เรียกได้ว่าสร้างเสียงฮือฮาจากผู้ที่ชื่นชอบสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy Note ได้ดีเลยทีเดียว หลังเมื่อไม่นานมานี้ทาง Samsung ได้ออกมาประกาศเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า เตรียมนำ Samsung Galaxy Note FE เข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยด้วย หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยวางจำหน่ายในประเทศเกาหลีใต้ไปแล้ว ด้วยจำนวนจำกัดเพียง 400,000 เครื่องเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ดี บางท่านยังเข้าใจคลาดเคลื่อนกันอยู่ว่า Samsung Galaxy Note FE คือการนำ Samsung Galaxy Note 7 เครื่องเก่าที่เคยมีปัญหาด้านแบตเตอรี่ มาทำการเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ภายในใหม่ แล้วนำกลับมาวางจำหน่ายอีกครั้ง หรือที่หลายคนรู้จักในรูปแบบเครื่อง Refurbished เพราะในความเป็นจริงแล้ว Samsung Galaxy Note FE เป็นมือถือที่ทำการผลิตใหม่ทั้งหมด พร้อมได้รับการอัปเกรดฟีเจอร์บางส่วนจากรุ่น Galaxy Note 7 ด้วย
ดังนั้น ในวันนี้ทางทีมงาน techmoblog จึงถือโอกาสสรุปทุกข้อมูลของ Samsung Galaxy Note FE ให้ทุกท่านได้คลายข้อสงสัยถึงสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวว่า มีความเป็นมาอย่างไร, ปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน และมีจุดเด่นด้านใดที่ได้รับกาปรับปรุงจากรุ่นก่อนบ้าง หากพร้อมแล้ว เชิญติดตามไปพร้อมๆ กันได้เลยครับ
Samsung Galaxy Note FE คือ Samsung Galaxy Note 7 Refurbished ใช่หรือไม่ ?
สำหรับ Galaxy Note FE ทาง Samsung ระบุว่า เป็นการนำฮาร์ดแวร์บางส่วนของตัวเครื่อง Galaxy Note 7 ที่ยังไม่มีการการแกะกล่อง หรือเปิดใช้งานมาก่อน มารีไซเคิลเพื่อประโยชน์ทางด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมกับเปลี่ยนแบตเตอรี่เป็นก้อนใหม่ ที่ผ่านการรับรองด้านความปลอดภัย ดังนั้นในทางเทคนิคแล้ว Galaxy Note FE จึงอาจเปรียบเสมือนสมาร์ทโฟนเครื่องมือหนึ่งที่ผ่านกระบวนการผลิตใหม่ทั้งหมด เหมือนกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ นั่นเอง
ทำไมถึงใช้ชื่อ Samsung Galaxy Note FE ?
สำหรับสาเหตุที่ Samsung ตั้งชื่อสมาร์ทโฟนดังกล่าวว่า Galaxy Note FE หรือ Fan Edition นั้น ก็เป็นเพราะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นพิเศษ ที่ Samsung ผลิตออกมาเพื่อเอาใจแฟนๆ ที่รอการกลับมาของมือถือตระกูล Galaxy Note โดยเฉพาะ ตามความหมายของคำว่า Fan นั่นเอง
แบตเตอรี่รุ่นใหม่ มีความปลอดภัยมากน้อยเพียงใด ?
หลังจากที่ Samsung Galaxy Note 7 ประสบปัญหาด้านแบตเตอรี่ จนต้องยุติการวางจำหย่ายไปเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา Samsung ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหาด้านแบตเตอรี่แต่อย่างใด จึงได้ทำการพัฒนากระบวนการการตรวจสอบแบตเตอรี่แบบใหม่ทั้งหมด 8 จุด หรือ 8-Point Battery Safety Check ซึ่งนับว่าเป็นมาตรฐานการตรวจสอบที่สูงกว่ามาตรฐานของอุตสาหกรรมการผลิตสมาร์ทโฟนทั่วๆ ไป โดยแบตเตอรี่ที่นำมาติดตั้งเอาไว้ใน Samsung Galaxy Note FE ก็ได้ผ่านกระบวนการตรวจสอบดังกล่าวเช่นเดียวกัน พร้อมปรับความจุแบตเตอรี่ลงเหลือ 3200mAh จากเดิมในรุ่น Galaxy Note 7 ที่มีแบตเตอรี่ 3500mAh เพื่อเสริมความปลอดภัย และความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการตรวจสอบ 8-Point Battery Safety Check สามารถติดตามได้ที่บทความด้านล่างครับ
Samsung Galaxy Note FE มีสเปกต่างจาก Galaxy Note 7 อย่างไร ?
สำหรับ Samsung Galaxy Note FE จะมีคุณสมบัติโดยรวมที่คล้ายคลึงกับ Samsung Galaxy Note 7 ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอแสดงผลแบบขอบโค้ง, ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Exynos 8890, รองรับการใช้งานร่วมกับปากกา S Pen หรือคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 แต่ Samsung ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่อย่างการรองรับการใช้งานร่วมผู้ช่วยอัจฉริยะ Bixby ซึ่งเป็นฟีเจอร์เด่นที่มีอยู่บน Galaxy S8 และ Galaxy Note 8 นอกจากนี้ ยังทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat ตั้งแต่แกะกล่อง ทำให้มีลูกเล่นการใช้งานใหม่ๆ มากกว่า ต่างจาก Galaxy Note 7 ที่รันบนระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow เท่านั้น โดย Galaxy Note FE มาพร้อมกับคุณสมบัติเด่นดังต่อไปนี้
สำหรับ Samsung Galxay Note FE จะเริ่มวางจำหน่ายเป็นจำนวนจำกัดตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป ผ่านทาง Samsung Brand Shop และช่องทางออนไลน์ S-eStore ในราคา 20,900 บาท โดยมีให้เลือกทั้งหมด 2 เฉดสีด้วยกัน ได้แก่ สีฟ้า Blue Coral และสีดำ Black Onyx พร้อมโปรโมชันผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน ถึงวันที่ 31 ธันวาคมนี้ ซึ่งหากพิจารณาจากราคาค่าตัวแล้ว แม้ว่า Samsung Galaxy Note FE อาจเป็นรองสมาร์ทโฟนตัวท็อปรุ่นใหม่ที่เปิดตัวไปในปี 2017 ด้านฮาร์ดแวร์ หรือชิปเซ็ตประมวลผล แต่หากพิจารณาถึงลูกเล่นเฉพาะตัวที่มีอยู่ในมือถือตระกูล Galaxy Note เท่านั้น อย่าง ปากกา S Pen และฟีเจอร์ต่างๆ ภายในตัวเครื่องที่มีให้ใช้งานแบบครบครัน ไม่แพ้ Galaxy S8 หรือ Galaxy Note 8 ก็ทำให้ Galaxy Note FE เป็นสมาร์ทโฟนที่น่าจับตามองอีกหนึ่งรุ่นเลยทีเดียว
---------------------------------------
เรียบเรียงโดย : techmoblog.com
Update : 24/10/2017
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |