เดินหน้าบุกตลาดสมาร์ทโฟนในไทยอย่างเต็มตัวแล้ว สำหรับ Xiaomi แบรนด์มือถือรายใหญ่จากประเทศจีน ซึ่งเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทาง Xiaomi ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนในไทย 2 รุ่นด้วยกัน นั่นก็คือ Xiaomi Mi 6 มือถือเรือธงตัวแรง ด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 835 ส่วนอีกรุ่นก็คือ Xiaomi Redmi Note 4 สมาร์ทโฟนระดับกลางในราคาเบา ๆ สบายกระเป๋า ซึ่งในวันนี้ ทีมงาน techmoblog จะมารีวิว Xiaomi Redmi Note 4 ให้ชมกัน
โดย Xiaomi Redmi Note 4 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลกว้าง 5.5 นิ้ว แบบ IPS LCD Display ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล, ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 625 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.0 GHz, หน่วยประมวลผลภาพกราฟิก Adreno 506 GPU, กล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, กล้องด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด, รองรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง, รองรับเครือข่าย 4G LTE, แบตเตอรี่ขนาด 4100 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยี Fast Charging และทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 7.0 (Nougat) พร้อมอินเทอร์เฟสแบบ MIUI 8.0 โดยแบ่งออกเป็น 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น RAM 3 GB l ROM 32 GB กับรุ่น RAM 4 GB l ROM 64 GB รองรับหน่วย microSD Card สูงสุด 128 GB
มาดูกันดีกว่าว่า Xiaomi Redmi Note 4 จะคุ้มค่าสมราคาแค่ไหน กับรีวิว Xiaomi Redmi Note 4 โดยทีมงาน techmoblog ครับ
>> สเปก Xiaomi Redmi Note 4 อย่างละเอียด คลิกที่นี่
สำหรับตัวเครื่องของ Xiaomi Redmi Note 4 ผลิตจากโลหะพร้อมขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกัน (Full Metal Unibody) มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว แบบ IPS LCD ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล โดยมีขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 151 x 76 x 8.45 มิลลิเมตร หนัก 165 กรัม
ด้านบนของหน้าจอแสดงผล ประกอบด้วย กล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, ลำโพงสำหรับสนทนา, เซ็นเซอร์ต่าง ๆ และไฟ LED แสดงสถานะของตัวเครื่อง เช่น ข้อความเข้า หรือชาร์จแบตเตอรี่ เป็นต้น
ด้านล่างของหน้าจอแสดงผล ประกอบด้วย ปุ่มควบคุมการทำงาน ได้แก่ Recent Apps, ปุ่ม Home และปุ่มย้อนกลับ
ด้านขวาของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดตัวเครื่อง หรือล็อกหน้าจอแสดงผล และปุ่มปรับระดับเสียง ส่วนด้านซ้ายของตัวเครื่อง เป็นถาดสำหรับใส่ซิมการ์ด ซึ่ง Xiaomi Redmi Note 4 รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด โดยซิมการ์ดที่ 1 เป็นแบบ microSIM ส่วนซิมการ์ดที่ 2 เป็นแบบ nanoSIM อีกทั้งยังรองรับหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card ด้วย แต่ต้องเลือกระหว่าง microSD Card หรือ nanoSIM ไม่สามารถใช้งานพร้อมกันได้
ด้านบนของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวนรอบข้าง, IR Blaster ซึ่งเป็นสัญญาณแบบอินฟราเรดในการเปลี่ยนสมาร์ทโฟนให้กลายเป็นรีโมทคอนโทรล และพอร์ตหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร ซึ่งภายในกล่องแพ็กเกจ ไม่มีหูฟังมาให้ ผู้ใช้จะต้องซื้อเพิ่มเอง
ส่วนด้านล่างของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ไมโครโฟนหลักสำหรับสนทนา, พอร์ต microUSB และลำโพงเสียง
ด้านหลังของตัวเครื่อง ประกอบด้วย กล้องด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ Dual-LED และเซ็นเซอร์สำหรับสแกนลายนิ้วมือ
สำหรับ Xiaomi Redmi Note 4 รุ่นที่นำมารีวิวนี้ เป็นรุ่นที่มาพร้อมกับหน่วยความจำ RAM ขนาด 3 GB และ ROM ขนาด 32 GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 7.0 (Nougat) พร้อมอินเทอร์เฟส MIUI เวอร์ชัน 8.0 โดยรุ่นนี้ไม่มีหน้า App Launcher ซึ่งแอปพลิเคชันที่ดาวน์โหลดจะอยู่ในหน้า Homescreen ทั้งหมด โดยผู้ใช้สามารถจัดเรียงแอปพลิเคชันได้ตามใจชอบ หรือสร้างโฟลเดอร์จัดเก็บให้เป็นหมวดหมู่
ในส่วนของธีม และภาพพื้นหลัง มีให้เลือกดาวน์โหลดมาใช้งานกันอย่างมากมาย ทั้งแบบดาวน์โหลดได้ฟรี และเสียเงิน
Notification Center ศูนย์การแจ้งเตือน ที่นอกจากจะมีการแจ้งเตือนทั้งข้อความเข้า, อีเมล รวมไปถึงการอัปเดตระบบแล้ว ยังสามารถเข้าสู่เมนูลัดตั้งค่าการใช้งานได้จากส่วนนี้เช่นกัน
Recent Apps สลับไปใช้งานแอปพลิเคชันอื่น หรือปิดแอปพลิเคชันที่ไม่ต้องการ ซึ่งในส่วนนี้ สามารถใช้งานแอปพลิเคชันเครื่องเล่นเพลงได้อีกด้วย
ด้านบริการต่าง ๆ จาก Google มีให้ใช้งานกันอย่างครบครันเลยทีเดียว ทั้ง Gmail, Google Maps, YouTube, Chrome และอื่น ๆ รวมไปถึงแอปพลิเคชันพื้นฐานต่าง ๆ บนตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น เครื่องคิดเลข, นาฬิกา, วิทยุ หรือเครื่องบันทึกเสียง
นอกจากนี้ บน Xiaomi Redmi Note 4 ยังมีแอปพลิเคชัน ตัวสแกน สำหรับสแกน QR Code, นามบัตร และเอกสาร
อย่างที่กล่าวไว้ในตอนต้นว่า Xiaomi Redmi Note 4 มี IR Blaster ซึ่งเป็นฟังก์ชันในการเปลี่ยนสมาร์ทโฟนให้กลายเป็นรีโมทคอนโทรล ผ่านทางสัญญาณอินฟราเรด สำหรับควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยฟังก์ชันนี้จะใช้งานคู่กับแอปพลิเคชันรีโมท ซึ่งได้ติดตั้งไว้แล้วในตัวเครื่อง
ด้านงานเอกสาร สามารถใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชัน WPS Office ได้ โดยไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดเพิ่มเติม
Xiaomi Redmi Note 4 มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง ซึ่งต้องเพิ่มลายนิ้วมือเข้าไปเสียก่อน
มาทดสอบประสิทธิภาพด้านการเล่นเกมกันบ้าง โดยรุ่นที่นำมารีวิวนี้ มาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 625 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.0 GHz, หน่วยประมวลผลภาพกราฟิก Adreno 506 GPU และหน่วยความจำ RAM ขนาด 3 GB ซึ่งจากการทดสอบกับเกม ROV สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล ไม่มีสะดุด
ปิดท้ายด้วยผลการทดสอบ Benchmark กันบ้าง โดยการทดสอบด้วยโปรแกรม Quadrant ได้ 23,734 คะแนน ส่วนการทดสอบด้วยโปรแกรม AnTuTu ทำได้ 62,303 คะแนน ซึ่งถือว่า เป็นคะแนนที่อยู่ในระดับกลาง ๆ
และการทดสอบด้วยโปรแกรม Geekbench 4 ทำได้ 860 คะแนนสำหรับการทดสอบแบบ Single-Core และ 4,030 คะแนนสำหรับการทดสอบแบบ Multi-Core
มาทดสอบด้านการถ่ายรูปกันบ้าง โดย Xiaomi Redmi Note 4 มาพร้อมกับกล้องด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ Dual-LED และรูรับแสงขนาดกว้าง F/2.0 ซึ่งกล้องด้านหลัง มีโหมดการถ่ายภาพให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น พาโนรามา, นับถอยหลัง, เสียง, ปรับให้ตรง, โหมดแต่งหน้า และอื่น ๆ อีกทั้งยังสามารถใส่ฟิลเตอร์เพื่อเพิ่มลูกเล่นให้กับภาพถ่ายได้
สำหรับโหมดการถ่ายภาพแบบตั้งค่าเอง สามารถเลือกตั้งค่าในส่วนของ สมดุลสีขาว (อัตโนมัติ, หลอดไส้, กลางแจ้ง, ฟลูออเรสเซนต์, ในร่ม) และ ISO ปรับได้สูงสุดที่ระดับ 3200
ส่วนกล้องด้านหน้า ความละเอียดอยู่ที่ 5 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้างสูงสุด F/2.0 โดยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย จะมีให้เลือก 2 แบบ นั่นก็คือ โหมดขั้นสูง ที่สามารถปรับรูปหน้า และผิวเนียนได้สูงสุด 10 ระดับ ส่วนอีกอันเป็นโหมดอัจฉริยะ แบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ต่ำ, ปานกลาง และสูง
นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าการใช้งานกล้องถ่ายรูปในส่วนอื่น ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น การจัดเก็บข้อมูลตำแหน่งพิกัด, เสียง, ประทับเวลาบนรูป, แสดงตาราง, เลือกอัตราส่วนภาพ, เปิดระบบตรวจจับใบหน้า และอื่น ๆ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลัง
สำหรับ Xiaomi Redmi Note 4 ถือว่า เป็นรุ่นที่ตอบโจทย์ผู้ที่มีงบประมาณในการซื้อสมาร์ทโฟนแบบจำกัด เมื่อเทียบคุณสมบัติกับราคาค่าตัวแล้ว ถือว่า คุ้มค่าเกินราคาเลยก็ว่าได้ เริ่มกันตั้งแต่ดีไซน์ตัวเครื่องที่เป็นโลหะในสไตล์ Unibody พร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ส่วนคุณสมบัติด้านอื่น ๆ ถือว่าอยู่ในระดับกลาง ๆ ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอแสดงผลกว้าง 5.5 นิ้ว แบบ IPS LCD Display ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล, ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 625 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.0 GHz, หน่วยประมวลผลภาพกราฟิก Adreno 506 GPU, กล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, กล้องด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด, รองรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง, รองรับเครือข่าย 4G LTE, แบตเตอรี่ขนาด 4100 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยี Fast Charging และทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 7.0 (Nougat) พร้อมอินเทอร์เฟสแบบ MIUI 8.0
โดย Xiaomi Redmi Note 4 แบ่งออกเป็น 2 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ รุ่น RAM 3 GB l ROM 32 GB ราคา 5,790 บาท กับรุ่น RAM 4 GB l ROM 64 GB ราคา 6,790 บาท เท่านั้น เรียกได้ว่า มีระดับราคาค่าตัวที่ไม่แพงเลยก็ว่าได้ โดยวางจำหน่ายแล้ววันนี้ตามร้านตัวแทนจำหน่าย หรือสามารถสั่งซื้อได้ผ่านทาง Xiaomi Official Store (Lazada)
จุดเด่นของ Xiaomi Redmi Note 4
จุดที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม
ข้อควรทราบ: “เครื่อง Xiaomi Redmi Note 4 ที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้ เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทาง Xiaomi เท่านั้น ยังไม่ใช่เครื่องที่วางจำหน่ายจริงแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นตัวเครื่อง หรือฟังก์ชันการทำงานบางอย่างอาจจะยังไม่สมบูรณ์ 100% เหมือนกับเครื่องที่วางจำหน่ายจริง”
---------------------------------------
บทความรีวิวโดย : techmoblog.com
Update : 11/09/2017
หน้าหลัก (Main) |
(สินค้า IT) ออกใหม่ |
|
FOLLOW US |