เป็นเรื่องเป็นราวกันไปก่อนหน้านี้เมื่อมีข่าวว่า Travis Kalanick CEO ของ Uber ผู้ให้บริการ car-sharing ชื่อดัง ถูก Tim Cook กุนซือของ Apple เรียกไปตำหนิเพราะพบว่าแอปพลิเคชันของ Uber มีการแอบติดตามผู้ใช้แม้จะลบแอปพลิเคชันไปแล้ว ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างชัดเจน และอาจถึงขั้นต้องลบแอป Uber ออกจาก AppStore กันเลยทีเดียว ล่าสุดทาง Uber ก็ได้ออกโรงโต้ข่าว โดยระบุว่าการติดตามผู้ใช้เป็นเรื่องปกติและที่ทำไปก็เพื่อป้องการการปลอมแปลงและการละเมิดบัญชีผู้ใช้เท่านั้น ไม่ได้มีจุดประสงค์ไม่ดีแต่อย่างใด
Uber ได้อธิบายว่า การติดตาม iPhone ผู้ใช้หลังลบแอปนั้น ทำไปเพื่อป้องกันการปลอมและการนำ Account มาใช้ในทางมิชอบ เช่นในประเทศจีนที่คนขับ Uber บางคนจะขโมย iPhone หลายๆ เครื่องมาสมัคร Uber แล้วเรียกใช้บริการรถตนเอง ทำให้ดูเหมือนมียอดการใช้บริการมาก เพื่อที่จะนำยอดนี้ไปรับเงินโบนัสจากทาง Uber อีกทีหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ Apple เคยอนุญาตให้แอปพลิเคชันบน AppStore ติดตามอุปกรณ์ของผู้ใช้ได้ผ่าน Unique Device Identifier (UDID) แต่ก็ยกเลิกไปในปี 2013 และเปลี่ยนไปใช้เทคนิคการติดตามอื่นๆ ที่ล่วงล้ำข้อมูลส่วนตัวน้อยกว่าเดิมแทน ในกรณีของ Uber พบว่า มีการฝังโค้ดเพื่อโหลด IOKit.framework และเข้าไปอ่านข้อมูลหลายส่วนใน registry แต่ที่นำมาใช้มีเพียง Serial Number ของอุปกรณ์เท่านั้น และเชื่อว่าตั้งแต่ iOS 9 เป็นต้นมา โค้ดดังกล่าวถูกบล็อคโดย iOS sandbox ซึ่ง Will Strafach ประธาน Sudo Security Group บริษัทที่วิเคราะห์โค้ดดังกล่าวบอกว่า ไม่ใช่การติดตามผู้ใช้หลังลบแอปเสียทีเดียว ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเป็นการติดตามระหว่างการลบและการติดตั้งมากกว่า แต่ถึงกระนั้นก็ยังผิดกฎของ Apple อยู่ดี
ยังไม่ทราบว่า Uber จะเปลี่ยนแปลงวิธีการติดตาม iPhone หรือไม่ และจะตกลงกับทาง Apple อย่างไรซึ่งก็ต้องติดตามดูท่าทีของทั้ง 2 ฝ่ายต่อไปครับ
---------------------------------------
ที่มา : TechCrunch
แปลและเรียบเรียง : techmoblog.com
Update : 25/04/2017
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |