หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีรายงานด้านความเสี่ยงของระบบปฏิบัติการ iOS ที่พบบั๊กทำให้ iPhone สามารถโทรออกเองได้แบบอัตโนมัติเพียงแค่คลิกลิงก์เท่านั้น ล่าสุดมีการค้นพบบั๊กที่อาศัยช่องโหว่จากการคลิกลิงก์แปลกปลอมอีกครั้ง ซึ่งในคราวนี้ไม่ได้ทำให้เครื่องโทรออกเองแต่อย่างใด แต่จะเป็นตัวการให้ iPhone เกิดอาการค้างจนใช้งานไม่ได้เลยทีเดียว
EverythingApplePro แชนแนลบนเว็บไซต์ Youtube เป็นผู้ทำการค้นพบบั๊กในครั้งนี้ โดยระบุว่าจะมีการการแอบแฝงคลิปวิดีโอปริศนามาในรูปแบบลิงก์แปลกปลอม ซึ่งหากกดเข้าไปดูก็จะทำให้เครื่องค้าง และไม่สามารถทัชสกรีนได้ โดยเจ้าของคลิปได้ทดลองการคลิกลิงก์ดังกล่าวบน iPhone 7 Plus ซึ่งทำงานอยู่บน iOS 10 เมื่อกดเข้าไปจะปรากฏคลิปวิดีโอความยาวประมาณ 3 วินาที และเมื่อเล่นคลิปเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จะพบว่าตัวเครื่องมีการทำงานที่ช้าลง ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะเกิดอาการค้างจนไม่สามารถใช้งานได้ แม้จะกดปุ่มโฮมแบบย้ำๆ ก็ไม่สามารถเข้าสู่หน้าต่างจัดการแอปได้เช่นเดียวกัน ทำให้ต้องทำการ Hard Reset เพื่อรีสตาร์ทเครื่องแก้ไขอาการเท่านั้น
บั๊กครั้งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่บน iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ที่ทำงานอยู่บน iOS 10 เท่านั้น เพราะเมื่อลองทดสอบด้วยการเปิดลิงก์ดังกล่าวด้วย iPhone 6 ซึ่งทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ iOS 8.3 ก็พบว่าตัวเครื่องเกิดอาการค้างเช่นเดียวกันหลังจากที่คลิปวิดีโอเล่นจบเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น นอกจากนี้ยังทางเจ้าของคลิปยังได้ทำการทดสอบ iPhone รุ่นอื่นที่ทำงานอยู่ระบบปฏิบัติการ iOS เวอร์ชันเก่าๆ เช่น iOS 7, iOS 6 และ iOS 5 ซึ่งก็พบว่ามีความเสี่ยงต่อบั๊กครั้งนี้และเกิดอาการค้างได้เหมือนกันทั้งหมด
สำหรับใครที่พบปัญหานี้สามารถแก้ไขได้อย่างง่ายๆ ด้วยการกดปุ่มโฮมและปุ่ม Power ค้างไว้เพื่อเป็นการรีบูทเครื่องอีกรอบ ส่วนผู้ใช้งาน iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ให้ทำการปุ่ม Power พร้อมกับปุ่มลดเสียงค้างไว้ เพียงแค่นี้ก็สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ดี ในขณะนี้ยังไม่ทราบเป็นที่แน่ชัดว่า iPhone รุ่นไหนจะเข้าข่ายความเสี่ยงต่อบั๊กครั้งนี้บ้าง รวมทั้งอุปกรณ์ชนิดอื่นที่ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ iOS อย่าง iPod หรือ iPad จะมีความเสี่ยงต่อบั๊กครั้งนี้ด้วยหรือไม่ โดยทีมงานยังแนะนำวิธีการป้องกันตัวไว้เช่นเดิม ด้วยการหลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์แปลกปลอมจากบุคคลที่เราไม่รู้จัก เพียงเท่านี้ก็สามารถรอดพ้นจากความเสี่ยงครั้งนี้ได้แล้ว ซึ่งในขณะนี้ก็ได้แต่หวังว่าทางแอปเปิลจะมีการเข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าว ด้วยออกแพทซ์แก้ไขมากับอัปเดต iOS เวอร์ชันใหม่ในอนาคต
---------------------------------------
ที่มา : SOFTPEDIA, EverythingApplePro
แปลและเรียบเรียง : techmoblog.com
Update : 22/11/2016
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |