Xiaomi เป็นแบรนด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องสมาร์ทโฟนสเปกแรงราคาประหยัดมาแต่ไหนแต่ไร ที่ผ่านมาแม้จะไม่ได้เข้ามาทำตลาดในไทยแต่ก็สามารถสร้างฐานแฟนคลับได้ในระดับหนึ่ง เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา Xiaomi ก็ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงกล้องคู่รุ่น Mi 6 ซึ่งมาพร้อมกับบอดี้เคลือบกระจกเงาวาวสุดพรีเมียมออกมาบุกตลาดมือถือ high-end อีกครั้ง ข่าวดีก็คือตอนนี้ Xiaomi ได้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว พร้อมกับนำ Xiaomi Mi 6 และสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ เข้ามาจำหน่าย เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับผู้ใช้ชาวไทยอย่างเราๆ ครับ
สำหรับ Xiaomi Mi 6 นั้นจัดว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจรุ่นหนึ่ง โดยมาพร้อมกับบอดี้โลหะเคลือบกระจกเงาวาวดูหรูหรา หน้าจอแสดงผลขนาด 5.15 นิ้วความละเอียด Full HD ชิปเซ็ต Snapdragon 835 พร้อม RAM 6 GB ความจุ 64/128 GB กล้องคู่ด้านหลังที่รองรับการถ่ายภาพแบบ Bokeh ครบครันด้วยเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้ปุ่มโฮมและรองรับระบบชาร์จเร็ว ทั้งหมดนี้ในราคาเริ่มต้นเพียง 13,790 บาทเท่านั้น
อ่านถึงตรงนี้หลายคนคงจะเริ่มสนใจ Xiaomi Mi 6 กันบ้างแล้ว ซึ่งในโอกาสนี้ทาง Techmoblog ก็จะพาทุกคนไปรู้จักสมาร์ทโฟนรุ่นนี้กันให้มากขึ้นผ่านบทความรีวิว Xiaomi Mi 6 จะมีประสิทธิภาพสมกับสเปกระดับเรือธงหรือไม่ไปชมกันเลยครับ
Xiaomi Mi Mix 6 มาในกล่องสีขาวสไตล์ minimal ภายในกล่องมีตัวเครื่อง เคสพลาสติก สาย USB-C และอแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี
สิ่งแรกที่สะดุดตาเมื่อแรกเห็นของ Xiaomi Mi 6 คือบอดี้โลหะเคลือบกระจกแบบ Unibody ที่สะท้อนแสงเงาวาว ล้อมรอบด้วยเฟรมสีทองดูหรูหราพรีเมียม ตัวเครื่องด้านหน้ายังเป็นดีไซน์แบบมาตรฐาน คือมีขอบบน ขอบล่าง และปุ่มโฮม หน้าจอขนาด 5.15 นิ้ว Full HD อัตราส่วน 16:9 ตัวเครื่องมีขนาด 145.17x70.49x7.45 มิลลิเมตร หนัก 168 กรัม
เหนือจอขึ้นไปเป็นการจัดวางโมดูลแบบมาตรฐานนั่นคือมีกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์วัดแสง+ระยะห่าง ลำโพงสนทนา บริเวณมุมขวามีไฟแจ้งเตือน LED ซ่อนอยู่ใต้กระจก ซึ่งจะมองเห็นเมื่อทำงาน
ด้านล่างมีปุ่มโฮมแบบ capacitive ที่ฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ภายใน ด้านซ้ายเป็นปุ่ม recent apps และด้านขวาเป็นปุ่ม back แบบ capacitive พร้อม backlit ที่จะสว่างขึ้นเองโดยอัตโนมัติเมื่อใช้งาน และตอบสนองต่อแรงกดด้วยการสั่นได้
ตัวเครื่องด้านหลังที่เรียบโล่งทำให้เราได้เห็นความสวยงามของ Xiaomi Mi 6 อย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในที่ที่มีแสงจ้า บอดี้เคลือบกระจกขัดเงาจะสะท้อนแสงโดดเด่นสะดุดตาขึ้นมาทันที
บริเวณมุมซ้ายบนของตัวเครื่องด้านหลังเป็นที่อยู่ของโมดูลกล้องคู่ ความละเอียด 12+12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.8 และ f/2.6 พร้อมไฟแฟลช Dual-Tone LED ความสามารถครบเครื่องไม่ว่าจะเป็น 2x Optical Zoom, 10x Digital Zoom, ระบบกันสั่น OIS 4 แกน (4-axis OIS), ระบบการโฟกัสภาพ PDAF และการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอที่นิยมกันอยู่ในขณะนี้
ด้านล่างเป็นโลโก้ Mi พิมพ์ด้วยตัวอักษรสีทองเข้ากับเฟรมรอบตัวเครื่องได้อย่างลงตัว
ขอบเครื่องด้านซ้ายมีถาดใส่ซิมแบบ Dual SIM แต่ไม่สามารถใส่ microSD Card เพิ่มเติมได้
ขอบเครื่องด้านขวาประกอบไปด้วยปุ่มปรับระดับเสียง (ปุ่มยาว) และปุ่มเปิด-ปิดหน้าจอ (ปุ่มสั้น) ตัวปุ่มเป็นสแตนเลสเช่นเดียวกับเฟรม
ขอบเครื่องด้านบนมีเพียงไมค์ตัดเสียงรบกวน
ส่วนด้านล่างมีลำโพง 2 ตัว และพอร์ต USB-C สำหรับชาร์จแบตเตอรีและโอนย้ายข้อมูล น่าเสียดายที่ไม่มีช่องเสียบหูฟัง
Xiaomi Mi 6 มีขนาดและน้ำหนักเหมาะมือ งานประกอบโดยรวมดูแน่น แต่ด้วยความที่พิ้นผิวเป็นกระจกขัดเงาทำให้ค่อนข้างลื่นมือเมื่อใช้งานไปได้ระยะหนึ่ง และเป็นรอยนิ้วมือง่าย อาจจะต้องทำความสะอาดกันบ่อยหน่อยหากไม่ใส่เคสครับ
Xiaomi Mi 6 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 7.1.1 Nougat ครอบทับด้วย MIUI 8
เมื่อเข้ามาถึงหน้า Home Screen ของ Xiaomi Mi 6 จะพบว่าไม่มีหน้า App Launcher เหมือนสมาร์ทโฟน Android รุ่นอื่นๆ แอปพลิเคชันที่ดาวน์โหลดมาทั้งหมดจะอยู่ในหน้า Home Screen โดยผู้ใช้สามารถจัดเรียงแอปพลิเคชันหรือสร้างโฟลเดอร์จัดเก็บให้เป็นหมวดหมู่ได้ตามใจชอบ
เมื่อกดปุ่ม Recent Apps จะแสดงแอปพลิเคชันที่เปิดค้างไว้ สามารถเลือกแอปที่ต้องการเพื่อเรียกแอปนั้นๆ ขึ้นมาใช้งาน หรือปัดขึ้นเพื่อปิดแอปได้
เมื่อปัดหน้าจอจากด้านบนลงมา 1 ครั้งจะเป็นการเปิด Notification Center ที่แสดงการแจ้งเตือนต่างๆ หากปัดลงมาอีกครั้ง จะเข้าสู่เมนูลัดการตั้งค่า
Xioami Mi 6 มีการติดตั้งแอปพลิเคชันจาก Google ไว้ครบครันทั้ง Gmail, Google Maps, YouTube, Chrome และอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือต่างๆ ติดตั้งมาให้ด้วยเช่น เครื่องคิดเลข นาฬิกา วิทยุ เครื่องบันทึกเสียง ฟังก์ชันสแกน QR Code และอื่นๆ
สำหรับการทำงานกับไฟล์เอกสาร Xiaomi Mi 6 ไม่มี Microsoft Office ติดตั้งมาด้วยเหมือนสมาร์ทโฟนบางแบรนด์ แต่มาพร้อมกับแอปพลิเคชัน WPS Office ที่รองรับการทำงานได้ครบถ้วนทั้งงานเอกสารไปจนถึงพรีเซนเทชันโดยไม่ต้องไปดาวน์โหลดเพิ่มเติมที่ไหน
หากไม่ชอบภาพพื้นหลังและธีมที่มากับตัวเครื่อง ก็สามารถเข้าไปเลือกดาวน์โหลดภาพพื้นหลังและธีมที่ถูกใจ มีทั้งแบบฟรี และเสียเงิน
ระบบจัดการข้อมูลและปรับปรุงประสิทธิภาพ ทำความสะอาดไฟล์ขยะ ก็มีมาให้ไม่ต้องไปหาโหลดที่ไหน
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ Xiaomi Mi 6 คือ Second Space ที่ทำให้เราแบ่งภาคสมาร์ทโฟนเสมือนเป็น 2 เครื่องได้ในเครื่องเดียวโดยทำงานและเก็บข้อมูลแยกกัน หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดขึ้น ก็คล้ายๆ กับการสร้าง account แยกในคอมพิวเตอร์บนคอมพิวเตอร์ Windows นั่นเองครับ
นอกจากนี้ยังมี IR Blaster ที่เปลี่ยนสมาร์ทโฟนให้กลายเป็นรีโมทคอนโทรลได้ด้วยการยิงแสงอินฟราเรด โดยควบคุมการทำงานผ่านแอปพลิเคชันรีโมทที่ติดตั้งมาให้แล้ว
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือของ Xiaomi Mi 6 จะอยู่ที่ปุ่มโฮมด้านล่างหน้าจอ การเปิดใช้งานจะต้องเข้าไปลงทะเบียนลายนิ้วมือในหน้าการตั้งค่าเสียก่อน ซึ่งตัวเซ็นเซอร์มีการตอบสนองที่รวดเร็วตามมาตรฐานปัจจุบัน
ในส่วนของความบันเทิง Xiaomi Mi 6 มาพร้อมกับชิปเซ็ตตัวแรงอย่าง Snapdragon 835 หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 540 พร้อม RAM 6 GB จึงสามารถเล่นเกมได้อย่างลื่นไหลไม่ว่าจะเป็นเกมภาพสวยระดับ AAA หรือเกมยอดฮิตอย่าง RoV ก็ไม่มีกระตุก ในส่วนนี้ถือว่าทำได้ดีเกินค่าตัวครับ
และสุดท้ายก็มาถึงผลการทดสอบ Benchmark ซึ่งผลการทดสอบด้วยโปรแกรม Quadrant ทำได้ 35,610 คะแนน ส่วนการทดสอบด้วยโปรแกรม AnTuTu ทำได้ 173,387 คะแนน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมากทั้งคู่
ปิดท้ายด้วยผลการทดสอบกับโปรแกรม Geekbench 4 ซึ่งทำได้ 1935 คะแนนสำหรับการทดสอบแบบ Single-Core และ 6632 คะแนนสำหรับการทดสอบแบบ Multi-Core
กล้องคู่ด้านหลังเป็นจุดเด่นสำคัญอีกอย่างหนึ่งของ Xiaomi Mi 6 โดยมีความละเอียด 12+12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.8 และ f/2.6 พร้อมไฟแฟลช Dual-Tone LED รองรับการซูมแบบ optical ได้ 2 เท่า และซูมแบบ digital 10 เท่า มีระบบกันสั่น OIS 4 แกน ระบบการโฟกัสภาพ PDAFและถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอได้ สำหรับโหมดถ่ายภาพก็มีมาให้เลือกใช้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็น พาโนรามา, นับถอยหลัง, เสียง, ปรับให้ตรง, โหมดแต่งหน้า และอื่นๆ ให้ปรับใช้กันตามสถานการณ์
สำหรับกล้อหน้าจะมีความละเอียดอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล ที่น่าสนใจคือมีโหมดแต่งหน้าแบบ Smart ซึ่งจะปรับความเนียนให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ โดยเลือกปรับได้ 3 ระดับคือ ต่ำ, ปานกลาง และสูง หรือถ้าอยากจะปรับเองก็สามารถเลือกโหมด Pro แทนได้ โดยปรับความเนียนได้ถึง 10 ระดับ
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง โหมดหน้าชัดหลังเบลอ
Xiaomi Mi 6 เป็นสมาร์ทโฟนที่ยังรักษามาตรฐานการเป็นแบรนด์มือถือสเปกแรงราคาประหยัดของ Xiaomi ได้เป็นอย่างดี แม้จะมีราคาไม่แพง แต่งานประกอบโดยรวมถือว่าแน่นหนาทนทานแถมยังเพิ่มความหรูหราด้วยการเลือกใช้วัสดุโลหะเคลือบกระจกขัดเงาและเฟรมสแตนเลส นอกจากนี้ยังจัดสเปกมาให้แบบไม่มีกั๊ก ทั้งชิปเซ็ต Snapdragon 835 ซึ่งแรงที่สุดสำหรับ Android ในขณะนี้ และ RAM ที่สูงถึง 6 GB ทำให้สามารถรองรับการใช้งานทั่วไปได้อย่างราบรื่น แม้จะเล่นเกมกราฟิกหนักๆ ก็ยังรับได้สบาย
ในส่วนของการถ่ายภาพ กล้องคู่ด้านหลังของ Xiaomi Mi 6 รองรับโหมดการถ่ายภาพพื้นฐานต่างๆ ได้เช่นเดียวกับเรือธงรุ่นอื่นๆ และมีโหมดหน้าชัดหลังเบลอที่มีประสิทธิภาพค่อนข้างดี แม้อาจจะไม่ถึงกับดีที่สุด แต่ก็อยู่ในระดับน่าประทับใจเมื่อเทียบกับราคา
อย่างไรก็ตาม Xiaomi Mi 6 มีดีไซน์ที่อาจจะยังไม่โดนใจใครหลายๆ คน เพราะยังเป็นดีไซน์มาตรฐานคือมีขอบจอทั้งด้านบนและด้านล่าง ไม่ได้ตามเทรนด์ดีไซน์ไร้ขอบเหมือนเรือธงรุ่นอื่นๆ ในตอนนี้ ดังนั้นหน้าตาก็จะดูธรรมดาๆ แต่ก็มีความเงาวาวของวัสดุตัวเครื่องมาช่วยชดเชยในส่วนนี้อยู่ สรุปแล้ว Xiaomi Mi 6 เป็นสมาร์ทโฟนสเปกแรงที่ตอบโจทย์ได้รอบด้าน ไม่ว่าจะเล่นเกม ทำงาน หรือถ่ายภาพ ก็ทำได้ดีอย่างน่าประทับใจ แต่อาจจะไม่ถึงกับดีที่สุดครับ
Xiaomi Mi 6 วางจำหน่ายผ่าน Xiaomi Official Store บนเว็บไซต์ Lazada โดยมีราคาเริ่มต้น 13,790 บาทโดยมีให้เลือก 2 สีคือสีดำเงา และสีน้ำเงิน ท่านใดที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อสินค้าได้ที่ Xiaomi Official Store ครับ
จุดเด่นของ Xiaomi Mi 6
จุดที่ต้องพิจารณา
ข้อควรทราบ : เครื่อง Xiaomi Mi 6 ในบทความรีวิวนี้ เป็นเพียงเครื่องทดสอบเท่านั้น คุณสมบัติบางอย่างอาจยังไม่สมบูรณ์ 100% และอาจไม่ตรงกับตัวเครื่องที่วางจำหน่ายจริง
------------------------------------
บทความรีวิวโดย : techmoblog.com
Update : 02/10/2017
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |