หน้าแรก >> ข่าวทั้งหมด >> อ่านบทความ/ข่าว

[รีวิว] Xiaomi Redmi Note 6 Pro มือถือกล้อง 4 ตัวพร้อม AI, RAM 4 GB และแบตอึดจุใจ บนดีไซน์จอบาก 6.26 นิ้ว เคาะราคาสุดคุ้มเพียง 6,990 บาท

เปิดตัวและวางจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ในงาน Thailand Mobile Expo 2018 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับ Xiaomi Redmi Note 6 Pro ที่ชูจุดเด่นในด้านการถ่ายภาพทั้งกล้องด้านหน้าและกล้องด้านหลัง, แบตเตอรี่ขนาดใหญ่อึดจุใจ และหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น โดยมีราคาค่าตัวเพียง 6,990 บาท เท่านั้น

โดย Xiaomi Redmi Note 6 Pro มาพร้อมกับดีไซน์จอบากตามสมัยนิยม บนหน้าจอไซส์ยักษ์ขนาด 6.26 นิ้ว แบบ IPS LCD ความละเอียด 2160 x 1080 พิกเซล ที่มีความสว่างสูงถึง 500 nits พร้อมกระจกหน้าจอ Corning Gorilla Glass ขอบโค้งมนแบบ 2.5D, ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 636 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 1.8 GHz, หน่วยประมวลผลภาพกราฟิก Adreno 509 GPU, หน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB และหน่วยความจำภายในตัวเครื่องขนาด 64 GB พร้อมรองรับหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card

สำหรับกล้องถ่ายรูป ถือว่าเป็นจุดขายหลักของรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ โดยมาพร้อมกล้องถึง 4 ตัว ประกอบด้วย กล้องคู่ด้านหน้า และกล้องคู่ด้านหลัง พร้อมรองรับเทคโนโลยี AI ทั้งกล้องด้านหน้าและด้านหลัง โดยกล้องด้านหน้า เป็นกล้องคู่ความละเอียด 20+2 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยี Super Pixel Technology ขนาด 1.8μm, รองรับ AI Scene Recognition ที่สามารถตรวจจับฉากหลังได้ถึง 12 หมวด, รองรับ AI Portrait Mode แสดงผลหน้าชัดหลังเบลอแบบ Real-Time ก่อนกดชัตเตอร์ถ่ายภาพ และรองรับ AI Beautify 4.0 กับโหมดถ่ายภาพหน้าสวย ที่สามารถปรับแต่งใบหน้าได้ ทั้งหน้าเรียว, ความเนียนของผิว, สีผิว และตาโต

ส่วนกล้องด้านหลัง เป็นกล้องคู่ (Dual-Camera) เช่นเดียวกับกล้องด้านหน้า ความละเอียด 12+5 ล้านพิกเซล, รูรับแสงขนาดกว้างสูงสุด F/1.9 และขนาดพิกเซล 1.4μm พร้อมรองรับ AI Scene Recognition ที่สามารถตรวจจับฉากหลังได้ถึง 27 หมวด 206 แบบ และ AI Dynamic Bokey กับการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ พร้อมลูกเล่นแต่งไฟพื้นหลังได้อีก 6 แบบ (รออัปเดตเฟิร์มแวร์)

นอกจากนี้ Xiaomi Redmi Note 6 Pro ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดความจุถึง 4,000 mAh ที่การชาร์จ 1 ครั้ง สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังรองรับความปลอดภัยในการใช้งาน ทั้งการสแกนใบหน้า (AI Face Unlock) รวมถึงการสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่องอีกด้วย

โดยในวันนี้ นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่ทีมงาน techmoblog จะมา รีวิว Xiaomi Redmi Note 6 Pro ให้ชมกัน มาดูกันดีกว่าว่า มือถือราคาไม่ถึงหมื่นเครื่องนี้ จะน่าใช้งานขนาดไหน มาพิสูจน์ไปพร้อม ๆ กันครับ

 

สรุปคะแนนทดสอบจากทีมงาน

 

สเปก Xiaomi Redmi Note 6 Pro
  • หน้าจอแสดงผลขนาด 6.26 นิ้ว แบบ IPS LCD ความละเอียด 2160×1080 พิกเซล, อัตราส่วน 19:9
  • กระจกหน้าจอ Corning Gorilla Glass ขอบโค้งมนแบบ 2.5D
  • ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 636 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 1.8 GHz
  • หน่วยประมวลผลภาพกราฟิก Adreno 509 GPU
  • หน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB
  • หน่วยความจำ ROM ขนาด 64 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 256 GB
  • กล้องคู่ด้านหน้า ความละเอียด 20+2 ล้านพิกเซล, รูรับแสง F/2.0, รองรับเทคโนโลยี AI
  • กล้องคู่ด้านหลัง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (F/1.9) + 5 ล้านพิกเซล (F/2.0), รองรับเทคโนโลยี AI และระบบโฟกัสภาพแบบ Dual Pixel AF
  • รองรับการสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง
  • รองรับการสแกนใบหน้า (AI Face Unlock)
  • รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Hybrid Slot)
  • แบตเตอรี่ขนาด 4,000 mAh
  • ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 (Oreo)

 

รีวิว Xiaomi Redmi Note 6 Pro : ดีไซน์ และการออกแบบ

Xiaomi Redmi Note 6 Pro มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาด 6.26 นิ้ว แบบ IPS LCD ความละเอียด 2160 × 1080 พิกเซล พร้อมกระจกหน้าจอ Corning Gorilla Glass ขอบโค้งมนแบบ 2.5D โดยมีขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 157.9 × 76.4 × 8.2 มิลลิเมตร สามารถจับถือใช้งานมือเดียวได้สะดวก

สำหรับการออกแบบของ Xiaomi Redmi Note 6 Pro เป็นดีไซน์จอบากตามสมัยนิยม ซึ่งด้านบนของหน้าจอแสดงผล ประกอบด้วย เซ็นเซอร์ต่าง ๆ, ไฟ LED แสดงสถานะการใช้งาน (ชาร์จแบตเตอรี่, การแจ้งเตือน), ลำโพงสนทนา และกล้องคู่ ความละเอียด 20+2 ล้านพิกเซล, รูรับแสง F/2.0

แต่ถ้าหากผู้ใช้ไม่ต้องการให้หน้าจอแสดงผลแบบจอบาก ก็สามารถปิดการแสดงผลในส่วนนี้ได้ ด้วยการเข้าไปที่ การตั้งค่า > แสดงเต็มหน้าจอ > เปิด Hide Screen Notch

ด้านล่างของหน้าจอแสดงผล เป็นปุ่มควบคุมการทำงานแบบสัมผัส (On-Screen) ประกอบด้วย ปุ่ม Recent Apps, ปุ่ม Home และปุ่มย้อนกลับ โดยด้านล่างตัวเครื่องจะเหลือขอบเล็กน้อย

ด้านขวาของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดตัวเครื่อง หรือล็อกหน้าจอแสดงผล และปุ่มปรับระดับเสียง ส่วนด้านซ้ายของตัวเครื่อง เป็นช่องสำหรับใส่ซิมการ์ด โดย Xiaomi Redmi Note 6 Pro รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดแบบ Hybrid Slot ซึ่งไม่สามารถใส่ซิมการ์ดที่ 2 กับ microSD Card ได้พร้อมกัน ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง

ด้านบนของตัวเครื่อง ประกอบด้วย พอร์ตอินฟราเรดสำหรับควบคุมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านแอปพลิเคชัน Mi Remote, ไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน และ ช่องหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร ส่วนด้านล่างของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ไมโครโฟนตัวหลักสำหรับสนทนา, พอร์ต microUSB และลำโพงเสียง

สำหรับบอดี้ด้านหลังตัวเครื่อง เป็นโลหะผิวสัมผัสเรียบ ประกอบด้วย กล้องคู่แนวตั้ง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (F/1.9) และ 5 ล้านพิกเซล (F/2.0) รองรับเทคโนโลยี AI พร้อมไฟแฟลช และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ซึ่งรุ่นนี้ไม่สามารถถอดแกะฝาหลังเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ ภายในประกอบด้วยแบตเตอรี่ขนาดความจุ 4,000 mAh รองรับการใช้งานได้อย่างยาวนานตลอดทั้งวัน

ในชุดจำหน่ายมาตรฐาน ประกอบด้วย ตัวเครื่อง Xiaomi Redmi Note 6 Pro, สาย USB, Adapter สำหรับชาร์จไฟ (กำลังไฟ 5V2A), เข็มสำหรับจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด, เคสซิลิโคนแบบใสสีดำ และคู่มือการใช้งาน ซึ่งไม่มีหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรแถมมาให้

 

รีวิว Xiaomi Redmi Note 6 Pro : อินเทอร์เฟส และการใช้งานเบื้องต้น

Xiaomi Redmi Note 6 Pro ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 (Oreo) พร้อมอินเทอร์เฟส MIUI เวอร์ชัน 9.6 ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์ และ Widget ได้ตามรูปแบบการใช้งานของแต่ละคน

Notification Center ศูนย์รวมการแจ้งเตือนทั้งหมด ทั้งอีเมล, ข้อความ, แจ้งเตือนการอัปเดตแอปพลิเคชัน และอื่น ๆ นอกจากนี้ ยังสามารถเข้าเมนูลัดตั้งค่าการใช้งานแบบด่วนได้ ไม่ว่าจะเป็น เปิด-ปิด Wi-Fi, เปิด-ปิด Bluetooth, ปรับความสว่างของหน้าจอ, เปิด-ปิดโหมดเครื่องบิน, ไฟฉาย และอื่น ๆ

การปัดจากซ้ายเป็นขวา จะเป็นการเข้าสู่ Widget ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ของ MIUI 9.0 โดย Widget จะเป็นการรวมแอปฯ ต่าง ๆ ไปแสดงในหน้านี้แค่หน้าเดียว ซึ่งสามารถตั้งค่าเป็นแอปฯ ย่อย หรือตั้งค่าเป็นเมนูลัดได้ ทำให้หน้า Home Screen ดูสะอาดตา และไม่ต้องคอยสลับแอปฯ ไปมาอีกด้วย

Xiaomi Redmi Note 6 Pro รองรับฟีเจอร์ Split Screen กับการแบ่งหน้าจอเพื่อให้สามารถใช้งาน 2 แอปพลิเคชันได้พร้อมกันในหน้าจอเดียว โดยรองรับการใช้งานทั้งแนวตั้งและแนวนอน

สำหรับหน้า Home Screen บน Xiaomi Redmi Note 6 Pro ไม่มี App Drawer เหมือนกับมือถือ Android รุ่นอื่น ๆ ซึ่งแอปพลิเคชันที่ถูกติดตั้งบนตัวเครื่องและดาวน์โหลดทั้งหมด จะมารวมอยู่ในหน้า Home Screen โดยผู้ใช้สามารถจัดเรียงแอปพลิเคชันให้เป็นระเบียบได้ตามการใช้งาน

Xiaomi Redmi Note 6 Pro มีการติดตั้งแอปพลิเคชันจาก Google ไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น Gmail, Google Map, YouTube, Google Drive, Duo และอื่น ๆ รวมถึงเครื่องมือต่าง ๆ ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน เช่น เครื่องคิดเลข, นาฬิกา, เครื่องบันทึกเสียง, เข็มทิศ, ตัวสแกน และเครื่องบันทึกเสียง นอกจากนี้ ยังมีวิทยุ FM ในตัวอีกด้วย

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจบน Xiaomi Redmi Note 6 Pro ก็คือ Second Space (พื้นที่ทับซ้อน) ฟีเจอร์ที่แบ่งพื้นที่การทำงานออกเป็น 2 ส่วน โดยจะทำงานและเก็บข้อมูลแยกกัน ถ้าหากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น ก็เหมือนกับการสร้าง Account แยกบนคอมพิวเตอร์นั่นเอง อีกทั้งยังช่วยทำให้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ปลอดภัยมากขึ้น สมมติว่า Space แรกมีการล็อกอินบัญชี Facebook หรือ LINE ของผู้ใช้อยู่ ถ้าหากเพื่อนมาขอยืมใช้ ก็ให้สลับเป็นอีก Space หนึ่ง ซึ่งนอกจากจะทำให้เพื่อนไม่สามารถรับรู้ข้อมูลส่วนตัวของเราได้แล้ว ยังไม่ต้อง Log Out ออกให้เสียเวลาอีกด้วย

Mi Drop เป็นแอปพลิเคชันสำหรับผู้ใช้มือถือ Xiaomi และมือถือ Android รุ่นอื่นสามารถส่งไฟล์หรือแชร์ข้อมูลหากันได้ผ่านทาง Wi-Fi ลักษณะการทำงานคล้ายกับ AirDrop บน iOS แต่ต่างกันตรงที่ Mi Drop จะไม่จำกัดรูปแบบของไฟล์ที่จะทำการส่ง นอกเหนือจากภาพ, เพลง หรือคลิปวิดีโอแล้ว ยังสามารถส่งไฟล์อย่างแอปพลิเคชันได้อีกด้วย

Mi Remote คือแอปพลิเคชันที่เปลี่ยนสมาร์ทโฟนให้กลายเป็นรีโมตคอนโทรลผ่านทางแสงอินฟราเรด (อยู่ด้านบนของตัวเครื่อง) ซึ่งสามารถควบคุมได้ทั้งโทรทัศน์, พัดลม, เครื่องปรับอากาศ, เครื่องเล่นดีวีดี และอื่น ๆ

แอปโคลน (Dual App) คือฟีเจอร์ที่ผู้ใช้สามารถเข้าใช้งาน 2 บัญชีในแอปฯ เดียวกันได้โดยไม่จำเป็นต้องสลับบัญชีกัน ไม่ว่าจะเป็น Facebook, LINE หรือ Messenger ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น LINE เบอร์ 1 เป็นบัญชีส่วนตัว ส่วน LINE เบอร์ 2 เป็นบัญชีร้านค้า/ธุรกิจ โดยตัวระบบจะมีการแจ้งว่า แอปฯ ใดในเครื่องบ้างที่รองรับฟีเจอร์แอปโคลน

ด้านความปลอดภัยนั้น Xiaomi Redmi Note 6 Pro รองรับการสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง รวมถึงการสแกนใบหน้า (AI Face Unlock) ซึ่งจากการทดสอบพบว่า สามารถปลดล็อกตัวเครื่องได้อย่างรวดเร็ว

มาทดสอบด้านการเล่นเกมกันบ้าง ซึ่ง Xiaomi Redmi Note 6 Pro มาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 636 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 1.8 GHz, หน่วยประมวลผลภาพกราฟิก Adreno 509 GPU และหน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB โดยการทดสอบเกมยอดนิยมอย่าง PUBG Mobile ด้วยการปรับกราฟิกที่ระดับสมดุล (ตัวเครื่องไม่รองรับกราฟิกที่ระดับ HD) พบว่า สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล ไม่กระตุก

เช่นเดียวกับเกม ROV ก็สามารถเล่นเกมได้อย่างลื่นไหลเช่นกัน ซึ่งเกม ROV รองรับการแสดงผลที่ระดับ HD โดยจากภาพข้างต้นจะเห็นว่า การแสดงผลแบบ HD กับ Non-HD ความละเอียดแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด

สุดท้ายเป็นการทดสอบ Benchmark บน Xiaomi Redmi Note 6 Pro กันบ้าง โดยผลการทดสอบด้วยโปรแกรม AnTuTu ทำได้ 115,255 คะแนน ส่วนการทดสอบด้วยโปรแกรม Geekbench 4 ทำได้ 1,332 คะแนน และ 4,681 คะแนน สำหรับการทดสอบแบบ Single-Core และ Multi-Core ตามลำดับ

 

รีวิว Xiaomi Redmi Note 6 Pro : กล้องถ่ายรูป

อย่างที่กล่าวไว้ในตอนต้นว่า จุดขายของ Xiaomi Redmi Note 6 Pro นั่นก็คือ กล้อง 4 ตัว พร้อมเทคโนโลยี AI (ทั้งกล้องด้านหน้าและด้านหลัง) ซึ่งกล้องด้านหน้า เป็นกล้องคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 20+2 ล้านพิกเซล, รูรับแสง F/2.0 และขนาดพิกเซล 1.8μm แบบ Super Pixel Technology โดยกล้องด้านหน้า จะมีโหมดถ่ายภาพให้เลือก 3 โหมดด้วยกัน ได้แก่ รูปภาพ, ภาพบุคคล และสี่เหลี่ยม ส่วนโหมดวิดีโอจะมีให้เลือก 2 โหมด ได้แก่ วิดีโอ และวิดีโอสั้น

สำหรับโหมดรูปภาพ มาพร้อมกับฟีเจอร์ AI Beautify 4.0 ที่สามารถปรับความเนียนของใบหน้าได้ตามใจ แบ่งเป็นโหมดบิวตี้ ที่มีให้เลือกปรับทั้งหมด 5 ระดับ และขั้นสูง ที่สามารถปรับแต่งได้ 4 ส่วน ได้แก่ หน้าเรียว, ตาโต, สีผิว และผิวเนียน

สำหรับโหมดภาพบุคคลนั้น เป็นการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ AI Portrait Mode กับการแสดงผลหน้าชัดหลังเบลอแบบ Real-Time ก่อนกดชัตเตอร์ถ่ายภาพ และสามารถปรับความเนียนของผิวได้สูงสุด 5 ระดับ

นอกจากนี้ ยังสามารถใส่ฟิลเตอร์ให้ภาพถ่ายมากถึง 12 แบบ และตั้งเวลานับถอยหลัง (3 วินาที, 5 วินาที) และเซลฟี่กลุ่มได้

ส่วนกล้องด้านหลัง เป็นกล้องคู่พร้อมเทคโนโลยี AI เช่นกัน ความละเอียดอยู่ที่ 12+5 ล้านพิกเซล, รูรับแสง F/1.9 และขนาดพิกเซล 1.4μm ซึ่งกล้องด้านหลัง มาพร้อมกับโหมดถ่ายภาพมากมาย ไม่ว่าจะเป็น รูปถ่าย, ภาพบุคคล, สี่เหลี่ยม, พาโนรามา และโหมดถ่ายภาพโปร โดยฟีเจอร์ AI Scene Recognition นั้น สามารถตรวจจับฉากหลังได้ถึง 27 หมวด 206 แบบ

โหมดถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ มาพร้อมกับฟีเจอร์ AI Dynamic Bokeh ซึ่งจะแสดงผลหน้าชัดหลังเบลอแบบ Real-Time และมีลูกเล่นแต่งไฟพิ้นหลังได้อีก 6 แบบ แต่ฟีเจอร์นี้ต้องรอการอัปเดตเฟิร์มแวร์ผ่านทาง OTA เสียก่อน

สำหรับโหมดโปร ผู้ใช้สามารถเลือกปรับการตั้งค่ากล้องถ่ายรูปได้ทั้งหมด 4 ส่วน นั่นก็คือ White Balance, รูรับแสง (F), ความเร็วของชัตเตอร์ (S) และ ISO (100-3200)

นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าในส่วนอื่น ๆ ได้อีก ไม่ว่าจะเป็น อัตราส่วนภาพถ่าย, คุณภาพรูปถ่าย, ลายน้ำ, แสดงตาราง, ความคมชัด และอื่น ๆ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องคู่ด้านหน้า โหมดรูปภาพ ปรับความเนียนของผิวที่ระดับ 3

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องคู่ด้านหน้า โหมดรูปภาพ ปรับความเนียนของผิวที่ระดับ 5

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องคู่ด้านหน้า โหมด Protrait (หน้าชัดหลังเบลอ) ปรับความเนียนของผิวที่ระดับ 3

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องคู่ด้านหลัง โหมดรูปภาพ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องคู่ด้านหลัง โหมดรูปภาพ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องคู่ด้านหลัง โหมดรูปภาพ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องคู่ด้านหลัง โหมดรูปภาพ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องคู่ด้านหลัง โหมดรูปภาพ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องคู่ด้านหลัง โหมดรูปภาพ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องคู่ด้านหลัง โหมดรูปภาพ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องคู่ด้านหลัง โหมดหน้าชัดหลังเบลอ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องคู่ด้านหลัง โหมดหน้าชัดหลังเบลอ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องคู่ด้านหลัง โหมดหน้าชัดหลังเบลอ

 

บทสรุปการใช้งาน

ในบรรดาสมาร์ทโฟนที่มีระดับราคาไม่เกิน 7,000 บาทนั้น เรียกได้ว่า Xiaomi Redmi Note 6 Pro เป็นอีกรุ่นที่มีความน่าสนใจไม่น้อย ด้วยคุณสมบัติที่คุ้มค่าเกินราคาค่าตัว เริ่มกันตั้งแต่ดีไซน์ตัวเครื่อง ที่มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาด 6.26 นิ้ว แบบ IPS LCD ความละเอียด 2160 × 1080 พิกเซล ความสว่างสูงถึง 500 nits และกระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 2.5D ทำให้สามารถแสดงผลได้อย่างคมชัดและเต็มตา ในขนาดที่จับได้ถนัดมือ อีกทั้งยังมาพร้อมกับดีไซน์จอบากตามสมัยนิยมอีกด้วย

สำหรับการประมวลผล มาพร้อมชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 636 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 1.8 GHz, หน่วยประมวลผลภาพกราฟิก Adreno 509 GPU, หน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB และหน่วยความจำภายในตัวเครื่องขนาด 64 GB ซึ่งจากการทดสอบใช้งานโดยทั่วไป รวมถึงเล่นเกมยอดนิยมอย่าง PUBG Mobile และ ROV พบว่า สามารถประมวลผลได้อย่างลื่นไหล ไม่มีกระตุก

กล้องถ่ายรูป ถือว่าเป็นจุดขายหลักของ Xiaomi Redmi Note 6 Pro รุ่นนี้เลยก็ว่าได้ โดยมาพร้อมกับกล้อง AI ถึง 4 ตัว ซึ่งประกอบด้วย กล้องคู่ด้านหน้า ความละเอียด 20+2 ล้านพิกเซล, รูรับแสง F/2.0 และกล้องคู่ด้านหลัง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (F/1.9) + 5 ล้านพิกเซล (F/2.0) รองรับ AI Portrait Mode กับการแสดงผลหน้าชัดหลังเบลอแบบ Real-Time ก่อนกดชัตเตอร์ถ่ายภาพ, ฟีเจอร์ AI Beautify 4.0 ที่สามารถปรับความเนียนของใบหน้าได้ตามใจ แบ่งเป็นโหมดบิวตี้ ที่มีให้เลือกปรับทั้งหมด 5 ระดับ และขั้นสูง ที่สามารถปรับแต่งได้ 4 ส่วน ได้แก่ หน้าเรียว, ตาโต, สีผิว และผิวเนียน รวมถึงโหมด AI Scene Detection กับการตรวจจับฉากหลังอัตโนมัติ และปรับแต่งภาพให้เป็นธรรมชาติและสมจริงมากที่สุด เรียกได้ว่า Xiaomi Redmi Note 6 Pro รุ่นนี้ ตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายรูปโดยเฉพาะ

ไม่เพียงเท่านั้น Xiaomi Redmi Note 6 Pro ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดความจุมากถึง 4,000 mAh ที่รองรับการใช้งานตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังมีความปลอดภัยด้วยระบบการสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง รวมถึงระบบการสแกนใบหน้า (AI Face Unlock) นอกจากนี้ ยังรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดอีกด้วย

ด้วยคุณสมบัติข้างต้นบางอย่างที่เทียบเท่ารุ่นเรือธง แต่ Xiaomi Redmi Note 6 Pro มีราคาค่าตัวเพียง 6,990 บาทเท่านั้น โดยมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีดำ, สีฟ้า และสีชมพู ผู้ที่สนใจสามารถทดสอบใช้งานกันได้ที่ร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

 

จุดเด่นของ Xiaomi Redmi Note 6 Pro

  • หน้าจอแสดงผลขนาด 6.26 นิ้ว แบบ IPS LCD ความละเอียด 2160×1080 พิกเซล, อัตราส่วน 19:9
  • กระจกหน้าจอ Corning Gorilla Glass ขอบโค้งมนแบบ 2.5D
  • ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 636 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 1.8 GHz
  • หน่วยประมวลผลภาพกราฟิก Adreno 509 GPU
  • หน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB
  • หน่วยความจำ ROM ขนาด 64 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 256 GB
  • กล้องคู่ด้านหน้า ความละเอียด 20+2 ล้านพิกเซล, รูรับแสง F/2.0
  • กล้องคู่ด้านหลัง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (F/1.9) + 5 ล้านพิกเซล (F/2.0), รองรับเทคโนโลยี AI และระบบโฟกัสภาพแบบ Dual Pixel AF
  • รองรับการสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง
  • รองรับการสแกนใบหน้า (AI Face Unlock)
  • รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Hybrid Slot)
  • แบตเตอรี่ขนาด 4,000 mAh รองรับการใช้งานได้อย่างยาวนานตลอดทั้งวัน
  • มีวิทยุ FM ในตัว
  • สามารถเปลี่ยน Redmi Note 6 Pro ให้กลายเป็นรีโมตคอนโทรลสำหรับควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้ผ่านแอปพลิเคชัน Mi Remote (ใช้แสงอินฟราเรด)
  • แชร์ไฟล์, รูปภาพ, เพลง, คลิปวิดีโอ รวมถึงแอปพลิเคชันไปยังมือถือ Android รุ่นอื่นได้ผ่านทางแอปพลิเคชัน Mi Drop
  • ฟีเจอร์แอปโคลน ทำให้สามารถเข้าใช้งาน 2 บัญชีในแอปฯ เดียวกันได้พร้อมกัน
  • ฟีเจอร์ Second Space (พื้นที่ทับซ้อน) กับการแบ่งพื้นที่การทำงานออกเป็น 2 ส่วน โดยจะทำงานและเก็บข้อมูลแยกกัน ทำให้ข้อมูลส่วนตัวมีความปลอดภัยมากขึ้น
  • ฟีเจอร์ Split Screen กับการแบ่งหน้าจอเพื่อให้สามารถใช้งาน 2 แอปพลิเคชันได้พร้อมกันในหน้าจอเดียว โดยรองรับการใช้งานทั้งแนวตั้งและแนวนอน
  • รองรับ Wi-Fi, Bluetooth และเครือข่าย 3G, 4G LTE
  • ระบบ GPS ในตัว พร้อมฟังก์ชัน A-GPS
  • ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 (Oreo)

 

จุดที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม

  • ถาดใส่ซิมการ์ดเป็นแบบ Hybrid Slot ทำให้ไม่สามารถใส่ซิมการ์ดที่ 2 กับ microSD Card พร้อมกันได้ ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
  • ไม่สามารถแกะฝาหลังเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้
  • ไม่รองรับเทคโนโลยี NFC
  • ไม่มีหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตรแถมมาให้ในชุดวางจำหน่าย
  • ตัวเครื่องไม่มีคุณสมบัติด้านการกันน้ำและกันฝุ่น

 

ข้อควรทราบ : เครื่อง Xiaomi Redmi Note 6 Pro ในบทความรีวิวนี้ เป็นเพียงเครื่องทดสอบเท่านั้น คุณสมบัติบางอย่างอาจยังไม่สมบูรณ์ 100% และอาจไม่ตรงกับตัวเครื่องที่วางจำหน่ายจริง

 

 

------------------------------------

บทความรีวิวโดย : techmoblog.com

Update : 10/10/2018

Xiaomi Redmi Note 6 Pro รีวิว Xiaomi Redmi Note 6 Pro





Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy