ถ้าหากพูดถึง ระบบปฏิบัติการ (OS) บนสมาร์ทโฟน ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน นอกจากจะมีระบบปฏิบัติการ Android ที่อยู่บน มือถือหลายๆ แบรนด์ยอดนิยมแล้ว ระบบปฏิบัติการ iOS จากแอปเปิล ก็ได้ชื่อว่า เป็นระบบปฏิบัติการที่ได้รับความนิยมมากอย่างยาวนานเช่นกัน นับตั้งแต่การเปิดตัว iPhone รุ่นแรก เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2007 กับระบบปฏิบัติการ iOS เวอร์ชันแรก ที่มีชื่อว่า iPhone OS มาจนถึงรุ่นปัจจุบัน อย่าง iOS 8 และกำลังจะเปิดตัว เวอร์ชันใหม่ล่าสุด กับ iOS 9 ช่วงกลางปี 2015 นี้ มาดูกันว่า ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ระบบปฏิบัติการ iOS มีความเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง
iPhone OS
สำหรับ iPhone รุ่นแรกนั้น มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการที่มีชื่อว่า iPhone OS และถือว่า เป็นอินเทอร์เฟสต้นกำเนิดของระบบปฏิบัติการ iOS ในปัจจุบัน โดย iPhone OS นั้น ยังไม่มี App Store และยังไม่สามารถ capture หน้าจอได้ ซึ่งเวอร์ชันสุดท้ายของ iPhone OS ก็คือ เวอร์ชัน 1.1.5 ก่อนจะปล่อย iPhone OS 2 ตามมาภายหลัง
iPhone OS 2
ระบบปฏิบัติการ iPhone OS 2 เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2008 ที่มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง นั่นก็คือ มี App Store เป็นครั้งแรก ซึ่งผู้ใช้ iPhone และ iPhone 3G สามารถดาวน์โหลดเกม และแอปพลิเคชันเพิ่มเติมได้ นอกจากนี้ ยังมีแอปพลิเคชัน Contact เพิ่มเข้ามา และเพิ่มเครื่องคิดเลขที่มีฟังก์ชันการใช้งานด้านคณิตศาสตร์ เมื่อใช้งานในแนวนอนอีกด้วย
iPhone OS 3 (iOS 3)
ถัดมาในปี 2009 กับ iPhone OS 3 ที่ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้ามาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Voice Recording, Video Editing, MMS, Voice Command (เฉพาะ iPhone 3GS), Copy & Paste, Spotlight Search รวมไปถึงโหมดการใช้งานคีย์บอร์ดในแนวนอนบน อีเมล และข้อความ โดย iPhone OS 3 ได้เปลี่ยนเป็น iOS 3 หลังเปิดตัวเวอร์ชัน 3.2 ครับ
iOS 4
สำหรับ iOS 4 นั้น เปิดตัวช่วงกลางปี 2010 ที่มาพร้อมฟังก์ชันที่น่าสนใจมากที่สุด ณ ปีนั้น นั่นก็คือ รองรับการทำงานแบบ Multi-tasking นั่นเอง นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มฟีเจอร์ Auto-Correction บนคีย์บอร์ด, รองรับการเพิ่มอีเมลหลายๆ อีเมล และรองรับการเปลี่ยนภาพ Wallpaper โดย iOS 4 นี้ ไม่รองรับการใช้งานกับ iPhone รุ่นแรก และเวอร์ชันล่าสุดของ iOS 4 นั่นก็คือ iOS 4.2.1 ไม่รองรับ iPhone 3G
iOS 5
ถัดมาในปี 2011 กับ iOS 5 ที่ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่มากกว่า 200 รายการ โดยฟีเจอร์หลักๆ บน iOS 5 นั่นก็คือ Notification Center, Siri, iMessage และ iCloud นอกจากนี้ ยังมีการรวมการทำงานระหว่าง Twitter เข้ากับแอปพลิเคชันต่างๆ, รองรับ Game Center, เพิ่ม Reader mode บน Safari, Newsstand ไม่เพียงเท่านั้น iOS 5 ยังเป็นเวอร์ชันแรกที่ให้ผู้ใช้ สามารถอัพเดทเวอร์ชันใหม่ๆ ได้ผ่านทาง OTA (over-the-air) อีกด้วย
iOS 6
สำหรับ iOS 6 นี้ เรียกได้ว่า เป็นการอัพเดทความสามารถใหม่ของ Siri นั่นก็คือ สามารถบอกรายละเอียดเกี่ยวกับ ภาพยนตร์, ผลการแข่งขัน, ร้านอาหารใกล้บ้าน รวมไปถึงสั่งให้เปิดแอปพลิเคชัน นอกจากนี้ ยังมีการ integrate กับ Facebook ที่ผู้ใช้สามารถแชร์ภาพ และแผนที่ไปยังแอปฯ อื่นได้โดยตรง, เปิดตัว Apple Maps แทนที่ Google Maps ที่เคยใช้, คุณสมบัติในการตอบกลับสายที่ไม่ได้รับด้วยข้อความ, เพิ่ม Do Not Disturb, เปิดตัว Passcode แอปฯ สำหรับเก็บข้อมูลต่างๆ เช่น Boarding Pass และบัตรต่างๆ, ปรับปรุง Safari ด้วยการเพิ่ม Offline reading, เพิ่ม Photo Stream
ส่วนแอปพลิเคชันที่เคยเป็นแบบ Preload บน iOS เวอร์ชันก่อนหน้าอย่าง Google Maps และ YouTube ได้ถูกตัดออกไปบน iOS 6 ครับ
iOS 7
สำหรับ iOS 7 นับว่า เป็นเวอร์ชันแรกบน iOS ที่มีการปรับเปลี่ยนอินเทอร์เฟสใหม่ทั้งหมด นับตั้งแต่เปิดตัว iOS มาเลยก็ว่าได้ จากไอคอนของแอปพลิเคชันที่เราคุ้นเคย กลายเป็นไอคอนแบบเรียบง่ายขึ้น ดูสบายตามากขึ้น นอกจากนี้ ยังเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เข้ามา ไม่ว่าจะเป็น Control Center, ปรับปรุง Notification Center, ปรับปรุงระบบ Multi-tasking, เพิ่มฟีเจอร์ Air Drop, ปรับปรุง Safari และเพิ่มโหมดการอ่านเต็มหน้าจอ นอกจากนี้ ยังปรับปรุงเสียงของ Siri และปรับเปลี่ยนอินเทอร์เฟสบนแอปฯ Calendar และ Weather เล็กน้อย
ในส่วนของแอปฯ กล้อง ได้เพิ่มฟีเจอร์ Burst Mode สำหรับการถ่ายภาพรัว และ Slo-Mo video mode สำหรับการถ่ายภาพเคลื่อนไหวแบบช้า ด้วยความเร็วที่ 120fps
iOS 8
เวอร์ชันล่าสุดของ iOS กับ iOS 8 ที่เปิดตัวเมื่อกลางปี 2014 ที่ผ่านมา ซึ่งยังคงมีอินเทอร์เฟสเหมือน iOS 7 แต่ปรับเปลี่ยนฟีเจอร์บางอย่างเล็กน้อย โดยบน iOS 8 นั้น รองรับการติดตั้งคีย์บอร์ดจากผู้พัฒนารายอื่นแล้ว หลังจากที่ผูกขาดเฉพาะคีย์บอร์ดที่แอปเปิลพัฒนามาโดยตลอด นอกจากนี้ ในส่วนของ Notification จะเป็นการแจ้งเตือนที่สามารถตอบกลับได้เลย โดยที่ไม่ต้องเปิดแอปพลิเคชันนั้นๆ, ส่วนของ Multi-tasking เพิ่มตัว Favourite และผู้ติดต่อที่ติดต่อกันบ่อยที่สุด ไม่เพียงเท่านั้น ยังเน้นการใช้งานด้านสุขภาพมากขึ้น กับแอปฯ Health และสุดท้าย รองรับการใช้งานกับ Apple Watch อีกด้วย
ส่วนบน iOS 8.3 ฟีเจอร์ที่มีประโยชน์สำหรับผู้ใช้ชาวไทย นั่นก็คือ Siri รองรับภาษาไทยแล้วนั่นเองครับ
โดยในเดือนมิถุนายนนี้ แอปเปิล จะเปิดตัว iOS 9 อย่างเป็นทางการ ในงาน WWDC 2015 ซึ่ง iOS 9 จะมีพัฒนามากขึ้นกว่าเดิมแค่ไหน เพิ่มฟีเจอร์ใหม่อะไรเข้ามาบ้าง ติดตามกันได้ช่วงกลางปีนี้ครับ
---------------------------------------
แปลและเรียบเรียง : phonearena.com
Update : 17/04/2015
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |