน รันบน Android Lollipop ลงแอพพลิเคชั่นเสริมหลากหลาย เล่นเกม ดูหนัง HD และน่าสนใจตรงรุ่นรหัส Z370CG มีอุปกรณ์เคสแปลกๆ ให้เลือกใช้งานด้วย เช่น เคสแบตเตอรี่เสริม, เคสลำโพงสเตอริโอ ในงานนี้อาจจะมีโปรโมชั่นพิเศษ ทั้งแถม-ลดราคาครบ ลองติดตามได้
Lenovo
Lenovo A6010
รุ่นเล็กราคาเบาๆ อัพเกรดจาก A6000 เล็กน้อย ปรับดีไซน์ฝาหลังให้จับถือง่ายขึ้น พร้อมปุ่มสัมผัสด้านหน้า สเปคอื่นๆ คล้ายเดิมครับ มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.0 นิ้ว (HD), ชิพประมวลผล Snapdragon 410 + RAM 2 GB รันบน Android 5.1 ทำงานรวดเร็วกำลังดี ใส่กล้องมาให้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอ Full HD, รองรับ 4G LTE ใช้งาน 2 ซิมการ์ดครบเครื่อง ทั้งหมดนี้ราคาไม่ถึง 5,000 บาท !
Lenovo Vibe K5
รุ่นใหม่ล่าสุดพร้อมวางจำหน่ายแล้ว Lenovo Vibe K5 โดดเด่นด้วยบอดี้อลูมิเนียมด้านหลัง ดีไซน์สวยงามมีระดับยิ่งขึ้น ทั้งนี้ คุณสมบัติสเปคไม่ต่างจาก Lenovo A6010 มากนักครับ หน้าจอขนาด 5.0 นิ้ว (HD), ชิพประมวลผล Snapdragon 415 + RAM 2 GB ทำงานรวดเร็ว รองรับคอนเทนท์ HD เกมกราฟฟิคระดับกลาง นอกจากนี้ยังมีลำโพงสเตอริโอด้านหลัง และแบตเตอรี่ความจุเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ด้านราคาเป็นเจ้าของได้ที่ 5,290 บาทครับ
Lenovo Vibe K5 Note
ภาคต่อของ Lenovo K4 Note ปัจจุบันครับ ดีไซน์เปลี่ยนมาเป็นรูปแบบเหลี่ยมโค้งมนเล็กน้อย บอดี้โลหะอลูมิเนียม หน้าจอยังคงขนาด 5.5 นิ้ว (FHD) เท่าเดิม อัพเกรดกล้องหน้าเป็น 8 ล้านพิกเซล มีไฟ LED ช่วยถ่าย Selfie ด้วย ด้านสเปคก็แรงขึ้นกว่าเดิม ชิพประมวลผล Mediatek Helio P10 (Octa-Core) + RAM 2 GB รันบน Android 5.1 กล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล นอกจากนี้แบตเตอรี่ความจุยังเพิ่มเป็น 3,500 mAh มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออีกต่างหาก สุดท้ายต้องมาลุ้นราคาแล้วว่าจะเปิดมาเท่าไหร่
Lenovo Vibe P1
อัพงบขึ้นมาอีกหน่อย คุณจะพบกับสมาร์ทโฟนที่มีครบทั้งจอใหญ่ สเปคกำลังดี ออฟชั่นครบ และแบตเตอรี่สุดอึด ! รวมในหนึ่งเดียว ‘Lenovo Vibe P1’ มาพร้อมกับชิพประมวลผล Snapdragon 615 RAM 3 GB รันบน Android 5.1 กล้อง 13 ล้านพิกเซล สเปคเรียกว่ามาตรฐานสมราคามากๆ ที่สำคัญคือแบตเตอรี่ความจุสูง 5,000 mAh ภายใต้บอดี้ไม่ใหญ่นัก และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือตรงปุ่ม Home ทั้งหมดนี้ราคาไม่ถึงหมื่นบาทครับ
Lenovo Vibe S1
ถ้าชื่นชอบดีไซน์สวยหรู พร้อมกล้อง Selfie ไม่เหมือนใครต้องดูรุ่นนี้ครับ ‘Vibe S1’ มีจุดขายหลักตรงกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล แบบเลนส์คู่ (Dual-Camera) ใช้ Selfie นอกจากจะคมชัด ยังมีลูกเล่นมากมายให้ลองใช้งานกัน ดีไซน์บางเฉียบน้ำหนักเบา เฟรมบอดี้โลหะ ฝาหลังผิวกระจกเงางาม หน้าจอ FHD ขนาด 5.0 นิ้ว แสดงผลคมชัดอย่างมาก, กล้องหลัก 13 ล้านพิกเซล ถ่ายภาพรวดเร็ว คุณภาพค่อนข้างดีครับ รองรับ 4G LTE ใช้งาน 2 ซิมการ์ด ล่าสุดราคาปรับลงมาไม่ถึงหมื่นบาทแล้ว
Lenovo Vibe Shot
อีกหนึ่งมือถือกล้องแจ่มราคาโดนใจจาก Lenovo ดีไซน์สวยหรู เฟรมบอดี้โลหะ ใช้สีดำตัดกับสีแดงได้อย่างลงตัว Lenovo Vibe Shot ออฟชั่นครบเครื่อง หน้าจอขนาด 5.0 นิ้ว (FHD) ขนาดบอดี้กะทัดรัด ใช้งานมือเดียวไม่มีปัญหา ชิพประมวลผล Snapdragon 615 + RAM 3 GB ทำงานลื่นไหลดีครับ กล้องหลักใส่มา 16 ล้านพิกเซล (F/2.0) พร้อมโหมดถ่ายภาพหลากหมาย และปุ่มสลับโหมด Manual กดปุ๊บมาปั๊บ รองรับ 4G LTE แบตเตอรี่ 3,000 mAh แน่นอนครับว่ามีโปรโมชั่นรออยู่รุ่นนี้ แต่จะชอบหรือไม่ต้องลองเล่นก่อนตัดสินใจซื้อจ้า
Lenovo Vibe X3
รุ่นท็อปของซีรี่ย์ Lenovo Vibe ถึงจะไม่จัดเต็มเรื่องสเปค แต่ก็แรงเอาเรื่องเหมือนกัน ครบเครื่องทั้งระบบเสียงสเตอริโอ / ชิพประมวลผลเสียงแยก รองรับไฟล์เสียง HiFi หน้าจอขนาดใหญ่ 5.5 นิ้ว (FHD) แสดงผลค่อนข้างดี ชิพประมวลผล Snapdragon 808 + RAM 3 GB รองรับวิดีโอระดับ 4K (UHD) ทั้งเล่น-บันทึก ผ่านกล้องความละเอียด 21 ล้านพิกเซล รองรับ 4G LTE / ใช้งาน 2 ซิมการ์ด บอดี้โลหะทนทาน และรองรับสแกนลายนิ้วมือ คาดว่ารุ่นนี้จะมีโปรโมชั่นแรงๆ ในงานครับ รอติดตามได้
Moto
Moto G Turbo
หลายรุ่นไม่ทราบว่า Moto(rola) กลับมาทำตลาดบ้านเราอีกรอบผ่าน Lenovo Thailand ครับ ประเดิม 3 รุ่นใหม่ โดย Moto G Turbo เป็นรุ่นล่างสุด มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.0 นิ้ว (HD) ดีไซน์แข็งแกร่ง มาตรฐาน IP67 กันน้ำกันฝุ่นได้ด้วย ชิพประมวลผล Snapdragon 615 + RAM 2 GB กล้อง 13 ล้านพิกเซล เพิ่ม microSD ได้ รองรับ 4G LTE ครบขนาดนี้ ราคาแค่ 8,xxx บาท ต้องลองเล่นตัวจริงครับ
Moto X Play
อัพงบขึ้นมาหน่อยจะเป็นรุ่น Moto X Play รุ่นนี้ไม่กันน้ำแล้วครับ แต่จะได้หน้าจอขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 5.5 นิ้ว (FHD) บอดี้สวยงามมาก โดยเฉพาะฝาหลังสามารถเปลี่ยนได้หลากลวดลาย (ต้องหาซื้อต่างหาก) คุณสมบัติสเปคใกล้เคียงกับ Moto G Turbo ทั้งชิพประมวลผล RAM เมโมรี่ภายใน แต่กล้องอัพเป็น 20 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอ FHD และแบตเตอรี่ 3,630 mAh อึดขึ้นเยอะเลยทีเดียว รองรับ 4G LTE พร้อมรองรับระบบชาร์จเร็ว (TurboCharge) กับราคาประมาณ 12,000 บาท
Moto X Style
รุ่นเรือธง ณ ปัจจุบันของ Moto ก็ถูกนำมาจำหน่ายเช่นกันครับ รูปลักษณ์คลาสสิค เฟรมบอดี้โลหะ จัดเต็มคุณสมบัติสเปคจัดเต็ม บอดี้เคลือบสารนาโนกันละอองน้ำ หน้าจอ QHD ขนาด 5.7 นิ้ว ทั้งสวย สว่าง คมชัด ชิพประมวลผล Snapdragon 808 + RAM 3 GB ปัจจุบันรันบน Android 6.0 เรียบร้อย ทำงานรวดเร็วทันใจ รองรับระบบ Moto ทั้งสั่งงานด้วยเสียง เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ง่ายดาย ติดกล้องความละเอียด 21 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอ 4K ครบ ฝาหลังยังเปลี่ยนได้หลายรูปแบบด้วยนะครับ แต่ต้องสั่งเพิ่มเอา รุ่นนี้รู้สึกว่าจะมีโปรโมชั่นเสริมร่วมกับค่ายมือถือ แถมซื้อนาฬิกา Moto 360 ในราคาพิเศษซะด้วย
Sony
Sony Xperia C5 Ultra
พี่ใหญ่จอยักษ์ของ Sony น่าจับจองอีกรุ่นนึงเลยกับ Xperia C5 Ultra โดดเด่นหน้าจอ IPS ขนาด 6.0 นิ้ว (FHD) ขอบหน้าจอแทบแนบชิด พื้นที่แสดงผลสูงสุด เหมาะกับใช้งานมัลติมีเดีย ทำให้ขนาดบอดี้ไม่ใหญ่มากนัก แม้จะมีขนาดหน้าจอใหญ่ก็ตาม แรงเร็วด้วยชิพประมวลผล Octa-Core 1.7 GHz (Mediatek MT6752) รันบน Android 5.1.1 ติดกล้องหลัก – กล้องหน้าเท่ากันคือ 13 ล้านพิกเซล เอาใจขา Selfie เต็มที่ เพราะกล้องหน้ามีไฟ LED แถมออโต้โฟกัสได้อีก คาดว่าจะมีโปรโมชั่นลดราคาหนักๆ ภายในงานด้วย
Sony Xperia XA
พร้อมให้คุณสอยแล้ว Xperia XA สมาร์ทโฟน Android จาก Sony เพิ่งเปิดตัวไม่นานนี้ ดีไซน์แม้จะไม่ต่างจากรุ่นก่อนหน้ามากนัก แต่บอดี้ดูแพง หรูหราเป็นพิเศษ หน้าจอขนาด 5.0 นิ้ว (HD) แทบจะชิดบอบจอ พื้นที่แสดงผลมาก ขณะที่ขนาดบอดี้เล็กพกพาง่าย บางแค่ 7.9 มิลลิเมตร แรงเร็วด้วยชิพประมวลผล Mediatek Helio P10 + RAM 2 GB ติดกล้องหลัก 13 ล้านพิกเซล พร้อมกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล แบตเตอรี่ 2,300 mAh และรองรับ 4G LTE ครบเครื่อง
Sony Xperia X
หลายคนกำลังรอคอยรุ่นนี้ครับ ใหม่ล่าสุดจาก Sony แม้จะไม่ใช่รุ่นเรือธงซะทีเดียวกับ ‘Xperia X’ ดีไซน์สวยงาม เรียบง่าย ใช้วัสดุโลหะบางเฉียบเพียง 7.7 มิลลิเมตร โดดเด่นด้วยระบบถ่ายภาพอย่างรวดเร็วผ่านกล้อง 23 ล้านพิกเซล เช่นเดียวกับ Xperia Z5 พร้อมกล้องหน้า 13 ล้านพิกเซล เอาใจขา Selfie โดยเฉพาะ ด้านประสิทธิภาพอยู่ระดับกลางๆ ชิพประมวลผล Snapdragon 650 + RAM 3 GB แบตเตอรี่ 2,620 mAh อาจจะน้อย แต่ Sony เคลมว่าใช้งาน 2 วันสบายๆ ส่วนราคารอติดตามครับ มีข่าวมาว่าสูงเอาเรื่องเหมือนกัน
Sony Xperia Z5 Compact
ถึงเวลาจับจองได้ในราคาย่อมเยามากขึ้น สำหรับ Xperia Z5 Compact มีจุดขายคือความแรงเร็ว ประสิทธิภาพสูง ภายใต้บอดี้ขนาดเล็กพกพาสะดวกมาก สวนทางกับมือถือส่วนใหญ่ที่มีขนาดใหญ่ หน้าจอ HD ขนาด 4.8 นิ้ว ทำให้ตัวเครื่องพกพาสะดวก, ชิพประมวลผล Snapdragon 810 + RAM 3 GB สะใจมาก รันบน Android 5.1.1 กล้องความละเอียด 23 ล้านพิกเซล ฟีเจอร์การใช้งานเหมือนบน Xperia Z5 / Z5 Premium ทุกอย่าง ทั้งนี้ราคาอาจจะสูงสักหน่อย แต่ในงานนี้ได้ข่าวว่าราคาปรับลงพอสมควร ห้ามพลาดนะจ๊ะ
Sony Xperia Z5
รุ่นมาตรฐานของตระกูล Xperia Z5 ให้คุณเป็นเจ้าของในราคาย่อมเยากว่าเดิม บอดี้ขอบโลหะ ฝาหลังกระจกผิวด้าน สวยงามแบบเรียบง่าย หน้าจอขนาดใหญ่ 5.2 นิ้ว (FHD) แสดงผลค่อนข้างดี คมชัด สว่างเป็นพิเศษ ตัวเครื่องสามารถกันน้ำตามมาตรฐาน IP68 (ใช้งานตามปกติในชีวิตประจำวัน) ชิพประมวลผล Snapdragon 810 ฟังเพลงผ่านแอพฯ Walkman ปรับเสียงได้หลายแบบ เมโมรี่ภายใน 32 GB เพิ่ม microSD ได้สูงสุด 128 GB น่าจะเป็นรุ่นที่ขายดีสุดในบรรดา 3 รุ่นแล้ว รีบสอยก่อนจะหมดนะ
Sony Xperia Z5 Premium
เรียกได้ว่าเป็นรุ่นราคาแพงสุดเท่าที่ Sony เคยวางจำหน่ายมาเลยกับ Xperia Z5 Premium เป็นรุ่นแรกของโลกที่ใส่หน้าจอความละเอียด 4K (3840 x 2160) บนสมาร์ทโฟน ทั้งนี้ การแสดงผลจริงทำได้เฉพาะตอนดูรูปภาพ วิดีโอ และบางแอพฯ ของ Sony เท่านั้นครับ (ใช้งานปกติแสดงผลเพียง Full HD) ด้านดีไซน์เด่นตรงฝาหลังเป็นแบบกระจกเงา ส่องแทนกระจกได้ สเปคอื่นๆ เหมือนกับ Xperia Z5 Compact, Xperia Z5 ทุกประการ ทั้งชิพประมวลผล Snapdragon 810 + RAM 3 GB, Android 5.1.1, กล้อง 23 ล้านพิกเซล ฯลฯ อ้อ ! พิเศษเฉพาะงานนี้มีรุ่น Pink Edition ในจำนวนจำกัดด้วย ห้ามพลาดทีเดียวครับ
Huawei
Huawei Y6
รุ่นระดับล่างจาก Huawei ดีไซน์เรียบง่าย น้ำหนักเพียง 125 กรัม พกพาสะดวกสบาย Huawei Y6 มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.0 นิ้ว (HD) ขนาดพอดีๆ รองรับการใช้งาน 3G + 2 ซิมการ์ด รันบน Android 5.1 (ครอบด้วย Emotion UI) ออฟชั่นการใช้งานเยอะพอตัว ชิพประมวลผล Quad-Core 1.1 GHz เพียงพอกับการใช้งานทั่วไปทั้งฟังเพลง ดูหนัง HD เล่นเกมกราฟฟิคกลางๆ ถ่ายภาพผ่านกล้อง 8 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอ HD กับราคาประมาณ 4,xxx บาท
Huawei GR5
เพิ่งวางจำหน่ายเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เป็นมือถือที่ครบเครื่องทุกอย่างจริงๆ เจาะกลุ่มผู้ใช้ระดับกลาง จ่ายครบจบรอบเดียวทั้งหน้าจอขนาดใหญ่ 5.5 นิ้ว (FHD) ใช้งานแอพพลิเคชั่น ดูหนัง เล่นเกมได้ดี บอดี้ออกแบบหรูหราสไตล์เมทัลลิค วัสดุโลหะด้านหลัง ขนาดพอดีมือ เร็วแรงด้วยชิพประมวลผล Snapdragon 616 รองรับคอนเทนท์ FHD เต็มรูปแบบ ติดกล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล นอกจากนี้ยังรองรับ 4G LTE ใช้งานสองซิมการ์ดมาตรฐาน และแบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh
Huawei G7 Plus
รุ่นเกือบไฮเอนด์จาก Huawei อัพเกรดสเปคภายในพร้อมปรับดีไซน์บางส่วนจาก Huawei G7 พอสมควร ดูดีขึ้นมาก ขนาดบอดี้เล็กลง หน้าจอขนาดใหญ่ 5.5 นิ้ว (FHD) แสดงผลเกือบเต็มขอบทั้งหมด บอดี้โลหะ Unibody ขนาดถือมือเดียวได้ สวยงามเป็นพิเศษโดยเฉพาะสีทอง มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลัง ติดกล้อง 13 ล้านพิกเซล มีโหมดถ่ายภาพแปลกๆ เยอะเหมือนกัน รันบน Android 5.1 ชิพประมวลผล Octa-Core 1.5 GHz (Kirin 930) วางใจในความแรงได้ รองรับ 4G LTE / ใช้งาน 2 ซิมการ์ด ด้านราคาเห็นว่าปรับลงมาแล้ว ในงานน่าจะมีโปรโมชั่นพิเศษเพิ่มเติมครับ
Huawei Mate 8
ภาคต่อของ Ascend Mate 7 ยอดฮิต ยังคงหน้าจอขนาดใหญ่เท่าเดิม 6.0 นิ้ว แสดงผลดีขึ้นเล็กน้อย พกพาใส่กระเป๋ากางเกงได้อยู่ มีการปรับดีไซน์นิดหน่อย ดูเรียบง่ายทันสมัยกว่าเดิม บอดี้โลหะอลูมิเนียมผิวด้าน สวยงามโดยเฉพาะสีทอง ชิพประมวลผลอัพเป็น Kirin 950 + RAM 4 GB เหลือเฟือกับการใช้งานทั่วไปครับ เล่นวิดีโอระดับ 4K พร้อมบันทึกผ่านกล้องหลัก ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล แบตเตอรี่ 4,000 mAh จัดเต็ม มีระบบ Fast-Charging อีกด้วย รองรับ 4G LTE และล่าสุดราคาแค่ 19,900 บาท ไม่นับของแถม / โปรโมชั่นเสริม คุ้มจริงๆ
Huawei P9
แม้จะอาจจะวางจำหน่ายไม่ทันช่วงงาน #mobileexpo รอบนี้ แต่หวังไว้นิดนึงว่าทาง Huawei จะนำมาให้ทดลองเล่นกัน ‘Huawei P9’ เรือธงโดดเด่นด้วยจุดขายกล้องเลนส์คู่ พัฒนาร่วมกับ Leica สร้างความฮือฮาไม่น้อย แถมคุณภาพรูปถ่าย ลูกเล่นยังไม่ธรรมดาซะด้วย หน้าจอขนาดใหญ่ 5.2 นิ้ว (FHD), ชิพประมวลผล Huawei Kirin 955 แรงกว่า Mate 8 เล็กน้อย รันบนระบบปฏิบัติการ Android 6.0 ทำงานลื่นไหลสุดๆ บอดี้โลหะทนทาน และใช้ USB Typc-C มาตรฐานใหม่ล่าสุด ส่วนราคา – รุ่นที่นำเข้ามาต้องติดตามกันอีกที
OPPO
OPPO Joy 5
รุ่นเล็กราคาประหยัดสบายกระเป๋าตัง สเปคอาจไม่เร้าใจเท่าไหร่ แต่สมราคา 3,xxx บาท หน้าจอขนาด 4.5 นิ้ว ชิพประมวลผล Quad-Core + RAM 1 GB รันบน Android 5.1 ทำงานรวดเร็วครับ ออฟชั่นพื้นฐานครบ ติดกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รองรับ 3G ทุกค่าย พร้อมใช้งาน 2 ซิมการ์ด เมโมรี่ภายใน 16 GB ภาพรวมเหมาะกับซื้อมาใช้งานทั่วไป ลองหาเครื่องจริงเล่นตาม Shop ก่อนตัดสินใจซื้อได้เลย
OPPO F1
ปฐมบทแห่งกล้องหน้า Selfie ระดับตำนาน ประเดิมด้วย ‘OPPO F1’ ครบเครื่องในหนึ่งเดียว ทั้งหน้าจอขนาด 5.0 นิ้ว (HD) ขนาดบอดี้พอดีมือ งานประกอบสมราคา ด้านหลังเป็นโลหะทั้งหมด แรงเร็วด้วยชิพประมวลผล Snapdragon 615 + RAM 3 GB กล้องหลัก 13 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล กดครั้งเดียวหน้าเนียนทันใจ รองรับ 4G LTE / ใช้งาน 2 ซิมการ์ด แต่รุ่นนี้ไม่มีระบบ VOOC ชาร์จเร็วความไวสูงนะครับ ต้องดูรุ่นถัดไป
OPPO R7s
สัมผัส OPPO R7s สมาร์ทโฟน Android RAM 4 GB รุ่นแรกของแบรนด์ มาพร้อมกับหน้าจอ 5.5 นิ้ว (FHD) แสดงผลคมชัดเป็นพิเศษ ขนาดพอดีมือ บอดี้โลหะบางเฉียบเพียง 7 มิลลิเมตร สามารถพกพาได้ไม่ยาก ชิพประมวลผล Snapdragon 615 มาตรฐาน ดูวิดีโอ Full HD เล่นเกมกราฟฟิคสูงได้ดี ด้านกล้องใส่มาให้ 13 ล้านพิกเซล เช่นเดียวกับ OPPO R7 , รองรับการชาร์จ VOOC เพียง 30 นาที ก็ใช้งานได้เกือบเต็มวันแล้ว รุ่นนี้ต้องลองเล่นครับ เป็นอะไรที่ลงตัวมากจริงๆ มีสี Rose Gold ให้เลือกอีกด้วย แถมราคา – ของแถมงวดนี้จัดเต็ม !
OPPO F1 Plus
โมเดลพระเอกประจำ #mobileexpo รอบนี้ ห้ามพลาดจริงๆ ด้วยดีไซน์สวยหรูทั้งด้านหน้า – หลัง หน้าจอขนาดใหญ่ถึง 5.5 นิ้ว มีปุ่ม Home สามารถสแกนลายนิ้วมือ ณ จุดนี้ ชิพประมวลผล Mediatek Helio P10 + RAM 4 GB ประสิทธิภาพระดับกลางๆ อาจจะไม่แรงมาก แต่ลื่นไหลสุดด้วย RAM 4 GB นี่แหละครับ รันบน Android 5.1.1 บน Color OS ออฟชั่นการใช้งานเยอะเป็นพิเศษ กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล โหดมาก ! กะให้ Selfie เหมือนส่องกระจกจริงๆ กับกล้องหลัก 13 ล้านพิกเซล บอดี้โลหะ Unibody รองรับการเชื่อมต่อครบ และราคาสนนที่ 15,990 บาท
Acer
Acer Liquid Z530s
จัดว่าเป็นรุ่นสุดคุ้มในระดับราคา 4,xxx บาท ต้องห้ามพลาดเลยกับ Liquid Z530s ถึงหน้าตาจะธรรมดา แต่จัดสเปคหนัก หน้าจอขนาด 5.0 นิ้ว (HD), ชิพประมวลผล Mediatek MT6753 + RAM 3 GB กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รองรับ 4G LTE / รองรับ 2 ซิมการ์ด, รันบน Android 5.1 และแบตเตอรี่ใช้งาน 1 วันสบายๆ ขอบอกว่าคุ้มเกินราคาเพราะรุ่นอื่นสเปคประมาณนี้ ส่วนมากจะแพงกว่าราว 1-2 พันบาทครับ
Acer Liquid Z630s
เพิ่มเงินอีก 2,000 บาทอัพขึ้นมาเล่นรุ่นพี่อย่าง ‘Liquid Z630s’ หน้าจอขยายใหญ่ขึ้นเป็น 5.5 นิ้ว (HD) แสดงผลเต็มตาเหมาะกับดูหนัง เล่นเกม ใช้งานแอพพลิเคชั่นเสริมสบายๆ ชิพประมวลผล Mediatek MT6753 + RAM 3 GB เช่นเดียวกับ Z530s ด้านกล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล สูงกว่าเล็กน้อย รองรับ 4G LTE ใช้งาน 2 ซิมการ์ดเหมือนกัน แต่ที่น่าสนใจคือความจุแบตเตอรี่ 4,000 mAh เยอะชนิดใช้งานเต็มวันไม่ต้องพก Power Bank ได้เลยล่ะ
ZTE
ZTE Blade D2
สมาร์ทโฟน Android รุ่นเล็กของ ZTE อย่าง ‘Blade D2’ ค่าตัวสบายกระเป๋าเพียง 3,990 บาท ได้คุณสมบัติครบครัน หน้าจอ HD ขนาด 5.0 นิ้ว บอดี้ขนาดพอดีมือ ไม่ใหญ่มากนัก ชิพประมวลผล Quad-Core 1 GHz รันบน Android 5.1 ลงแอพพลิเคชั่นเสริม เล่นเกมสบายๆ พร้อมกล้อง 8 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอ HD นอกจากนี้ยังใส่แบตเตอรี่มาให้ความจุสูงถึง 4,000 mAh ใช้งานเต็มวันสบายๆ ถึงจะไม่รองรับ 4G LTE ก็สามารถใช้งาน 3G ทุกเครือข่ายครับ
ZTE Blade V6
รุ่นระดับกลางอัพสเปคขึ้นมาอีกนิด บอดี้รุ่นนี้เป็นโลหะครับทำให้ดูมีราคา ทนทานมากขึ้น รองรับ 4G LTE ใช้งาน 2 ซิมการ์ด หน้าจอขนาด 5.0 นิ้ว (HD), ชิพประมวลผล Quad-Core + RAM 2 GB รองรับการใช้งานแอพพลิเคชั่นเสริมทั่วไปได้ดี รันบน Android 5.0.2 ติดกล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล แต่แบตเตอรี่ค่อนข้างน้อยไปหน่อย ตรงนี้ถ้าใช้งานเยอะต้องพก Power Bank ไว้ครับ ส่วนราคาอยู่ที่ 4,xxx บาท และมีโปรโมชั่นเสริมร่วมกับ AIS ลองทำการบ้านต่อได้เลย
ZTE Blade V7 Lite
รุ่นนี้เพิ่งเปิดตัวไม่นาน คาดว่าจะวางจำหน่ายทันงาน #mobileexpo ครับ ‘Blade V7 Lite’ ดีไซน์คล้ายกับนำ Blade S6 ผสมกับ Blade A711 ออกมาสวยงาม บอดี้โลหะ Unibody เพิ่มความทนทาน หน้าจอขนาด 5.0 นิ้ว (HD), ชิพประมวลผล Quad-Core + RAM 2 GB รันบน Android 6.0 การันตีความเร็วลื่นไหล กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ทั้งด้านหน้า-หลัง ทั้งนี้แบตเตอรี่ความจุค่อนข้างน้อยคือ 2,500 mAh ต้องรอทดสอบอีกครั้งว่าจะใช้งานได้เท่าไหร่ครับ
ZTE Blade S7
เพิ่งวางจำหน่ายเมื่อปลายปี 2015 กระแสอาจจะไม่ร้อนแรงเท่าไหร่กับ ZTE Blade S7 บางเฉียบแค่ 7.2 มิลลิเมตร เฟรมบอดี้โลหะทนทาน มีสีสันแปลกๆ ให้เลือกอย่างสีเหลือง เด่นมากๆ หน้าจอขนาด 5.0 นิ้ว (FHD) แสดงผลค่อนข้างดี มีระบบปลดล็อคด้วยการสแกนสายตา ล้ำสุดๆ ชิพประมวลผล Snapdragon 615 เช่นเดียวกับ Nubia Z9 Mini, Axon Mini + RAM 3 GB พร้อมเมโมรี่ภายใน 32 GB ใส่ข้อมูลได้พอสมควรกล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล เช่นเดียวกับกล้องหน้า จัดเต็มมากๆ เอาใจขา Selfie ภายใต้บอดี้ขนาดใช้มือเดียวสะดวก
ZTE Axon
รุ่นเรือธงของ ZTE ที่วางจำหน่ายมาได้พักใหญ่กับ ZTE Axon ดีไซน์เรียบง่าย หรูหรา ทนทานด้วยวัสดุบอดี้โลหะ หน้าจอขนาดใหญ่ 5.5 นิ้ว (FHD) แสดงผลค่อนข้างดี ลำโพงคุณภาพสูง รองรับไฟล์เสียงระดับ Hi-Fi, แรงเร็วด้วยชิพประมวลผล Snapdragon 810 + RAM 3 GB โหดเอาเรื่อง ด้านกล้องมาแบบเลนส์คู่ 13 + 2 ล้านพิกเซล มีลูกเล่นหลากหลายเช่น จำลองค่า F ในระดับต่างๆ, ถ่ายภาพซ้อน, เปิดชัตเตอร์นานสุดถึง 80 วินาที ฯลฯ ตอนนี้สามารถเป็นเจ้าของได้ในราคาแค่หมื่นกลางๆ พร้อมของแถมเพียบ !
Wiko
Wiko Sunny
ขอบอกว่าไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วยราคาแค่ 1,790 บาท จะได้ของดีจาก Wiko สำหรับรุ่น Sunny มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 4.0 นิ้ว , ชิพประมวลผล Quad-Core + RAM 512 MB รองรับ 3G ใช้งาน 2 ซิมการ์ด ที่น่าสนใจคือรันบน Android 6.0 เวอร์ชั่นล่าสุด สุดยอดครับ กล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และเพิ่ม microSD ภายนอกเพื่อเก็บข้อมูลต่างๆ ได้
Wiko Lenny 3
รุ่นนี้ก็ยังคงราคาประหยัดครับ 2,790 บาท ได้หน้าจอขนาดใหญ่ 5.0 นิ้ว (HD) บอดี้สีสันหลากหลายให้เลือก (ฝาหลัง) แรงเร็วด้วยชิพประมวลผล Quad-Core 1.3 GHz + RAM 1 GB, รันบน Android 6.0 เวอร์ชั่นล่าสุด อัพกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล / กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล เอาใจขา Selfie พร้อมรองรับ 3G ทุกเครือข่าย คุ้มกำลังดีเลย หรือจะดูเป็นรุ่นถัดไปก็ได้นะครับ
Wiko Robby
เพิ่มเงินอีก 700 บาท จะได้มือถือหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 5.5 นิ้ว (HD) ออกใหม่ล่าสุดเลยกับ ‘Robby’ สเปคภาพรวมเหมือน Lenny 3 ครับ ชิพประมวลผล Quad-Core 1.3 GHz + RAM 1 GB, Android 6.0 กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล แบตเตอรี่ 2,500 mAh แต่ไม่รองรับ 4G LTE มีบอดี้ให้เลือก 5 สีสันด้วยกัน รุ่นนี้ลองเล่นที่ Shop หรือในงานก่อนตัดสินใจซื้อ ดูจากสเปค – ราคาแล้วคิดว่าตัดสินใจไม่ยาก
Wiko Pulp Fab 4G
แน่นอนว่าหลายคนต้องการมือถือ 4G LTE ราคาประหยัด ดังนั้น Wiko จัดให้เลยกับ Pulp Fab 4G พื้นฐานโดยรวมมาจากรุ่น Pulp (3G) นั่นเอง ทั้งดีไซน์การออกแบบ ฟีเจอร์พื้นฐานหน้าจอ 5.0 นิ้ว, กล้อง 13 ล้านพิกเซล รันบน Android 5.1 ฯลฯ ที่เปลี่ยนแปลงก็คือชิพประมวลผล Snapdragon 410 + RAM 2 GB, แบตเตอรี่ 2,820 mAh ด้านราคาถือว่าเป็นเจ้าของได้ยากเพียง 4,xxx บาทเท่านั้น
Wiko Fever
ยังคงเป็นรุ่นเรือธงสเปคสูงสำหรับ Wiko รุ่น ‘Fever’ หน้าตาเรียบง่าย ดีไซน์โค้งเว้า ออฟชั่นเพียบ หน้าจอขนาด 5.2 นิ้ว (FHD) แสดงผลคมชัดสีสันสวยงาม รองรับ 4G LTE ใช้งาน 2 ซิมการ์ด, ชิพประมวลผล Octa-Core (Mediatek MT6753) + RAM 3 GB ลื่นไหลสะใจ เปิดแอพฯ ไม่สะดุดบน Android 5.1 ลงแอพฯ เล่นเกมกราฟฟิคกลางๆ ถ่ายภาพผ่านกล้อง 13 ล้านพิกเซล พร้อมกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล ส่วนจะถูกใจหรือไม่ ต้องลองมาสัมผัสในงาน #mobileexpo ณ บูธ Wiko ได้เลย
iPhone SE
หากคุณรอโปรโมชั่นดีๆ อาจจะเป็นผ่อน 0% หรือ Cash Back และแพ็คเกจดีๆ จาก 3 ค่ายมือถือใหญ่ เป็นโอกาสดีที่จะได้ครอบครอง ‘iPhone SE’ ในงาน #mobileexpo มีให้คุณเลือกทุกสี – ความจุตามต้องการครับ เรื่องหน้าตาแม้จะเหมือนกับ iPhone 5s แต่สเปคข้างในยกเครื่องใหม่หมด แรงเร็วด้วยชิพประมวลผล Apple A9 + RAM 2 GB, กล้อง 12 ล้านพิกเซล แต่ปุ่มโฮมสแกนลายนิ้วมือ (TouchID) กับกล้องหน้า ยังคงใช้ตัวเดิมเท่านั้นเอง มีให้เลือก 4 สีสัน และ 2 ความจุ (16, 64 GB) ราคาคงทราบกันดีแล้ว เหลือแค่โปรโมชั่นจากค่ายต่างๆ รอติดตามได้ครับ
LG
LG G4
แม้ว่าทาง LG จะเลิกทำตลาดไปตั้งแต่สิ้นปี 2558 แต่ยังคงมีศูนย์บริการอยู่ครับ และด้วยการมาของ LG G5 (ไม่เข้าไทย) ทำให้ LG G4 รุ่นเดิมมีการปรับราคาขายจนค่อนข้างคุ้มกับสเปคภายใน ทั้งหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว (QHD), ชิพประมวลผล Snapdragon 808 + RAM 3 GB, Android 6.0 เวอร์ชั่นล่าสุด พร้อมกล้องความละเอียด 16 ล้านพิกเซล (F/1.8) ระบบ OIS 3 แกน คุณภาพรูปถ่ายระดับตำนาน ทุกคนกล่าวขวัญเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังบิ้วท์อินชิพเสียงภายใน รองรับไฟล์เสียง Hi-Fi คุณภาพสูง รองรับ 4G LTE ใช้งาน 2 ซิมการ์ด และถอดแบตเตอรี่เปลี่ยนเอง / เพิ่ม microSD ภายนอกได้ ส่วนราคาต้องลองสืบภายในงานครับ
Alcatel OneTouch Idol 4s
เชื่อว่าหลายคนที่เห็นรุ่นนี้แล้วต้องอยากได้แน่ๆ เพราะรูปลักษณ์สวยเหลือเกินสำหรับ Alcatel Idol 4s ดีไซน์บางเฉียบแค่ 7.0 นิ้ว เฟรมบอดี้โลหะอลูมิเนียม ผิวหลังกระจกสุดหรู แรงเร็วด้วยชิพประมวลผล Snapdragon 652 + RAM 3 GB รันบน Android 6.0.1 กล้องความละเอียด 16 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอระดับ 4K รองรับ 2 ซิมการ์ด + 4G LTE ที่เหลือต้องมาลุ้นราคาแล้วล่ะว่าจะเปิดเท่าไหร่
TP-Link Neffos C5 Max
แบรนด์น้องใหม่ในวงการสมาร์ทโฟน แต่เก๋าในวงการเน็ตเวิร์ค สำหรับรุ่นท็อปสุดของแบรนด์นี้คือ Neffos C5 Max หน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD รองรับ 3G, 4G LTE ครบ หน่วยประมวลผล Octa-core 1.3 GHz หน่วยความ 16 GB, RAM 2 GB กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล ส่วนราคาเปิดตัวจะเท่าไหร่นั้น มารอลุ้นกันครับ
ทั้งหมดนี้พบได้ในงานมหกรรมมือถือที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ Thailand Mobile Expo 2016 Hi-End วันที่ 19 – 22 พฤษภาคม 2559 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
Update : 18/05/2016
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |