บทความนี้ เป็นตอนที่ 2 ต่อจาก
[บทความ] iPad คืออะไร ตอนที่ 1 ที่โพสต์ไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนะครับ
หลังจากรู้จัก iPad กันไประดับนึงแล้ว ทราบแล้วว่า iPad คืออะไร ทำอะไรได้บ้าง คราวนี้เรามาดูกันต่อว่า แล้วอะไรบ้างที่ iPad ทำไม่ได้?
iPad ทำอะไรไม่ได้บ้าง
ถึง iPad จะทำงานได้หลายๆอย่าง แต่ในทางกลับกัน iPad ก็มีข้อที่นักวิจารณ์คอมพิวเตอร์หลายคนผิดหวัง เพราะฟังก์ชั่นหลายอย่างที่ iPad ทำไม่ได้ อันได้แก่
- iPad จะไม่สามารถเล่นไฟล์ Flash ได้ แอปเปิ้ลดูจะไม่ชอบ Flash เท่าไหร่นัก นับตั้งแต่ iPhone ที่ไม่สามารถเล่นไฟล์ Flash ที่ปรากฏในเว็บไซต์ได้ โดยแอปเปิ้ลระบุว่า Flash มันกินพลังงานมากเกินไป ด้วยเหตุนี้ ใครที่ชอบเล่นเกมส์บน Facebook พวกเกมส์ร้านอาหาร เกมส์เก็บผัก นั้น จะเล่นบน iPad ไม่ได้นะครับ
- iPad ไม่มีพอร์ต USB หรือ ช่องต่อเมมโมรี่การ์ด ทุกๆอย่างที่จะต่อกับ iPad ต้องต่อผ่านช่องต่อด้านล่าง ซึ่งเป็นพอร์ตแบบเดียวกับ iPhone
- iPad ไม่มีกล้อง เพราะฉะนั้นมันจะไม่สามารถใช้งานการโทรศัพท์ผ่านเน็ตแบบเห็นหน้าได้ ก็คือ เล่น แคมฟร็อก iPad ทำไม่ได้นั่นเอง
- iPad ทำงานหลายอย่างพร้อมกันไม่ได้ ที่เราเรียกกันว่า Multitasking หมายถึงการที่คอมพิวเตอร์ มือถือ หรือ iPad สามารถรันโปรแกรมหลายๆตัวไปพร้อมกันครับ เช่น เวลาที่เราพิมพ์งานเวิร์ดไปด้วย และเปิด msn ไปด้วยครับ แต่ใน iPad เราจะทำงานได้ทีละอย่างครับ
- iPadเปลี่ยนแบตเตอรี่เองไม่ได้ เช่นเดียวกับ iPod และ iPhone นะครับ iPad ไม่สามารถเปลี่ยนแบตได้ด้วยตนเอง ต้องเปลี่ยนที่ร้าน App Store เท่านั้น(ถ้าในเมืองไทยคงเปลี่ยนที่ iStudio)
- iPad ลงโปรแกรมเองผ่าน CD/DVD หรือ ผ่าน ไฟล์ติดตั้งเองไม่ได้นะครับ iPad ต้องลงผ่าน App Store เท่านั้น
- iPadไม่มีพอร์ต HDMI พอร์ตนี้เป็นพอร์ตสำหรับต่อ วีดีโอคุณภาพสูงออกไปยังทีวี หรือเครื่องฉายต่างๆนะครับ แต่ iPad ไม่มีพอร์ตที่จะเชื่อมต่อโดยตรง แต่ iPad ยังคงมีสายต่อพ่วงจากพอร์ตต่อด้านท้ายเครื่องครับ คงต้องซื้ออุปกรณ์เสริมเข้าไป
App Store?
iPad ลงโปรแกรมเองไม่ได้ แล้วจะหาซื้อโปรแกรมมาลงได้ยังไง
ท่านที่ไม่คุ้นเคยกับการใช้งาน iPhone มาก่อน อาจจะรู้สึกสงสัยว่าถ้า iPad เอาโปรแกรมไปลงในเครื่องไม่ได้แล้ว เราจะหาโปรแกรมมาใช้จากไหน
วิธีการจะ
ซื้อโปรแกรมให้ iPad (หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า Apps) นั้นเราต้องซื้อผ่าน App Store ครับ โดยจิ้มที่ไอคอน
ที่หน้าจอหลัก iPad ก็จะเปิดหน้าต่างของ App Store ให้ตามรูปครับ
App Store จะเป็นฟังก์ชั่นให้เราเข้าไปโหลด App ที่เราต้องการนำมาใช้ครับ โดยหากเราต้องการซื้อนั้นเราต้องการ
จ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตครับ จากนั้น iPad ก็จะโหลด App นั้นมาลงที่เครื่องโดยอัตโนมัติครับ เท่านี้ก็เล่นได้แล้ว อันที่จริง การที่ไม่ต้องมานั่งลงเอง ใช้ซื้อผ่าน App Store กลับเป็นเรื่องสะดวกและปลอดภัยนะครับ เนื่องจาก App ที่จะเข้ามาอยู่ใน App Store ได้นั้นต้องผ่านด่านการทดสอบจาก แอปเปิ้ล แล้วว่าปลอดภัยกับตัวเครื่อง iPad หรือ iPhone ก็ตาม
150,000 Apps??
สำหรับ App ที่มีอยู่ใน App Store ตอนนี้ เป็น App สำหรับ iPhone นะครับ แต่ตัว iPad เองสามารถเล่น App ของ iPhone ได้เหมือนกัน ดังนั้นเรียกได้ว่า ถ้าซื้อ iPad มาใช้ตอนนี้เราจะมี App ให้เลือกซื้อกว่า 150,000 App เลยทีเดียว ส่วนสำหรับ App ที่เหมาะสมกับ iPad จริงๆนั้น ขณะนี้แอปเปิ้ลกำลังคัดเลือก และทดสอบ App ที่บริษัทพัฒนาโปรแกรมต่างๆส่งเข้าไปที่บริษัทแอปเปิ้ลครับ ในวันที่ iPad วางขาย เราคงได้เห็น App น่าสนใจหลายตัวเลยทีเดียว
แล้วจะหาซื้อ iPad ได้ที่ไหน ราคาเท่าไหร่
เป็นธรรมเนียมไปแล้วสำหรับสินค้าของแอปเปิ้ล ในการที่จะมีการเปิดตัวสินค้าก่อน และรับจองสินค้าล่วงหน้า จากนั้นสินค้าจึงจะวางจำหน่ายจริง ณ ขณะนี้ iPad เพิ่งเปิดรับจองล่วงหน้าไปเมื่อวันที่ 14 มี.ค. และจะส่งสินค้าในวันที่ 3 เม.ย. สำหรับผู้ที่อาศัยในประเทศอเมริกา แต่สำหรับผู้ที่อยู่ต่างประเทศจะได้รับสินค้าในวันที่ 5 เม.ย. โดย iPad จะมีให้เลือก 2 รุ่น คือ รุ่น iPad(WiFi) และ รุ่น iPad(Wifi+3G) แต่ละรุ่นจะมีความจุ 3 ขนาดให้เลือก 16GB, 32GB และ 64 GB โดยมีราคาดังนี้ครับ
รุ่น
|
Wifi
|
Wifi+3G
|
iPad 16GB
|
499 $
|
629 $
|
iPad 32GB
|
599 $
|
729 $
|
iPad 64GB
|
699 $
|
829 $
|
iPad จะมีขายในประเทศไทยเมื่อไหร่ ซื้อที่ไหน
วันที่ 3 เมษายน คนอเมริกันก็จะได้ใช้ iPad แล้วบางส่วน แต่สำหรับ คนไทยนั้นยังต้องรอกันก่อนครับ
โดยทั่วไป สินค้าแอปเปิ้ล,มักจะวางจำหน่ายใน iStudio แต่ในกรณีที่เป็น รุ่น 3G นั้น อาจจะต้องมีการพูดคุยกับค่ายมือถือ เพื่อออกโปรโมชั่นสำหรับใช้ 3G ครับ ซึ่งทาง TrueMove ผู้จำหน่าย iPhone ในประเทศไทย ก็ยังไม่เอ่ยถึงการจะนำ iPad มาจำหน่ายแต่อย่างใดครับ แต่เชื่อได้เลย ทุกอย่างอยู่ในการเจรจาไม่ว่าจะเป็น ค่าย TrueMove , Dtac หรือแม้แต่ AIS เองก็ตาม
รายละเอียดทางเทคนิคของ iPad
Operating system
|
iPhone OS 3.2 (build 7B298g) Released January 27, 2010 |
Power
|
Internal rechargeable non-removable 25 wHr lithium-polymer battery |
CPU
|
1 GHz Apple A4 |
Storage capacity
|
Flash memory 16, 32, and 64 GB |
Display
|
1024 x 768 px, 9.7 in (25 cm), 132 ppi, 4:3 aspect ratio, XGA,LED-backlit IPS LCD display |
Input
|
Multi-touch touch screen display,headset controls, proximity and ambient light sensors, 3-axisaccelerometer, digital compass |
Connectivity
|
Wi-Fi (802.11a/b/g/n), Bluetooth 2.1+EDR, USB 2.0/Dock connector
Wi-Fi + 3G model also includes: A-GPS, micro-SIM slot, Quad-band GSM 850 900 1800 1900 MHz GPRS/EDGE, Tri-band UMTS 850 1900 2100 MHz HSDPA |
Online services
|
iTunes Store, App Store, Mobile Me, iBook store |
Dimensions
|
9.56 in (24.3 cm) (h)
7.47 in (19.0 cm) (w)
0.5 in (1.3 cm) (d) |
Weight
|
Wi-Fi model: 1.5 lb (680 g)
Wi-Fi + 3G model: 1.6 lb (730 g) |
เรื่องราวของ iPad ยังไม่จบเท่านี้นะครับ อาทิตย์หน้าเรามาดูกันต่อว่า iPad ได้ก่อให้เกิด ปรากฏการณ์อะไรในแวดวงคอมพิวเตอร์ บ้าง !!
Update : 15/04/2010
Apple
Tablet
App
iPad
Article