เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2555 ที่ผ่านมา บริษัท Apple ได้เผยโฉม iPad รุ่นใหม่แห่งปี 2012 ซึ่งมีชื่อว่า The new iPad (iPad 3) โดยมาพร้อมกับคุณสมบัติใหม่ๆ ที่ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นจาก iPad 2 รุ่นเดิม ถึงแม้ว่า การออกแบบ The new iPad (iPad 3) นั้น จะไม่มีความแตกต่างไปจาก iPad 2 มากเท่าที่ควร แต่ด้วยคุณสมบัติใหม่ๆ ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของซอฟท์แวร์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ หน้าจอแบบ Retina Display, ความละเอียดเพิ่มขึ้นเป็น 2048 x 1536 พิกเซล, กล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และชิปเซ็ทใหม่ Apple A5X ทำให้ The new iPad (iPad 3) เป็นแท็บเล็ต (Tablet) อีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจปีนี้ครับ
และเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา The new iPad (iPad 3) ก็ได้เปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ซึ่งในปีนี้ เรียกได้ว่า เปิดจำหน่ายพร้อมกันหลายโอเปอเรเตอร์เลยทีเดียวครับ ไม่ว่าจะเป็น ผ่านทาง TrueMove H, Dtac, AIS รวมไปถึงตัวแทนจำหน่ายจาก Apple อย่างเป็นทางการ นั่นก็คือ iStudio นอกจากนี้ ยังสามารถสั่งออนไลน์ผ่านทาง Apple Store ได้อีกด้วย ซึ่งใช้เวลาในการจัดส่งประมาณ 1 สัปดาห์ครับ
อย่างที่ทราบกันครับว่า การออกแบบ The new iPad (iPad 3) นั้น ไม่แตกต่างไปจาก iPad 2 เลย ทำให้สาวก หรือแม้แต่ผู้ที่กำลังสนใจ iPad อยู่ในขณะนี้ เกิดอาการลังเลว่า ควรจะซื้อดีหรือไม่ และ The new iPad (iPad 3) แตกต่างจาก iPad 2 ในด้านใดบ้าง วันนี้ เว็บไซต์ techmoblog จะมาทำการ รีวิว The new iPad (iPad 3) ให้ชมกันแบบทุกซอกทุกมุม เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อครับ
แกะกล่อง The new iPad (iPad 3)
หน้าตากล่องบรรจุ The new iPad (iPad 3) ครับ จะสังเกตเห็นได้ว่า พื้นหลังหน้าจอ The new iPad (iPad 3) จะมีสีเข้มกว่า iPad 2 นอกจากนี้ ตัวกล่องยังสามารถแยกได้ว่า เป็น The new iPad (iPad 3) สีขาว หรือสีดำ
ภายในกล่องนั้น จะบรรจุที่ชาร์ตแบตเตอรี่, สายเคเบิ้ล 30-pin dock connector สำหรับเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ และเสียบกับที่ชาร์ตแบตเตอรี่ และคู่มือการใช้งานครับ ถ้าหากเป็น The new iPad (iPad 3) รุ่นที่รองรับ Wi-Fi + Cellular จะมีเข็มจิ้ม microSIM แนบมาด้วย
ที่ชาร์ตแบตเตอรี่ครับ เป็นการนำ 2 ส่วนมาประกอบกัน
สายเคเบิ้ล 30-pin dock connector
เข็มจิ้ม microSIM
หน้าตาของ The new iPad (iPad 3) สีขาวครับ จะเห็นได้ว่า การออกแบบนั้น เหมือนกับ iPad 2 มากเลยทีเดียว จนแทบจะแยกไม่ออกครับ
ด้านหลังของ The new iPad (iPad 3) ครับ โดยรุ่นนี้เป็นรุ่นที่รองรับ Wi-Fi + Cellular ทำให้ตัวเครื่องด้านหลัง มีแถบพลาสติกสีดำคาดอยู่ด้านบนด้วย
แต่ถ้าหากเป็น The new iPad (iPad 3) ที่รองรับ Wi-Fi เพียงอย่างเดียว จะไม่มีแถบสีดำด้านบนครับ (ตามรูป)
ปุ่ม Home มีลักษณะเหมือนเดิมครับ
กล้องด้านหน้า ความละเอียดระดับ VGA ซึ่งเป็นความละเอียดเท่ากับบน iPad 2 สำหรับใช้งาน FaceTime
มาดูปุ่มควบคุมการทำงานในส่วนอื่นกันบ้าง ที่เห็นจากภาพนี้ คือ ปุ่ม Mute/Lock Rotation (แล้วแต่ผู้ใช้งานจะตั้งค่า) และปุ่มปรับเพิ่ม-ลดเสียง
ปุ่มด้านบนตัวเครื่อง เป็นปุ่มเปิด-ปิด-ล็อคเครื่อง
ช่องสำหรับหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตรครับ บรรจุอยู่ด้านบนของตัวเครื่อง ส่วนที่เห็นด้านข้างนั้น คือ ช่องสำหรับใส่ microSIM card ครับ ซึ่งจะมีเฉพาะรุ่น Wi-Fi + Cellular เท่านั้น
ถาดซิมการ์ด มีลักษณะเป็นแบบนี้ครับ
พอร์ต USB แบบ 30-pin ซึ่งเป็นพอร์ตหน้าตาเดิมๆ เหมือน iPad 2
ตะแกรงลำโพงทางด้านหลังของตัวเครื่อง ยังคงมีฝั่งเดียวเหมือนเดิมครับ
กล้อง iSight ที่มีความละเอียดเพิ่มขึ้น จากเดิม 0.7 ล้านพิกเซลบน iPad 2 กลายเป็น 5 ล้านพิกเซลบน The new iPad (iPad 3) โดยเซนเซอร์ที่ใช้นั้น เป็นแบบเดียวกับบน iPhone 4S แต่ The new iPad (iPad 3) นั้น ไม่มีไฟแฟลชครับ
เปรียบเทียบ The new iPad (iPad 3) กับ iPad 2
สิ่งที่จะแยกความแตกต่างระหว่าง The new iPad (iPad 3) (ล่าง) และ iPad 2 (บน) ได้นั้น ก็คือ กล้องถ่ายรูปที่อยู่ด้านหลังตัวเครื่องนั่นเองครับ ซึ่งจะสังเกตได้ว่า กล้องบน The new iPad (iPad 3) นั้น มีขนาดใหญ่กว่า iPad 2 มากเลยทีเดียว เป็นเพราะเซนเซอร์ที่บรรจุในตัวกล้องนั้น มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นนั่นเอง
มาดูความหนาของตัวเครื่องกันบ้างครับ เมื่อมองด้วยตาเปล่า จะไม่สามารถแยกความแตกต่างได้อย่างชัดเจน แต่จริงๆ แล้ว The new iPad (iPad 3) (ล่าง) หนากว่า iPad 2 (บน) ประมาณ 0.6 มิลลิเมตร
User Interface
หน้า Lock screen - หน้า Homescreen
สำหรับ User Interface บน The new iPad (iPad 3) นั้น คิดว่า สาวก iOS คงจะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว กับ iOS 5.1 ซึ่งเป็น User Interface เดียวกับบน iPhone, iPad 1, iPad 2 รวมไปถึง iPod Touch ด้วยนั่นเอง (ปัจจุบันเป็น iOS 5.1.1)
Multi-tasking - Notification bar
หน้าตาโดยรวม และการใช้งาน iOS 5.1 บน The new iPad (iPad 3) นั้น เหมือนกับผลิตภัณฑ์ iOS ครับ แต่บน The new iPad (iPad 3) จะแตกต่างจากบน iPhone เล็กน้อยตรงหน้า Lock screen ซึ่งบน iPhone จะเป็นปุ่ม shortcut เข้าสู่โหมดกล้อง แต่บน The new iPad (iPad 3) และ iPad 2 นั้น จะเป็น shortcut เข้า Photos ครับ
บันทึกข้อความง่ายๆ ด้วย Notes
สำหรับแอพพลิเคชั่น Notes นั้น เป็นแอพพลิเคชั่นพื้นฐานที่จะพบได้บน The new iPad (iPad 3) อยู่แล้ว ซึ่งสามารถจด Note หรือข้อความได้เลยทันที เมื่อใดก็ตามที่ผู้ใช้งาน ได้ทำการเพิ่ม Note ใหม่ คีย์บอร์ดจะเด้งขึ้นมาอัตโนมัติครับ สำหรับตัวอักษรที่จด Note นั้น สามารถเปลี่ยนได้ 3 แบบ ได้แก่ Noteworthy, Helvetica และ Marker Felt โดยเข้าไปเปลี่ยนได้ที่ Settings (สำหรับตัวอักษรจากภาพด้านบนนั้นคือ Noteworthy ครับ)
หลังจากที่เราได้ทำการบันทึกข้อความเสร็จเรียบร้อยแล้ว ระบบจะทำการเซฟให้อัตโนมัติ และทำการซิงค์เข้าไปเก็บไว้ในอีเมลที่ได้ตั้งค่าไว้ด้วย ฉะนั้น ใครที่กลัวว่า Note จะสูญหาย ไม่ต้องห่วงครับ เนื่องจาก Notes ได้เข้าไปอยู่ในอีเมลของเราเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ยังสามารถเพิ่มข้อความใหม่ บนบันทึกอันเก่าได้อีกด้วย
Safari Browser
สำหรับเบราเซอร์บนระบบปฏิบัติการ iOS หรือ Mac OS ที่เราคุ้นเคยกันดีนั้น ก็คือ Safari นั่นเองครับ โดย Safari browser บน iPad ทั้ง iPad 1, iPad 2 และ The new iPad (iPad 3) จะสามารถเพิ่ม tab ได้ ในขณะนี้บน iPhone ไม่สามารถทำได้ ซึ่งถือว่า สะดวกต่อการใช้งานเป็นอย่างมาก แต่อย่างที่ทราบกันก็คือ The new iPad (iPad 3) ไม่รองรับไฟล์ Flash ครับ
อย่างที่ทราบกันครับว่า ความละเอียดของจอแสดงผลบน The new iPad (iPad 3) นั้น ละเอียดขึ้นกว่า iPad 2 มาก ฉะนั้น การมองหรืออ่านตัวอักษรบนเบราเซอร์ รวมไปถึง e-book นั้น ย่อมสบายตากว่า iPad 2 อย่างแน่นอน ซึ่งเมื่อได้ทำการทดสอบโดยการซูมไปใกล้ๆ พบว่า ตัวอักษรยังคมชัดอยู่ครับ
สำหรับเว็บไซต์ที่เปิดเข้าใช้งานบ่อย หรือทุกวัน สามารถ Add Bookmark ได้เลยทันที โดยที่ไม่ต้องพิมพ์ URL เว็บนั้นใหม่ให้เสียเวลา นอกจากนี้ ถ้าหากเรากำลังติดพันนิยาย หรือละครเรื่องหนึ่งอยู่ และยังอ่านไม่จบ สามารถเก็บไว้อ่านแบบออฟไลน์ได้ ด้วยการ Add to Reading List ครับ
แกลอรี่ภาพถ่าย บน Photos
เชื่อได้เลยว่า ผู้ที่ใช้งาน The new iPad (iPad 3) นั้น จะต้องใช้งานกล้องถ่ายรูปมากขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งในส่วนของแกลอรี่ภาพนั้น ได้ถูกจัดเรียงให้เป็นหมวดหมู่ ตามอัลบั้มภาพ หรืออีเวนท์ ทำให้แลดูเป็นระเบียบมากขึ้น
กล้อง iSight ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
จากกล้องความละเอียดระดับ VGA 0.7 ล้านพิกเซล บน iPad 2 ที่ถูกพัฒนาให้ดีขึ้น กลายเป็นกล้อง iSight ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล บน The new iPad (iPad 3) ครับ โดยเซนเซอร์กล้องบน The new iPad (iPad 3) นั้น เป็นเซนเซอร์เดียวกับบน ไอโฟน 4S (iPhone 4S) เป็นเลนส์ 1 ชุดที่มีเลนส์ซ้อนกัน 5 ชิ้นนั่นเอง นอกจากนี้ ยังสามารถถ่ายคลิปวิดีโอได้ความละเอียดสูงสุดที่ระดับ Full HD 1080p อีกด้วย อย่างไรก็ดี The new iPad (iPad 3) ไม่มีแฟลชนะครับ
User Interface ขณะถ่ายรูป มีออปชั่น Grid มาให้ด้วย
สลับเป็นโหมดถ่ายภาพวิดีโอ ได้จากปุ่มล่างซ้าย
ตัวอย่างภาพถ่าย จากกล้อง iSight ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล บน The new iPad (iPad 3)
** กดที่รูปเพื่อดูภาพขนาดใหญ่ขึ้น
ตัวอย่างคลิปวิดีโอ
** ลองปรับเป็นขนาด Full HD 1080p ดูครับ
แนะนำแอพพลิเคชั่นน่าใช้ บน The new iPad (iPad 3)
สำหรับผู้ใช้งานที่เคยสัมผัสกับ iPad ทั้ง iPad 1 และ ไอแพด 2 (iPad 2) รวมถึง iPhone คงจะคุ้นเคยกันดีกับแอพพลิเคชั่นบน AppStore กันมาบ้างแล้ว แต่สำหรับท่านที่เพิ่งเคยใช้ระบบปฏิบัติการ iOS เป็นครั้งแรก อาจจะไม่สามารถเลือกใช้งานแอพพลิเคชั่นได้ตรงกับความต้องการ ด้วยเหตุนี้ จึงขอแนะนำ แอพพลิเคชั่นน่าใช้ บน The new iPad (iPad 3) ทั้งในด้านการอ่าน และบันเทิง เพื่อที่จะได้เลือกไปใช้งานได้อย่างถูกต้องครับ
** หมายเหตุ: เนื่องจากเครื่อง The new iPad (iPad 3) ที่นำมารีวิวในครั้งนี้ เป็นเครื่องจาก TrueMove H ฉะนั้น จึงขอแนะนำแอพพลิเคชั่นที่พ่วงมากับแพ็กเกจ ถ้าหากซื้อ The new iPad (iPad 3) แบบ Wi-Fi + Cellular ภายใต้เครือข่าย TrueMove H รวมไปถึงแอพพลิเคชั่นอื่นๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจครับ
ดูทีวีแบบออนไลน์ง่ายๆ ด้วย H TV
สำหรับแอพพลิเคชั่น H TV นั้น เป็นแอพพลิเคชั่นจากทาง TrueMove H ครับ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถดูทีวีแบบออนไลน์ได้ ผ่านทาง iPhone และ iPad โดยรายการโทรทัศน์บน H TV นั้น จะเป็นรายการจากทรูวิชั่นส์ และช่องอื่นๆ รวม 90 ช่องเลยทีเดียว ซึ่งตัวแอพพลิเคชั่นนั้น สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีผ่านทาง AppStore ครับ
จริงๆ แล้ว แอพพลิเคชั่น H TV เป็นแอพพลิเคชั่นที่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานบน iPhone ฉะนั้น เมื่อดาวน์โหลดมาใช้งานบน The new iPad (iPad 3) เราจำเป็นที่ต้องขยายขนาดหน้าจอเป็น 2X เพื่อให้หน้าจอใหญ่ขึ้นนั่นเอง ส่วนจำนวนช่องที่ผู้ใช้งานสามารถดูได้นั้น ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจที่สมัครทางทรูวิชั่นส์ด้วยครับ
ทดสอบดูทีวีแบบออนไลน์
ถ้าหากผู้ใช้งานเป็นสมาชิกของทรูวิชั่นส์อยู่แล้ว จะสามารถรับชม H TV ได้เลย ตามแพ็กเกจที่สมัคร ส่วนลูกค้า TrueMove H รับสิทธิ์ดูฟรี 12 เดือน ถ้าหากสมัครใช้บริการครับ
ฟังเพลงออนไลน์สบายๆ สดใหม่ทุกวัน กับ H MUSIC
อีกหนึ่งแอพพลิเคชั่นที่น่าสนใจจาก TrueMove H สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการฟังเพลง ก็คือ H MUSIC ครับ โดยแอพพลิเคชั่น H MUSIC นั้น ได้รวมเพลงฮิตๆ เอ็มวีโดนๆ และเบื้องหลังเพลง ทั้งศิลปินไทยและเทศ มาให้เลือกชมกันอย่างมากมาย นอกจากนี้ ยังสามารถดาวน์โหลดเพลงจากศิลปินระดับโลกได้ ไม่ว่าจะเป็น Lady GaGa, Madonna, Justin Bieber รวมไปถึงแคมเปญใหม่ๆ เช่น แคมเปญแจกบัตรคอนเสิร์ต หรือแจกของที่ระลึกจากศิลปิน เป็นต้น
ซึ่งการฟังเพลงผ่าน H MUSIC นั้น จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับเครือข่าย 3G ของ TrueMove H จึงจะสามารถใช้งานได้ครับ (หลังจากลองอินเทอร์เน็ตที่บ้าน ไม่สามารถฟังได้ครับ)
โดยในหน้าฟังเพลงนั้น นอกจากจะมีเนื้อเพลง ให้ร้องตามแล้ว ยังสามารถดาวน์โหลดเพลงไปฟังได้แบบฟรีๆ อีกด้วย
guRu อัพเดทข่าวฮิต ประเด็นฮอต จาก 40 กูรูชื่อดัง
หมดปัญหาตกข่าว ไม่ทันยุค ด้วยแอพพลิเคชั่น guRu ครับ โดย guRu นี้ จะรวมข่าวเด่น ข่าวดังในรอบวัน ทั้ง 14 หมวด ได้แก่ ข่าว, เศรษฐกิจ, หนัง, เพลง, เทคโนโลยี, กีฬา และอื่นๆ ในรูปแบบของ Digital reader ซึ่งสามารถดาวน์โหลดเก็บไว้อ่านนอกรอบ หรือแชร์ให้เพื่อนๆ อ่านก็ได้ครับ
ตัวอย่างของ Digital reader ในแอพพลิเคชั่น guRu
สำหรับราคาของแอพพลิเคชั่น guRu นั้น อยู่ที่ 49 บาทต่อเดือน แต่ลูกค้าทรูมูฟ เอช อ่านฟรี 3 เดือนครับ
True iService ตรวจสอบข้อมูลต่างๆ สำหรับลูกค้า TrueMove H
ถ้าหากท่านใด ที่ซื้อ The new iPad (iPad 3) ภายใต้เครือข่ายของ TrueMove H แอพพลิเคชั่นที่จำเป็นต้องดาวน์โหลดมาใช้งาน ก็คือ True iService เพื่อไว้ตรวจสอบข้อมูลต่างๆ เช่น หมายเลขที่ใช้งาน, โปรโมชั่น, ยอดเงินค้างชำระ, Data ที่ใช้งานไป รวมไปถึงการเติมเงินอีกด้วยครับ
myLife รวมบริการทุกอย่างของ TrueMove H ไว้ในแอพฯ เดียว
สำหรับแอพพลิเคชั่น myLife นั้น เป็นแอพพลิเคชั่นที่รวมบริการของ TrueMove H ไว้ในแอพฯ เดียว ไม่ว่าจะเป็น H TV, H MUSIC หรือข่าวสารต่างๆ จากแอพฯ guRu นอกจากนี้ ยังสามารถเชื่อมต่อเข้ากับโลกออนไลน์ ทั้ง Facebook และ Twitter ผ่านทางเมนู Social ซึ่งเราสามารถคุยกับเพื่อนผ่าน Social Network ต่างๆ จากเมนู Social ได้เลยครับ
อ่านหนังสือจากสำนักพิมพ์ชื่อดัง ด้วย ebook.in.th
อย่างที่เกริ่นไปในตอนต้นว่า หน้าจอของ The new iPad (iPad 3) นั้น เป็นหน้าจอแบบ Retina Display ที่มีความละเอียดสูงกว่า ไอแพด 2 (iPad 2) ฉะนั้น The new iPad (iPad 3) จึงเหมาะกับการอ่านหนังสือประเภท e-book ครับ เนื่องจากแสดงผลที่ละเอียดกว่า ตัวอักษรคมชัดกว่า อ่านแล้วสบายตามากกว่า สำหรับท่านที่มองหาแอพพลิเคชั่น e-book ดีๆ ขอแนะนำ ebook.in.th ครับ โดยแอพพลิเคชั่นนี้ เป็นแอพพลิเคชั่นที่พัฒนาโดยคนไทย ที่ได้รวมหนังสือไว้หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น หนังสือทั่วไป, หนังสือพิมพ์, นิตยสาร, การ์ตูน, หนังสือเด็ก และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งมีทั้งแบบเสียเงิน และดาวน์โหลดให้อ่านแบบฟรีๆ ครับ
GM Group Magazines รวมนิตยสารชื่อดังบนแผงหนังสือ
สำหรับท่านที่ชอบอ่านนิตยสารในเครือ GM Group ทั้ง GM, GM2000, GM Watch, GM Car, Mother&Care หรือ Home&Decor ไม่จำเป็นต้องออกจากบ้านเพื่อไปหาซื้ออีกต่อไป เพียงแค่ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น GM Group Magazines มาไว้ แล้วค้นหานิตยสารที่ต้องการเพื่อซื้อออนไลน์ได้เลยทันที ซึ่งประหยัดกว่าการซื้อเป็นเล่มได้มากเลยทีเดียวครับ นอกจากนี้ แอพพลิเคชั่น GM Group Magazines ยังมีนิตยสารที่ให้ดาวน์โหลดฟรี เช่น 247, Woman Plus, GM Biz อีกด้วย
iPhoto แอพพลิเคชั่นตกแต่งภาพบน iOS
สำหรับ iPhoto นั้น เป็นแอพพลิเคชั่นที่ต้องแนะนำเป็นอย่างมากครับ เนื่องจากเปิดตัวพร้อม The new iPad (iPad 3) นั่นเอง โดย iPhoto เป็นแอพพลิเคชั่นที่รวมเครื่องมือการตกแต่งภาพมาให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น การ crop ภาพ, ปรับแสง, ปรับความสว่าง, ใส่ฟิลเตอร์, ใส่เอฟเฟกซ์ และอื่นๆ อีกมากมาย
เว็บไซต์เทคโมบล็อค เคยทำการรีวิว แอพพลิเคชั่น iPhoto ไว้แล้ว สามารถหาอ่านได้จาก ลิงค์นี้ครับ
ThaiDict ดิกชั่นนารีแปลไทย-อังกฤษ และอังกฤษ-ไทย
สำหรับท่านที่มองหาแอพพลิเคชั่นดิกชั่นนารี แปลไทย-อังกฤษ และอังกฤษ-ไทยอยู่ล่ะก็ ลองดาวน์โหลด ThaiDict ไปใช้งานกันดูครับ โดยแอพพลิเคชั่น ThaiDict นี้ นอกจากจะช่วยค้นหาคำศัพท์ และคำแปลแล้ว ยังสามารถอ่านออกเสียงคำศัพท์ และค้นหารูปภาพของคำศัพท์ที่ค้นหาได้อีกด้วย
บทสรุปการใช้งาน The new iPad (iPad 3)
ถ้าหากสอบถามในฐานะผู้ที่เคยใช้ ไอแพด 2 (iPad 2) มาก่อนว่า สมควรจะเปลี่ยนจาก ไอแพด 2 (iPad 2) มาเป็น The new iPad (iPad 3) หรือไม่ คำตอบก็คือ ยังไม่ถึงเวลาครับ (ความเห็นส่วนตัวนะครับ) เพราะหลังจากที่ได้ทดลองใช้งาน The new iPad (iPad 3) มาซักระยะหนึ่ง ความรู้สึกหลังจากที่ได้ใช้งานก็คือ เหมือนกับยังเล่น ไอแพด 2 (iPad 2) อยู่ ไม่ได้รู้สึกว่า เปลี่ยนไปมากนัก (ยกเว้นคนที่ชอบถ่ายรูปนะครับ เพราะถือว่า ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนแน่นอน) แต่สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยใช้ iPad มาก่อน น่าจะถูกใจกับฟังก์ชั่นหลายๆ อย่าง ด้วยเหตุนี้ จึงขอสรุปเป็นจุดเด่น และจุดด้อย ตามความเห็นส่วนตัว ดังนี้ครับ
จุดเด่น
1. The new iPad (iPad 3) หน้าจอละเอียดกว่า ไอแพด 2 (iPad 2) มากครับ ถ้าหากใช้งานประเภท e-book หรือเปิดอ่านเว็บไซต์ ถือว่า สบายตามากเลยทีเดียว
2. ถ้าหากเป็นคนที่ชื่นชอบการถ่ายรูปอยู่แล้ว รูปที่ถ่ายจาก The new iPad (iPad 3) นั้น มีความชัดเจนในระดับหนึ่งครับ
3. เปิดหน้าเว็บไซต์ได้เร็วขึ้น และดีขึ้นกว่าแต่ก่อน
4. The new iPad (iPad 3) เหมาะสำหรับเล่นเกมภาพกราฟฟิคสวยๆ ครับ เนื่องจากหน้าจอชัดขึ้น นอกจากนี้ GPU ยังเป็นแบบ Quad-core Processor สามารถประมวลผลได้เร็วขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
จุดด้อย
1. ดีไซน์เดิมๆ ไม่มีอะไรหวือหวา
2. กล้องด้านหลัง ละเอียดกำลังดี แต่ขาดไฟแฟลช
3. ตัวเครื่องหนักขึ้นกว่า ไอแพด 2 (iPad 2) ครับ ถ้าหากใครที่เคยสัมผัส ไอแพด 2 (iPad 2) จะรู้สึกได้เลยว่า หนักขึ้นจริง
4. ตัวเครื่องร้อนขึ้นกว่าเดิม แต่ร้อนในลักษณะอุ่นๆ ครับ ไม่ถึงกับร้อนมากจนจับไม่ได้
Update : 02/09/2020
iPad 3 the new ipad รีวิว ipad 3 รีวิว the new ipad ipad 3 review the new ipad review
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |